ในโลกแห่งความมืด ฟางหยวนได้ยินแต่เพียงเสียงกรีดร้องของตงชวน เสียงสะอื้นไห้ของหลินฝาน เสียงร่ำไห้ค่อยๆ เบาลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่ได้ยินอีกต่อไป
ฟางหยวนกลัวมาก กลัวว่าเสิ่นิจะฆ่าใครไปแล้วจริงๆ ถึงแม้ตงชวนจะชั่วช้า ตายหลายพันครั้งก็ชดใช้กรรมไม่หมด แต่สุดท้ายแล้วเสิ่นิก็เป็แค่บอดี้การ์ดมิใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เขาไม่มีสิทธิ์จบชีวิตผู้อื่น
ฟางหยวนตื่นตระหนกอยู่ท่ามกลางความเครียดเป็ระยะเวลายาวนานถึง 5 นาที จนกระทั่งเสิ่นิเดินมาที่หน้ากรง ก่อนจะใช้กุญแจไขเปิดออก ในที่สุดฟางหยวนก็ลืมตาขึ้นทั้งสองข้าง ความคลุมเครือกลับมาชัดแจ้ง สีหน้าของเสิ่นิมีรอยยิ้มดั่งเช่นยามปกติ เขายืนอยู่ ณ ตรงนั้น
“คุณไม่เป็ไรก็ดีแล้ว” สีหน้าของเสิ่นิบ่งบอกถึงความเป็ห่วง ความตื่นตระหนก และโทษตัวเอง เมื่อฟางหยวนออกมาได้ เธอก็พุ่งเข้ากอดคอของเสิ่นิเอาไว้
“ฉันจะปกป้องคุณเอง! ไม่ว่าคุณจะทำอะไร! ฉันก็จะปกป้องคุณเอง! ฉันจะจ้างทนายที่ดีที่สุดให้กับคุณ! แม้ว่าจะต้องไปขอร้องกับตู้ ATM บ้านั่นก็เถอะ ฉันก็จะขอร้องเขาเพื่อคุณ!” ฟางหยวนกลัวมาก กลัวว่าถ้าปล่อยมือแล้ว จะมีลูกกรงมาขวางกั้นอีก
“ไม่ต้องใ ผมยังไม่ได้ฆ่าใคร” เสิ่นิลูบแผ่นหลังของฟางหยวนที่กำลังสั่นเทา “แต่ตอนนี้คุณต้องปล่อยผมก่อน”
เสิ่นิคลายอ้อมกอดของฟางหยวนออก ก่อนจะย่อตัวลงนั่งลงบนเข่าข้างเดียวและอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง กระเพาะอาหารได้ดูดซึมอาหารส่วนสุดท้ายไปเรียบร้อยแล้ว ที่อาเจียนออกมามีแต่กรดและน้ำ
“คุณเป็อะไร?” ฟางหยวนถามด้วยความเป็ห่วง
“ไม่เป็ไร ‘การควบคุมกล้ามเนื้อ’ เป็วิชาที่ผมทำได้ห่วยที่สุด เดิมทีมันเป็คอร์สต่อสู้แบบสัตว์ประหลาดในระยะประชิด ทักษะที่จำเป็อย่างยิ่งสำหรับผู้ลอบสังหาร ผมเป็มือปืน เื่นี้ถือว่าเป็ของแถม ตอนนี้พอใช้ทักษะนี้ควบคุมกล้ามเนื้อเรียบ อาจส่งผลข้างเคียงั้แ่ อาการชักกระตุก อาเจียน ฉี่เป็เื หรือถ่ายเหลว” เสิ่นิโบกมือพลางเช็ดคราบสกปรกออกจากมุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเขาพยุงฟางหยวน หรือ ฟางหยวนพยุงเขา ชายหญิงคู่หนึ่งก้าวเดินไปยังทางออก กุญแจประตูกรงเด็กเ่าั้ไม่ได้อยู่ที่ตัว เสิ่นิจึงใช้ภาษาง่ายๆ บอกให้พวกเขารอ จะมีคุณลุงตำรวจมาช่วยพวกเขาออกไป
ส่วนหลินฝานที่ถูกตอกเท้าลงกับพื้นจนพื้นกลายเป็สีแดง เขาเสียเืมากเสียจนใบหน้าซีดขาว สีปากดำคล้ำ นั่งตัวสั่นหงึกๆ อยู่บนพื้น
ขณะที่ฟางหยวนเดินผ่าน หลินฝานคว้ากอดเท้าของเธอไว้และคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ เขาเอ่ยขอร้องทั้งน้ำมูกน้ำตา “รุ่นน้อง! รุ่นน้อง! อย่าทิ้งพี่ไว้ที่นี่เลย! พี่เข้าคุกไม่ได้! พี่ไม่อยากติดคุก! ปล่อยพี่ไปเถอะนะ! เห็นแก่ที่เราเป็ศิษย์ร่วมสำนักกัน! เห็นแก่ที่พี่เคยช่วยชีวิตน้องเอาไว้!”
