สองปีผ่านไป การตามหาตัวของลู่หยวนซียังคงเป็ไปอย่างต่อเนื่อง เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนเองก็กลับมาเดินได้เป็ปกติแล้ว เพราะได้ท่านหมอเทวดาเซี่ยที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็อย่างดีเป็ผู้ปรุงยารักษา สี่ปีก่อนเขาคือผู้ที่มอบยาถอนพิษให้กับตระกูลกู้ และเื่ที่คาดไม่ถึงคือหมอเทวดาเซี่ยเป็พี่ชายแท้ๆ ของเซี่ยฮองเฮาและมีศักดิ์เป็ท่านลุงของเขาเอง คราแรกหมอเทวดาเซี่ยเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นจะสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ถึงสองปี ทั้งดวงตายังสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง
หมอเทวดาเซี่ยซักไซ้เื่ราวจากเขาจนได้ข้อสรุปว่าเป็เพราะเืของลู่หยวนซีทำให้อาการของเขาดีขึ้นและยังกดข่มพิษในร่างกายของเขาให้มันค่อยๆ สลายหายไป หมอเทวดาเซี่ยสันนิษฐานว่านางอาจจะเป็คนจากเผ่าเหมียวในตำนาน ที่ว่ากันว่ามีเืที่พิเศษสามารถรักษาพิษได้ทุกชนิด ต่อให้ตัวเขาไม่ใช้ยาแก้พิษกับเฮ่อเหวินเจ๋อ อีกไม่นานเขาก็จะหายดีด้วยตนเอง หลังจากหายดีตลอดสองปีเขาได้เดินทางเข้าออกแคว้นจ้าวหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็หาตัวของลู่หยวนซีไม่พบและครั้งนี้เขาก็ต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพราะเื่ที่ได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้เฮ่อเหวิน นั่นคือการเป็ตัวแทนราชทูตเดินทางมายังแคว้นจ้าวเพื่อสู่ขององค์หญิงมาเป็สะใภ้
ตลอดระยะเวลาห้าสิบปีทั้งสองแคว้นต่างมีสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน และเป็อีกครั้งที่แคว้นจิ้นและแคว้นจ้าวใช้วิธีเชื่อมสัมพันธ์โดยการแต่งงาน ดังนั้นเื่ที่แคว้นจิ้นได้รับตัวพระโอรสที่หายสาบสูญไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนกลับมาแล้ว ทางราชสำนักแคว้นจ้าวย่อมต้องรู้เื่นี้อย่างแน่นอน และเมื่อสองปีก่อนฮ่องเต้จ้าวยังได้ส่งราชทูตพร้อมทั้งของขวัญไปยังแคว้นจิ้นเพื่อรับขวัญ แต่น่าเสียดายที่มิได้พบองค์ชายผู้นั้นเพราะอาการป่วยของเขา
แต่ข่าวลือที่ว่าเขานั้นรูปงามราวเทพเซียนถ้าหากบุตรชายคนรองของตระกูลกู้ยังอยู่ เขาน่าจะยังพอสูสีกันได้ ลู่หยวนซีกลับมาจากชายแดนทางเหนือพอดี เป็เวลาเดียวกันกับคณะราชทูตแคว้นจิ้นก็พึ่งเดินทางมาถึงประตูเมืองหลวงเช่นกัน นางที่นั่งอยู่บนหลังม้าตัวพ่วงพีมองไปยังกลุ่มคนมากมายที่ออกมาต้อนรับ แต่แล้วสายตาของนางก็สะดุดเข้ากับแผ่นหลังของบุรุษผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตา ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวหรือว่าจะเป็เขา แต่เมื่อเห็นบุรุษผู้นั้นนั่งอยู่บนหลังม้า ลู่หยวนซีก็ส่ายหน้าให้กับความคิดเหลวไหลของตน เขาจะขี่ม้าได้อย่างไรคุณชายของนางตาบอดทั้งยังเดินไม่ได้ เขาอาจเป็เพียงคนที่มีลักษณะท่าทางคล้ายกันเท่านั้น
“ไปเส้นทางอื่นเถอะ ดูท่าทางคงจะต้องรอนาน”
ลู่หยวนซีเอ่ยกับผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลัง ก่อนชักสายบังคับม้าให้ไปอีกทางเพื่อเลี่ยงเส้นทางที่แออัด เมื่อนางกลับมาถึงตำหนักขององค์รัชทายาทจ้าวหลี่เสวียน นางก็เข้ารายงานต่อเขาในทันที
“เ้ากลับมาแล้วหรือ”
จ้าวหลี่เสวียนแสดงท่าทางดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง หลังจากเห็นร่างบางมายืนอยู่ต่อหน้า
“หม่อมฉันกลับมาแล้วเพคะ”
