เซี่ยโม่นึกสงสัยในใจ คนส่วนใหญ่ล้วนรังเกียจคนจนชอบคนรวย แต่ทำไมคุณปู่คนนี้ถึงกลับกันได้ หรือจะเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีอะไรมา?
เธอมองคุณปู่ตรงหน้า ก็ดูไม่เหมือนคนไม่ดี แม้ในโกดังสินค้าของเธอจะมีลูกอมนมเป็จำนวนมาก แต่เนื่องจากเธอไม่ได้เอากระเป๋านักเรียนมาด้วย จึงหยิบออกมาหลายเม็ดไม่ได้
“คุณปู่คะ ่นี้เปิดเทอมแล้วฉันก็เลยยุ่ง ตอนเที่ยงยังต้องเอาข้าวไปให้น้องชายอีก ฉันเตรียมลูกอมไว้ให้คุณแล้ว หลายเม็ดด้วย อีกเดี๋ยวเลิกเรียนฉันเอามาให้ดีไหมคะ” เธอพูดเสียงหวานอย่างเอาใจ
คุณปู่ถึงค่อยมีสีหน้าดีขึ้น
“ยังดีที่ยังจำได้ ไม่ลืมก็ดีแล้ว บอกเลยว่าถ้าเธอลืม รับรองเธอต้องเสียใจทีหลังแน่”
โบราณกล่าวไว้ว่า เวลาคนพูดให้ฟังน้ำเสียง ฟังจากน้ำเสียงคุณปู่ร้านของเก่าแล้ว คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเก็บของดีเอาไว้ให้เธอ
“ขอบคุณมากค่ะ ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ฉันจะเอาลูกอมนมยี่ห้อกระต่ายขาวมาให้คุณห่อใหญ่เลย คุณปู่รออยู่นี่ อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ” เธอพูดพร้อมกับทำท่าทางประกอบ
ใบหน้าดำคล้ำของคุณปู่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม “เด็กดี ฉันจะรอเธออยู่นี่แหละ”
เซี่ยโม่ถึงค่อยขี่จักรยานกลับไปที่โรงเรียนอย่างวางใจ คาบต่อไปคือวิชาการเมืองการปกครอง
ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้าจะมีสอบวิชานี้ด้วย ซึ่งเป็วิชาที่เธอไม่ถนัด เธอเลยไม่อยากไปช้า
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องเรียน ออดเข้าเรียนก็ดังขึ้นพอดี
เธอนึกยินดีอยู่ในใจ ดีที่ออกจากบ้านพี่ซ่งมาไว
แม้จะแวะร้านของเก่าแต่ก็แวะแค่ไม่นาน และโชคดีที่เธอไม่ได้เอากระเป๋านักเรียนไปด้วย ไม่อย่างนั้นคงอดใจเข้าไปดูของในร้านไม่ได้
เธอดึงสติกลับมาแล้วตั้งใจฟังที่คุณครูสอน ตรงไหนสำคัญก็จดบันทึกเอาไว้ มีเนื้อหาอะไรไม่เข้าใจก็ยกมือถามคุณครู
เวลาหนึ่งคาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เลิกเรียน
เซี่ยโม่ขี่จักรยานออกจากโรงเรียนไปที่ร้านของเก่า
คุณปู่คนเดิมยังคงนั่งอยู่หน้าร้าน เธอลงจากรถจักรยานแล้ววิ่งเข้าไปหา “คุณปู่ ฉันมาแล้วค่ะ”
เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋านักเรียน แท้จริงแล้วคือล้วงมือเข้าไปในโกดังสินค้า ก่อนจะหยิบลูกอมนมยี่ห้อกระต่ายขาวห่อใหญ่น้ำหนักรวมกันประมาณสองจินออกมา
“คุณปู่ เห็นไหมคะ ฉันพูดคำไหนคำนั้น คุณปู่เก็บเอาไว้ค่อยๆ กินนะคะ”
ชายชรายิ้ม “เด็กดี ฉันอายุปูนนี้แล้วยังจะกินลูกอมอะไรอีก หลานฉันต่างหาก แกชอบกินลูกอมนมยี่ห้อกระต่ายขาวมาก”
โบราณกล่าวไว้ว่า ความรักของพ่อแม่ช่างน่าสงสาร รุ่นห่างกันหนึ่งรุ่นมักจะสนิทสนมกัน
ชายชรามองไปรอบๆ ก่อนจะพูดอย่างมีลับลมคมนัย “เด็กน้อย เธอตามฉันมา รับรองเธอเห็นแล้วต้องดีใจแน่นอน”
เธอเริ่มรับรู้ได้รางๆ แล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร
คุณปู่เดินนำเธอไปที่หน้าประตูห้องพักผ่อน “เด็กน้อย ชุดหนังสือเรียนที่เธอให้ฉันช่วยเก็บ ฉันเก็บได้ครบแล้วนะ วางอยู่ใต้เตียง แล้วก็มีของดีอย่างอื่นอีก เธอลองเข้าไปดู ชอบอะไรก็เอาไป”
นึกไม่ถึงเลยว่า คำพูดที่เธอพูดไปอย่างนั้นเมื่อคราวก่อน ชายชราจะคิดเป็จริงเป็จังและเก็บรวบรวมทั้งชุดเอาไว้ให้เธอจริงๆ
หนังสือชุดนี้มีทั้งหมดสิบเจ็ดเล่ม เวลาเพียงเดือนกว่าชายชราสามารถเก็บรวบรวมได้ครบชุด เหลือเชื่อจริงๆ
ถึงแม้เธอจะซื้อหนังสือชุดนี้ครบทั้งชุดมาจากร้านหนังสือในอำเภอแล้ว แต่ชายชราอุตส่าห์มีน้ำใจเก็บให้เธอ เธอย่อมรับเอาไว้
พี่ซ่งก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นเลยคิดจะยกชุดหนังสือที่ซื้อมาจากร้านในอำเภอให้อีกฝ่าย ส่วนเธอจะใช้ชุดนี้แทน
หลังจากจัดแจงในใจเรียบร้อย เธอเอ่ยขอบคุณชายชรา “คุณปู่ ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ใต้เตียงมีของดีมากมาย ชอบอะไรก็เอาไป หรือจะเอาไปทั้งหมดก็ได้”
หลังจากพูดเสร็จก็เดินไปนั่งที่หน้าร้านของเก่าเหมือนเดิม
เื่นี้ทำให้เธอนึกถึงตอนไปร้านของเก่าในอำเภอ ตอนนั้นลูกอมนมก็ทำให้เธอได้ภาพวาดโบราณมาหลายภาพ
หนึ่งในนั้นคือภาพต้นไผ่ของซูซื่อ[1] และภาพสาวใช้ของถังป๋อหู่[2] นอกจากนี้ยังมีภาพม้าวิ่งของหวงเฟยหง ภาพกุ้งของผู้เฒ่าฉีไป๋สือ[3] และของจิตรกรคนอื่นๆ อีกมากมาย
เซี่ยโม่เดินเข้าไปในห้องพักผ่อนด้วยแววตาเป็ประกาย
เธอมองชุดหนังสือคณิตฯ ฟิสิกส์ เคมีหลายเล่มที่วางอย่างเป็ระเบียบอยู่ใต้เตียง
โบราณมีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า เดินทางไกลเป็พันลี้เพื่อมอบขนห่าน แม้สิ่งของจะเบาแต่ก็หนักไปด้วยน้ำใจ
ลูกอมนมยี่ห้อกระต่ายขาวน้ำหนักสองจินแลกกับหนังสือเรียนชุดนี้นับว่าคุ้มอย่างแท้จริง
เธอหยิบชุดหนังสือเรียนออกมา ก่อนจะพบว่านอกจากหนังสือแล้วยังมีแจกันลายครามอีกสิบกว่าใบที่ถูกห่อด้วยกระดาษ
เธอหยิบออกมาดูอย่างระมัดระวัง ตรงฐานแจกันมีปีรัชสมัยเขียนเอาไว้ มีทั้งปีรัชสมัยเฉียนหลง[4] ปีรัชสมัยคังซี[5] และปีรัชสมัยหย่งเจิ้ง[6]
ชาติที่แล้วเธอทุ่มเทแรงกายแรงใจกับการเปิดเครือซูเปอร์มาร์เก็ต ไม่ค่อยได้สนใจพวกโบราณวัตถุสักเท่าไร
แต่เธอเคยได้ยินคนพูดกันว่า เครื่องลายครามที่มาจากสามรัชสมัยของราชวงศ์ชิงจะมีปีรัชสมัยประทับเอาไว้
แจกันพวกนี้เป็วัตถุโบราณของแท้
เธอวางแจกันเหล่านี้ไว้ด้านข้างอย่างระมัดระวังก่อนจะมองต่อไปข้างใน
นั่นคืออะไร?
ไหนชายชราบอกว่าใต้เตียงมีแต่ของดี แต่ทำไมถึงมีหินด้วยล่ะ? แถมยังมีตั้งหลายก้อน?
เธอมองลึกเข้าไปอีก แต่ก็ไม่พบอย่างอื่นแล้ว
สีหน้าของเซี่ยโม่ฉายความผิดหวัง ก่อนจะหยิบก้อนหินหนึ่งก้อนออกมาพิจารณาดู
เหตุใดหินก้อนนี้ถึงดูแปลกๆ เดี๋ยวนะ นี่ไม่ใช่ก้อนหินแต่มันคือหยกดิบต่างหาก!
เธอเอาหยกดิบออกมานับดู มีทั้งก้อนใหญ่และก้อนเล็ก ทั้งหมดจำนวนยี่สิบก้อนด้วยกัน
เคยได้ยินว่า ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าหยกดิบที่ยังไม่เจียระไนนั้นข้างในจะมีหรือไม่มีหยก เธอหยิบหยกดิบก้อนหนึ่งขึ้นมาพิจารณาดู
รวบรวมสมาธิเพ่งมองหยกดิบในมือ หยกดิบก้อนนี้ผิวเนียนละเอียด จับแล้วให้ความรู้สึกเย็น
ถ้าข้างในมีหยกก็คงให้ความรู้สึกแบบนี้กระมัง
เซี่ยโม่วางหยกดิบก้อนนี้ไว้ด้านข้าง ก่อนจะหยิบอีกก้อนขึ้นมา แต่เมื่อลองพิจารณาแบบเมื่อครู่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย
น่าแปลกเหลือเกิน
จากนั้นลองเปลี่ยนก้อนใหม่ เธอหยิบหยกดิบอีกก้อนขึ้นมา ก้อนนี้ให้ความรู้สึกเย็นเหมือนกัน แต่อ่อนจางกว่าก้อนแรกเล็กน้อย
ั้แ่กลับชาติมาเกิดใหม่ สมาธิและประสาทััของเธอดีกว่าคนทั่วไปมาก หรือว่าถ้าเธอใช้สมาธิจะทำให้สามารถแยกออกได้ว่า หยกดิบก้อนไหนมีหรือไม่มีหยกข้างใน
หยกดิบก้อนไหนที่เธอถือแล้วไม่รู้สึกอะไร แปลว่าข้างในไม่มีหยกใช่หรือไม่
แววตาเธอเป็ประกาย ถ้าสามารถแยกได้ว่าหยกดิบก้อนไหนมีหยกหรือไม่มีหยก ต่อไปเธอรวยเละแน่
โอกาสเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง รอให้แน่ใจก่อนค่อยว่ากัน
เธอวางหินก้อนนี้ลง ก่อนจะหยิบก้อนอื่นขึ้นมาลองดู
ลองพิจารณาครบหมดทุกก้อน เธอพบว่ามีสามก้อนที่ััแล้วให้ความรู้สึกชัดเจนมากที่สุด และอีกเจ็ดก้อนที่ให้ความรู้สึกน้อยลงมาหน่อย
หากการคาดเดาของเธอถูกต้อง ในบรรดาหยกดิบยี่สิบก้อนมีสิบก้อนที่ข้างในมีหยก ถือว่าครึ่งต่อครึ่ง
คนเขาถึงพูดกันว่า พนันสิบครั้งแพ้เก้าครั้ง ก็เพราะการพนันแต่ละครั้งมันเสี่ยงนี่เอง
เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบหยกดิบที่ถือแล้วมีความรู้สึกชัดเจนมากที่สุดทั้งสามก้อนออกมาวางด้านข้าง หยิบอีกก้อนที่ััได้จางๆ ไปวางรวมกัน และสุดท้ายคือก้อนที่ถือแล้วไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
เซี่ยโม่อยากนำพวกมันกลับไปพิสูจน์ว่าการคาดเดาของตนเองนั้นถูกต้องหรือไม่
เลือกเสร็จเรียบร้อยเธอก็ะโโลดเต้นไปหาชายชรา “คุณปู่คะ หนังสือฉันเอาทั้งหมด แจกันลายครามฉันเอาหนึ่งใบ ส่วนก้อนหินฉันชอบมันมาก ฉันเอาไปห้าก้อนนะคะ”
เดิมทีชายชรานึกว่าเด็กสาวจะถูกใจแจกันลายคราม นึกไม่ถึงว่าจะถูกใจหยกดิบมากกว่า
“ได้ เอาถุงมาใส่ไปได้เลย ของที่เหลือเก็บให้เรียบร้อยด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะ ต่อไปถ้ามีของดีอะไรอีกเก็บไว้ให้ฉันด้วยนะคะ จะเป็พวกภาพวาดหรือของอะไรก็ได้” เซี่ยโม่ยิ้มแย้มอย่างดีใจ
เธอนึกถึงชาติที่แล้วมีคำกล่าวหนึ่งว่าไว้ ถ้าไม่มีน้ำมันก็ไม่ไหลลื่น
เด็กเล็กกินลูกอมมากไม่ดี เธอเลยเอ่ยออกไปว่า “คุณปู่คะ เดี๋ยวครั้งหน้าฉันเอาผลไม้กับขนมมาฝากหลานคุณปู่นะคะ”
ได้ยินดังนั้นชายชราก็ยิ้มกว้าง “เธอนี่เป็เด็กรู้ความจริงๆ งั้นก็ตกลงตามนี้”
-----------------------------
[1] ซูซื่อ กวี นักเขียน และจิตรกรที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในสมัยราชอาณาจักรเป่ยซ่ง
[2] ถังป๋อหู่ จิตรกร นักอักษรวิจิตร และกวีที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ิ
[3] ฉีไป๋สือ จิตรกรที่มีชื่อเสียงใน่ปลายราชวงศ์ชิง
[4] เฉียนหลง จักรพรรดิเฉียนหลง จักรพรรดิองค์ที่ห้าแห่งราชวงศ์ชิง
[5] คังซี จักรพรรดิคังซี จักรพรรดิองค์ที่สามแห่งราชวงศ์ชิง
[6] หย่งเจิ้ง จักรพรรดิหย่งเจิ้ง จักรพรรดิองค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ชิง