“เสิ่นิ” ฟางหยวนถามความเห็นบอดี้การ์ดข้างกาย
“ผมแค่คุ้มครองความปลอดภัยของคุณ คุณจะจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไรก็สุดแล้วแต่คุณเถอะ” เสิ่นิผละถอยออกไปเล็กน้อยอย่างรู้งาน
“รุ่นพี่ ถึงพี่จะทำเื่ไม่ดีกับฉันมามากมาย แต่อย่างที่พี่ว่า พี่เคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ตามเหตุและผล ฉันไม่ควรปล่อยให้พี่ต้องเข้าคุก” ฟางหยวนถอนหายใจพลางกล่าว แต่จู่ๆ มือทั้งสองข้างของหญิงสาวก็คว้าจับศีรษะของหลินฝานเอาไว้ ก่อนจะแทงเข่าจนเืกำเดาหมอนั่นกระเซ็นลงพื้น กระทั่งตะปูที่ตอกอยู่กับฝ่าเท้าเด้งหลุดขึ้นมา “ทำไมแกต้องแอบไปขโมยกางเกงในฉัน?! ตอนนั้นฉันอายุแค่ 14 เอง! แกมันโรคจิต! ไปตายซะ!”
เมื่อเสิ่นิได้เห็นฉากนั้นก็พลันยกนิ้วขึ้นมาจิ้มแก้ม จู่ๆ เขาก็ตกผลึกความคิดได้ว่าตราบใดที่เป็ผู้หญิง ย่อมถือสาหาความกับคนที่มายุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัวของตน
หลังได้ระบายอารมณ์แล้ว ฟางหยวนก็กลับไปยังข้างกายของเสิ่นิ พวกเขาก้าวเดินต่อไป ฟางหยวนเห็นตงชวนนอนอยู่ที่หน้าเตาโลหะ ถึงเสิ่นิจะเอาผ้าใบกันน้ำคลุมร่างของเขาไว้ แต่คราบเืซึ่งกระจายเป็ระยะ 3 เมตรก็ยังคงบ่งบอกได้ว่าเสิ่นิทำอะไรกับเขาไว้บ้าง ภายใต้ช่องว่างของผ้าใบ ตงชวนหมดหนทางเอ่ยคำได้อีกต่อไป มีเพียงดวงตาแดงก่ำซึ่งจับจ้องมาที่พวกเขาโดยไม่กะพริบตา
ในขณะที่ฟางหยวนกับเสิ่นิกำลังจะออกจากประตูห้องนิรภัย เสิ่นิก็คว้าเอาตัวฟางหยวนหลบไปทางด้านหลัง
“ว่าไง?” ฟางหยวนกล่าวด้วยความสงสัย
“กลิ่นเื...ฉุนเกินไป” เสิ่นิดึงมีดปอกผลไม้ออกมากำไว้ในมือ
ฟางหยวนไม่ได้กลิ่นอะไร แต่ท่าทางเคร่งขรึมของเสิ่นิทำเอาเธอหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
เขากดแอปโก่งราคาเพื่อเปิดประตูห้องนิรภัยขึ้นอีกครั้ง เืไหลพรวดมาตามทางเดินอย่างรวดเร็ว เหล่านักเลงซึ่งก่อนหน้านี้ยังลิงโลดเป็เ้าถิ่นอยู่ ตอนนี้กลายเป็ว่าล้มลงไปกองกับพื้นและร้องโหยหวนจนหมดแล้ว มีเพียงคนสวมหน้ากากขาวแค่ 4 คน ชายสาม หญิงหนึ่ง ทั้งหมดอยู่ในชุดราชวงศ์ถังสีแดงเื ในมือถืออาวุธโบราณซึ่งเห็นได้เฉพาะในภาพยนตร์กำลังภายใน กำลังทยอยหักแขนหักขาเ้านักเลงพวกนี้ทีละคนๆ
ส่วนที่โผล่ออกมาจากหน้ากากของพวกเขามีแค่เพียงลูกตาและรูจมูก บนหน้ากากมีตัวหนังสือแบบหวัดเขียนว่า “ภูต ไพร พราย ห่า”