ลู่หยวนซีประสานมือทำความเคารพต่อองค์รัชทายาทจ้าวหลี่เสวียนเหมือนอย่างเช่นทหาร ตลอดสองปีที่นางติดตามเขานางได้ช่วยชีวิตเหล่าทหารและชาวบ้านหลายพันคนเอาไว้ หลายครั้งต้องปะทะกับคนเถื่อนที่เข้ารุกรานและปล้นสะดมชาวเมืองที่อยู่ในแถบชายแดนเหนือ ทั้งยังคอยสืบหาสำนักนักฆ่าที่ถูกส่งมาจัดการกับกู้จิ่งเหยียน และทำภารกิจของตนควบคู่ไปด้วยตอนนี้นางเป็ดั่งมือขวาคนสนิทของจ้าวหลี่เสวียนไปแล้ว และนางเป็คนเดียวที่ชอบเก็บตัวเงียบอยู่อย่างสันโดษไม่สุงสิงกับใครและไม่แสวงหาอำนาจ เพราะจุดประสงค์ของการมีอยู่ของนางก็เพื่อแก้แค้นให้กู้จิ่งเหยียนเท่านั้น ตลอดสองปีที่จ้าวหลี่เสวียนพยายามเอาชนะใจนางแต่เป็ลู่หยวนซีที่สร้างกำแพงขีดเส้นคนทั้งสองเอาไว้อย่างชัดเจน
“ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองเป็เพียงการพึ่งพากันเท่านั้น ท่านใช้ประโยชน์จากข้าและตัวข้าเองก็ใช้อำนาจที่ท่านมีในมือ ดังนั้นเมื่อใดที่ข้าสามารถแก้แค้นให้คุณชายของข้าได้สำเร็จ เมื่อนั้นข้าก็จะจากไป”
“เพราะเหตุใดเล่า กู้จิ่งเหยียนก็ตายไปเป็ปีแล้วเหตุใดเ้าถึงได้ยึดติดอยู่กับเขานัก”
“เพราะเขาเป็คนแรกที่ข้าเรียกว่าครอบครัวั้แ่ลืมตาขึ้นที่นี่ อีกอย่างที่นี่วุ่นวายเกินไปจิตใจของผู้คนมีเพียงการแก่งแย่งในอำนาจผลประโยชน์ มันไม่เหมาะกับข้า องค์รัชทายาทถ้าท่านยังเห็นว่าข้าเป็สหาย ได้โปรดตัดใจจากข้าเถิดเ้าค่ะ”
“แต่ถ้าเพื่อเ้าเราสามารถสละได้แม้กระทั่งราชบัลลังก์ ลู่หยวนซีเราขอให้เ้าช่วยพิจารณาดูอีกสักครั้งได้หรือไม่”
นั่นเป็การสนทนากันครั้งสุดท้ายก่อนที่ลู่หยวนซีจะเดินทางไปยังชายแดนเหนือของแคว้นจ้าว นาง้าทำงานของตนเองให้สุดความสามารถ เพื่อที่จ้าวหลี่เสวียนเองก็จะต้องทำตามคำขอของนางเช่นกัน นั่นคือการกำจัดสำนักนักฆ่าและหาตัวผู้ที่อยู่เื้ัการตายของกู้จิ่งเหยียนออกมาให้นาง สองปีก่อนหลังจากที่ลู่หยวนซีได้หนังสือสัญญาทาสกลับคืนมา นางก็เปลี่ยนชื่อจากเฉียนฟางหนิงเป็ลู่หยวนซี แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีผลกระทบต่อต้นฉบับแน่ เพราะลู่หยวนซีไม่ได้มีตัวตนอยู่ในหนังสือนิยายเล่มนี้
หลังจากที่นางเปิดตัวต่อสาธารณชนว่านางคือหนึ่งในคนขององค์รัชทายาท การลอบสังหารก็เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน นางไม่เข้าใจผู้เขียนนิยายเื่นี้เลยจริงๆ ทำไมถึงได้ชอบฆ่าตัวละครนัก ทั้งที่นางก็น่าจะมีประโยชน์ต่อตัวละครหลักของนิยายเื่นี้ แต่พระเอกกับนางเอกกลับมีชีวิตที่สุขสบายทั้งที่่ชิงชีวิตของผู้อื่นไป การที่ลู่หยวนซีได้พบกับเจียงจื่ออิ๋งและกู้เยี่ยนชิง นางเอกและพระเอกของนิยาย ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยกับนิสัยของทั้งสองคนยิ่งนักมันเหมือนกับว่านางได้พบกับเพื่อนเก่าที่โลกเดิมของตน แม้จะเป็เพียงแค่สองสามครั้งหลังจากที่มายังเมืองหลวงแคว้นจ้าว ต่อหน้าองค์รัชทายาทพวกเขาต่างก็แสดงท่าทียินดีต้อนรับนาง เพราะเป็คนที่อยู่ฝั่งเดียวกันแต่เมื่อเวลาอยู่ตามลำพังนางมักจะสังเกตเห็นสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามส่งมาให้ พวกเขาคงจะคิดว่านางเคยเป็สาวใช้ในจวนตระกูลกู้ จึงได้ไม่ปิดบังการแสดงออกของพวกตนเมื่ออยู่กับนาง นิสัยหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้ทำให้นางอดที่จะคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้อาจจะเป็เพื่อนสมัยเรียนและอดีตคนรักเก่าของตนหรือไม่ ลู่หยวนซีเลิกสนใจพระเอกและนางเอกว่าพวกเขาจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับตน