หร่านซวี่จือตื่นเช้ามาก เมื่อเห็นหวังหลงยังคงหลับอุตุอยู่ ชายหนุ่มจึงลุกจากเตียงแล้วออกไปข้างนอกเอง
หลังฝนตก สวนหย่อมด้านนอกอากาศเย็นสดชื่น หร่านซวี่จือจึงกวาดตามองด้านนอกหนึ่งรอบแล้วหยิบแก้วมาตักน้ำแล้วแปรงฟัน
หร่านซวี่จือ: “สองสามสาม เมื่อคืนกลางดึกมีคนมาใช่ไหม? ”
ระบบ: “ใช่ครับ”
หร่านซวี่จือ: “เซียวหงหรือ? ”
ระบบ: “ขอโทษครับ กระผมไม่มีอำนาจที่จะตอบคำถามนี้ได้”
เห็นทีเงาเมื่อวานที่เขาเห็นคือเซียวหงจริงๆ หร่านซวี่จือคิด
นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เซียวหงมาแอบส่องที่นี่ เธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ?
“พี่หวัง วันนี้ไปดูหนังที่ปากทางหมู่บ้านไหม…” ตรงประตูทางเข้ามาเสียงของจ้าวผิงดังขึ้น หร่านซวี่จือกำลังบ้วนน้ำในปากแล้วสบตากับจ้าวผิง
จ้าวผิงหลบตาอย่างอึดอัด
“พี่จ้าว อรุณสวัสดิ์ครับ” หร่านซวี่จือทักทายอย่างมีมารยาท
จ้าวผิงเกาศีรษะ หวังเฉิงก็เดินหาวออกมาจากในบ้าน “ไปสิ กลางคืนไม่ได้มีธุระอะไร”
ทุกวันศุกร์ตรงปากทางหมู่บ้านจะมีการฉายหนังกลางแปลงซึ่งจะใช้ไม้ไผ่สานเพื่อกางผ้าใบและต้องซื้อตั๋วถึงเข้าไปดูได้ อีกทั้งยังต้องแบกเก้าอี้ไปเอง บางทีก็ฉายหนังสยองขวัญ หรือบางทีก็ฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน จะมีบ้างที่ฉายเกี่ยวกับความรัก แต่คุณภาพของภาพก็ไม่ได้ดีนัก
หร่านซวี่จือคืนเก้าอี้ที่เดิมแล้วเอ่ยลากับหวังเฉิง จากนั้นก็กลับไป
หวังเฉิงนั่งลงบนเก้าอี้เล็กแล้วล้วงบุหรี่ออกมาจากในกระเป๋าหนึ่งมวน “เหล่าจ้าว นายกับเ้ากระต่ายนั่นเป็อะไรกัน? ”
“หา? ” จ้าวผิงตั้งตัวไม่ทัน “นายหมายถึงเ้าแซ่ไป๋นั่นน่ะหรือ? ”
หวังเฉิงขมวดคิ้ว
“ไม่ได้เป็อะไรกันนี่” จ้าวผิงเริ่มไม่เป็ธรรมชาติ “ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเมื่อวานจะช่วยเขาแต่เขาดันใกลัวจนวิ่งหนี”
หวังเฉิงดีดเถ้าบุหรี่ “เหล่าจ้าว นายควรหาเมียสักคนได้แล้ว”
เหล่าจ้าวหัวเราะเสียงดัง “โอ๊ย พี่หวังยังมาว่าฉันอีก! พี่เองก็ยังไม่หาเลย! ”
“ฉันกับนายไม่เหมือนกัน ฉันยังไม่คิดถึงเื่พวกนี้” หวังเฉิงหงุดหงิดเล็กน้อย ในสมองมีภาพของไป๋หลิงฉายขึ้นมา เ้าบ้านั่นจะหาเมียหรือเปล่านะ? หน้าตาแบบนั้น คงต้องหาผู้หญิงที่บอบบางไม่สู้ลมถึงจะได้หรือเปล่า?
หลังจากที่หร่านซวี่จือกลับไป ไป๋หลิงฮัวก็ไม่อยู่อีกแล้ว เดินวนอยู่ครึ่งค่อนวัน ก็ไม่เห็นเงาพี่สาวของตนเอง
“พี่หลิงฮัวออกจากบ้านแต่เช้าแล้ว” ไป๋เหมยรู้ว่าหร่านซวี่จือคิดกำลังคิดอะไร จึงเอ่ย “ฉันเดาว่าคงไปซื้อบุหรี่ที่ปากทางหมู่บ้าน”
“อืม” หร่านซวี่จือตอบรับ
ไป๋ซวงพูดต่อ “เสี่ยวหลิง ถ้าแกจะไปปากทางหมู่บ้าน ช่วยพี่ซื้อตั๋วหนังด้วยสองใบนะ! ”
หลายวันมานี้ไป๋ซวงกับผู้ชายข้างบ้านไปหามาสู่กันบ่อย ผู้ชายคนนั้นรูปร่างกำยำแต่รู้สึกว่าไม่ค่อยฉลาดเพราะเขาออกจะดูซื่อๆ เล็กน้อย
หร่านซวี่จือตอบรับแล้วเดินไป ไป๋ซวงโยนกระดาษขาดๆ เน่าๆ หลายใบในมือเขา “ถ้านายอยากดูก็ซื้อสักใบก็ได้”
ปากทางหมู่บ้านยังอีกไกล หร่านซวี่จือเดินไปถึงที่ก็เหงื่อซึมทั้งตัว เขารีบล้วงผ้าเช็ดหน้าของตนเองมาเช็ดเหงื่อ
ด้านหน้ามีบ้านหลังเล็กหลายหลังที่อยู่ตรงพื้นราบ มีทั้งร้านค้าซุปเปอร์มาร์เก็ต และโรงฉายหนัง
ตรงหน้าประตูร้านค้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่รู้ว่าคนกำลังทะเลาะอะไรกัน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงและเสียงด่าทอเสียงดังของผู้ชาย หร่านซวี่จือเดินอ้อมคนเข้าไปในร้านค้าซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อไปหาเ้าของร้านเพื่อซื้อตั๋ว ใครจะรู้ว่าหาอยู่นานครึ่งค่อนวันก็ไม่เห็น
“เสี่ยวหลิง! ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่? พี่สาวเธอเกิดเื่แล้ว! ” มีป้าคนหนึ่งเห็นหร่านซวี่จือจึงรีบมาคว้าตัวเขา
หร่านซวี่จือสงสัยเล็กน้อย จู่ๆ ก็นึกถึงเงาในกลุ่มคนเมื่อครู่ เขาจึงรีบวิ่งอย่างตื่นใออกไป
คนที่ถูกล้อมอยู่คือไป๋หลิงฮัวจริงๆ ด้วย เธอก้มศีรษะอยู่และผมลอนเป็คลื่นนั้นก็ยุ่งเหยิง เครื่องสำอางบนใบหน้านั้นเลอะไปหมด แก้มซ้ายที่นุ่มเนียนของเธอนั้น ในขณะนี้มีรอยนิ้วมืออย่างเห็นได้ชัด
สายตาของเธอจ้องมองไปที่พื้น ด้านหน้ามีผู้หญิงที่กำลังด่าทอต่อว่าด้วยคำพูดหยาบคายและถูกชายหลายคนดึงตัวไว้
“พี่! ” หร่านซวี่จือคว้าแขนของไป๋หลิงฮัว
“ดีแล้ว! มาได้จังหวะพอดี! ” ผู้หญิงคนนั้นเหมือนพวกแม่บ้านไม่มีเหตุผล ตอนด่ากราดนั้นก็พ่นน้ำลายไปทั่ว “รีบพานังตัวดีกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! ช่างไม่รู้จักมียางอายเลย! ใส่แบบนี้มาอ่อยใครไม่ทราบ! ”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนี้ก็คือเ้าของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต เห็นทีผู้หญิงคนนี้จะเป็เถ้าแก่เนี้ย ทั่วไปแล้วไป๋หลิงฮัวก็มักจะสวมเสื้อผ้าที่ใส่นอนออกมา ด้วยความที่เธอมีรูปร่างดี ดังนั้นเวลาสวมชุดนอนจึงเห็นรูปร่างชัดเจนไปหน่อย ผู้หญิงในหมู่บ้านต่างไม่ชอบใจเธอในเื่นี้ นึกว่าไป๋หลิงฮัวนั้นจงใจอยากอ่อยพวกผู้ชาย แต่ความเป็จริงคือไป๋หลิงฮัวแค่ี้เี