ภูตคาดมีดแล่ปลาสองเล่ม ไพรควงหอกยาวเงินประกาย พรายกวัดแกว่งขวานหน้ากว้าง ห่าวาดค้อนสำริดคู่
วินาทีที่พวกเขาเห็นเสิ่นิ พวกเขาแทบจะเปล่งพลังสังหารออกมาในฉับพลัน
“ขุนพลชุดแดง ภูตไพร พราย ห่า...พวกคุณคือ ‘จตุปีศาจแห่งพสุธา’ ของตาเฒ่าเฝิงอย่างนั้นเหรอ?” เสิ่นิแยกออกว่าใช่พวกตนหรือไม่ แต่พลังสังหารนั้นทำให้เขายกมีดปอกผลไม้ขึ้นมาปกป้องฟางหยวนซึ่งอยู่ด้านหลัง
“น้องชาย สายตาไม่เลวนี่ รู้จักสัตว์เลี้ยงของข้าด้วย ขอทราบชื่อแซ่ได้ไหม?” ในครัวด้านหลัง เด็กหนุ่มในชุดราชวงศ์ถังยกจานสเต๊กก้าวออกมา เขาสวมหน้ากากสีทองซึ่งปิดบังอยู่ครึ่งใบหน้า หนุ่มน้อยคนนั้นนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามเสิ่นิ ก่อนจะแล่สเต๊กอย่างสบายอารมณ์
“ผมเป็แค่บอดี้การ์ดต่ำต้อยคนหนึ่ง ชื่อแซ่ไม่คู่ควรกับหูอันสูงส่งของนายน้อยตระกูลเฝิงหรอก” เสิ่นิกล่าวอย่างถ่อมตน ที่เรียกเด็กหนุ่มคนนั้นว่านายน้อย เพราะเนื่องจากเขาสวมหน้ากากทองที่เป็สัญลักษณ์แทนตนของตาเฒ่าเฝิง ตามหลักการแล้วควรจะเป็หน้ากากเต็มใบ เสิ่นิไม่เคยได้ยินว่าตาเฒ่าเฝิงมีนายน้อยซึ่งสวมหน้ากากแค่ครึ่งหน้าด้วย?
“บุกเข้าถ้ำเสือเพียงลำพัง ฝ่าดงอันธพาลมานับไม่ถ้วน ซ้ำยังช่วยคนออกมาได้ จะให้ข้าเรียกเ้าว่าบอดี้การ์ดผู้ต่ำต้อยได้อย่างไร” นายน้อยพูดพลางยัดชิ้นสเต๊กเข้าปาก ก่อนจะยิ้มอย่างสุขใจ
ฟางหยวนนับถือกระเพาะลำไส้ของนายน้อยจริงๆ ด้วยกลิ่นเืฉุนรอบตัว ไหนจะยังมือและเท้าซึ่งถูกตัดจนขาด เด็กหนุ่มยังมีกะจิตกะใจทานสเต๊กเนื้อสุกระดับกลางซึ่งยังมีเืไหลซึมอยู่อีก...
“หากพวกคุณมาเพื่อช่วยคน ก็ถือว่าเราเป็พวกเดียวกัน” เสิ่นิรีบประกาศจุดยืน
“ตาเฒ่าเฝิงไม่มีพรรค ไม่มีพวก ไม่มีขาว ไม่มีดำ แค่เดินตามทางของตน” ในขณะที่นายน้อยครึ่งหน้ากล่าว ภูต ไพร พราย ห่า ก็เดินถืออาวุธเปื้อนเืยเข้ามา “น้องชาย ถือว่าน้องโชคไม่ดี พวกข้ามาเพื่อ ‘แทนคุณ’ ปรากฏว่าน้องกลับตัดหน้าช่วยคนไปแล้ว แล้ว ‘คุณ’ นี้ พวกข้าจะ ‘ทดแทน’ ได้อย่างไร? น้องชาย เพื่อสร้างโอกาสแห่งพระคุณนี้ ‘แขกผู้มีเกียรติ’ ท่านส่งของกำนัลมาให้มูลค่านับ 50 ล้าน ข้าไม่อาจทำงานครึ่งๆ กลางๆ ได้ จะทำให้ ‘แขกผู้มีเกียรติ’ ตำหนิข้าได้ จะวุ่นวายกันเสียเปล่าๆ?
เอาอย่างนี้ไหม ให้พวกข้าเก็บน้องชายซะ แล้วข้าก็จะได้กลายเป็ผู้ช่วยชีวิตคุณหนูฟาง แบบนี้เป็ไง?”
“ตระกูลเฝิงไม่ฆ่าคน แค่สั่งสอนคนให้รู้ว่าควรปฏิบัติตนเช่นไร ในฐานะที่คุณเป็นายน้อยแห่งตระกูลเฝิง คุณลืมคำอบรมสั่งสอนของบรรพบุรุษไปแล้วหรือไง? หรือว่า คุณแค่อยากจะทดสอบว่าผมมีความรู้มากน้อยแค่ไหน?” เสิ่นิถอนหายใจ
“เหลือเชื่อจริง! รู้แม้กระทั่งคำสั่งสอนของบรรพบุรุษข้า ข้าชักจะสนใจน้องชายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ รีบบอกมาเร็วน้องชาย น้องชายมีนามว่าอะไร?” นายน้อยครึ่งหน้ากล่าวด้วยความตื่นเต้น
“เสิ่นิ...จากนิรวาน” เสินิรู้ว่าถ้าเก็บงำต่อไป คงจะเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดแน่ๆ
เมื่อได้ยินว่าเขามาจากนิรวาน ดวงตาของ “ไพร” หญิงสาวเพียงคนเดียวก็เบิกโตขึ้นก่อนที่รูม่านตาจะหดเล็กลง ทันใดนั้น เท้าของหล่อนก็พุ่งขึ้นจากกองเื ทะยานขึ้น 3 เมตร ก่อนจะเหยียบลงบนเคาน์เตอร์เหล็กในครัว หอกยาวงามในมือแทงทะลุเคาน์เตอร์โลหะ ก่อนเธอจะถีบตัวะโลงมาที่ตรงหน้าของเสิ่นิ ไพรตวัดหอกเคว้งกลางอากาศ ก่อนจะตกลงที่หลังคอของเสิ่นิพอดี
เปียหางม้าของหญิงสาวถูกพ่อหนุ่มหน้ากากครึ่งหน้าดึงเอาไว้ ที่สุดแล้วนายน้อยก็ลงมือ เขาเพียงแค่อยากเห็นปฏิกิริยาของเสิ่นิ ลองดูสิว่าเขาเป็นิรวานจริงหรือไม่?
ผลลัพธ์กลับเป็เื่ที่น่าเศร้า เขาเป็ผลผลิตจากนิรวานตัวจริง ความไวต่ออันตรายของเสิ่นิโดดเด่นมากจนน่ากลัว ขณะที่ไพระโข้ามเคาน์เตอร์ เขาสังเกตเห็นสัญญาณว่านายน้องจะลงมือ ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลาย ไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้ที่อาจหาญเช่นนี้ มีเพียงแค่นิรวานเท่านั้น...
“ไพร ทำไมดื้อล่ะ คนอื่นยังจำคำสั่งสอนของบรรพบุรุษได้เลย ทำไมเ้าถึงกล้าลืม อยากให้ข้าตีก้นเ้าหรือ?” นายน้อยกล่าวด้วยสีหน้าเ็า
“มีเพียงนิรวานเท่านั้น ที่ฆ่าได้” มือไพรที่จับหอกอยู่นั้นสั่นสะท้าน ภายใต้ช่องหน้ากาก เสิ่นิเห็นดวงตาดุร้ายคู่โตอันงดงาม ถึงแม้จะโกรธ แต่ก็ยังมีเสน่ห์
“ขออภัย โดยปกติแล้วสัตว์เลี้ยงของข้าว่านอนสอนง่าย แต่นิรวานเป็จุดบอดของนาง เพราะตอนที่พ่อแม่นาง ‘แทนคุณ’ บังเอิญเจอนิรวานเข้าให้ จึงทำให้นางต้องกลายเป็เด็กกำพร้า” ชายหนุ่มครึ่งหน้าอธิบายพร้อมดึงเปียไพรไว้ “เอาอย่างนี้ไหมล่ะ? น้องชายก็ให้น้องสาวข้างหลังโทร.แจ้งบิดาเธอว่าพวกข้าช่วยนางออกมาได้แล้ว บุญคุณถูกทดแทนแล้ว แค่นี้เราก็ไม่ต้องขัดแย้งกันอีกต่อไป”