เ้าของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตใบหน้าเขินอายแล้วปลอบเถ้าแก่เนี้ยที่อาละวาดพร้อมกับอีกหลายคน หร่านซวี่จือดึงตัวไป๋หลิงฮัวที่ถูกผู้คนชี้ซุบซิบนินทาออกมาอีกทาง
“พี่? ” หร่านซวี่จือล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ไป๋หลิงฮัว
ไป๋หลิงฮัวรับมาเช็ดอย่างลวกๆ ท่าทีบนใบหน้านั้นดูแล้วปล่อยวางอย่างมาก เหมือนไม่ได้มีผลกระทบทางความรู้สึกแต่อย่างใด เหมือนเคยชินกับเื่ราวที่เกิดขึ้นแบบนี้แล้ว
“พี่ครับ ทำไมพี่ไม่บอกความจริงออกมาล่ะ? ” หร่านซวี่จือเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ไป๋หลิงฮัวชำเลืองมองเขา “ความจริงอะไร? ”
แก้มของเธอยังนั้นบวมแดง พูดจบก็บิดี้เี ทรวงอกยิ่งยืดออกมาชัดเจน “เสี่ยวหลิง เื่บางเื่เราก็อย่าใส่ใจมันดีกว่า”
หร่านซวี่จือเดินไปที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วยื่นเงินให้เ้าของร้าน “คุณอาครับ ขอซื้อตั๋วหนังสี่ใบครับ”
เ้าของร้านนับเงินพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น “เสี่ยวหลิง เงินแค่นี้ไม่พอนะ ซื้อได้แค่สามใบ”
“พอนะครับ” หร่านซวี่จือเอ่ยอย่างจริงจัง
“เสี่ยวหลิง นี่เธอไม่ถูกนะ เธอดูสิ เธอยังเป็แค่เด็กนักศึกษา ส่วนฉันเป็คนเก็บเงินในร้านค้า” เถ้าแก่หยิบตั๋วหนังออกมาจากกล่องเหล็กพลางนับสามใบแล้วยื่นให้หร่านซวี่จือ
หร่านซวี่จือมองเธออยู่ชั่วครู่ “เถ้าแก่ครับ คุณเอาตั๋วหนังสักใบให้แทนคำขอโทษพี่สาวผม คงไม่ถือว่ามากเกินไปใช่ไหมครับ? ”
เขาชำเลืองมองกล้องวงจรปิดในร้านค้าแล้วมองมาทางเ้าของร้านอีกครั้ง สายตาแน่นิ่ง แต่ในความแน่นิ่งนั้นกลับมีคลื่นบางอย่างปนออกมา ทำเอาคนเกิดอาการขนลุกและเ้าของร้านก็มีเหงื่อซึมที่หน้าผาก
“เฮ้อ ถือเสียว่าเป็การอวยพรการเรียนให้เธอก็แล้วกัน” รอยยิ้มของเ้าของร้านเริ่มไม่เป็ธรรมชาติแล้วเธอก็หยิบตั๋วหนังอีกหนึ่งใบออกมา
หร่านซวี่จือซื้อตั๋วหนังให้ไป๋หลิงฮัวด้วยหนึ่งใบและซื้อให้ไป๋ซวงสองใบ ขณะที่ออกมาจากร้านค้า ก็เห็นไป๋หลิงฮัวยืนสูบบุหรี่พิงต้นไม้ เมื่อมองเธอจากด้านข้าง ก็สื่อให้เห็นถึงความเดียวดาย
หร่านซวี่จือกำลังจะเดินไป ก็มีใครบางคนเรียกเขาไว้
“เ้ากระต่าย! ”
ตอนแรกเขาไม่รู้ตัวว่ามีคนกำลังเรียกเขา แต่เสียงนี้ก็ดังขึ้นอีกหลายรอบจึงค่อยหันหน้ามาด้วยความสงสัย
หวังเฉิงยืนอยู่ด้านหลังเขา ในปากคาบบุหรี่ไว้และหรี่ตามองเขา
“สวัสดีครับ พี่หวัง” หร่านซวี่จือทักทาย
หวังเฉิงใช้คีบบุหรี่ด้วยนิ้วสองนิ้ว พลางพ่นลมออกมา ซึ่งควันบุหรี่นั้นพ่นใส่หน้าหร่านซวี่จือ เขาชำเลืองมองตั๋วหนังในมือหร่านซวี่จือ “เื่ของพี่นาย นายไม่สนใจแล้วหรือ? ”