ฟางหยวนไม่ต้องให้ใครมาบังคับ หญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าหลังของเสิ่นิก่อนจะกดโทร.หาฟางซื่อเฉวียน
“ฮัลโหล! พ่อ! มีคนมาช่วยหนูแล้ว! อย่าสร้างความเดือดร้อนให้ตาเฒ่าเฝิงอีก!” ฟางหยวนเปิดลำโพง
“ดี! ดี! ลูกไม่เป็ไรก็ดีแล้ว!” ในตอนท้าย ฟางซื่อเฉวียนร้องไห้ออกมา ในที่สุดลูกสาวของเขาก็พ้นภัย ในที่สุดหลังจาก 8 ปี ลูกสาวก็เรียกเขาว่า “พ่อ”
“เรียบร้อย ปิดจ็อบ” นายน้อยหน้ากากครึ่งหน้าดึงเปียไพรไว้และเดินจากไป
แต่สายตาของแม่สาวคนนั้นกลับไม่ยอมละออกไปจากตัวเสิ่นิ เธอจดจำใบหน้าของเสิ่นิไว้ในใจ บันทึกไว้ในกระดูก จนกว่าชายคนนี้จะตายตกด้วยน้ำมือของเธอเอง
“นิรวาน ข้าต้องกลับมาหาเ้าแน่ ต้องฆ่าเ้าซะ รอข้ากลับมา!” ไพรส่งเสียงคำราม
“ไม่ไปส่งนะ” เสิ่นิกลับอมยิ้มพลางโบกมือลา
คำสอนเื่การไม่สังหารคนของตาเฒ่าเฝิงถูกบัญญัติขึ้นใน่ต้นยุคใหม่ เพื่อสร้างความสงบสุขและความรุ่งเรืองจึง้าหลีกเลี่ยงความแค้นซึ่งอาจมีผลมากเกินไป นั่นคือตระกูลที่มีมนต์ขลัง ถูกก่อตั้งขึ้นั้แ่สมัยต้นราชวงศ์ชิง เริ่มต้นจากเป็หมู่บ้านฝึกวิทยายุทธ์ซึ่งถูกกดขี่ข่มเหงโดยเ้าหน้าที่ท้องถิ่น จนเกิดการก่อฏ สังหารเ้าที่และทหารในพื้นที่ หลังจากนั้นตระกูลนี้จึงตั้งตนเป็ใหญ่ ใช้ชีวิตเฉกเช่นเทพเ้า
พวกเขาไม่ได้ขาวบริสุทธิ์ แล้วก็ไม่ได้มืดจนสุดโต่ง พวกเขามีวิถีของตนเอง พวกเขาปลีกตัวเองออกห่างจากโลกภายนอกมาเป็ระยะเวลายาวนานแล้ว แต่ทุกๆ สองปี พวกเขาก็จะจัดงานเฉลิมฉลองกัน โดยเชิญเหล่านักธุรกิจมหาเศรษฐีมาเป็ “แขกผู้มีเกียรติ” ของตาเฒ่าเฝิง มูลค่าบัตรผ่านนั้นมหาศาล ณ ปัจจุบันมูลค่าอยู่ที่ 50 ล้านหยวน
แค่ตกลงเป็แขกผู้มีเกียรติของตาเฒ่าเฝิง ตาเฒ่าเฝิงก็ถือว่านั่นเป็หนี้บุญคุณต่อเขา ขอเพียงแค่แขกผู้มีเกียรติ้า ตาเฒ่าเฝิงก็จะออกโรง ช่วยคลี่คลายปัญหาให้ เรียกว่าการ “แทนคุณ”
ตาเฒ่าเฝิงอาศัยศิลปะการต่อสู้อันเยี่ยมยุทธ์ พาชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วหล้า กระทั่งผู้คนบนท้องถนนก็ยังรู้จักตัวตนของตาเฒ่าเฝิง อย่าได้เหิมเกริมต่อแขกผู้มีเกียรติของตาเฒ่าเฝิง มิเช่นนั้นชีวิตจะจบเหมือนกับซินเหลียนเซิ่งในวันนี้ อันธพาลทั้งหมดภายในโรงงานกลายเป็ไอ้ง่อย ไม่มีไอ้หน้าไหนลุกขึ้นเดินได้ภายในสามเดือนข้างหน้านี้
เพราะไม่มีใครตาย และเพราะคนที่ตาเฒ่าเฝิงจัดการล้วนเป็พวกมาเฟีย เ้าหน้าที่ท้องถิ่นจึงเข้ามาจัดการได้โดยง่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้