“ไม่มีครั้งที่สอง ข้าเองก็รับจ้างทำงานให้ผู้อื่น หากวันนี้หนังสือถูกขโมยไป ทุกคนในร้านต้องช่วยกันออกเงินชดใช้ ข้ามีครอบครัวต้องดูแลเช่นกัน ต้องหาเลี้ยงชีพ ขอให้ลุงป้าน้าอาทุกท่านได้โปรดเข้าใจ อย่าได้เข้าข้างคนผิดเลย”
ให้ปล่อยคนก็ได้ แต่หลินหวั่นชิวต้องชี้แจ้งให้ชัดเจน มิเช่นนั้นนางที่เป็ผู้ถูกกระทำจะจบลงด้วยชื่อเสียงว่ารังแกเพื่อนบ้าน
และเพราะเป็วันเปิดร้านเช่นกัน หลินหวั่นชิวไม่อยากให้เื่ราวบานปลาย มิเช่นนั้นนางไม่ยอมปล่อยป้าคนนี้ไปง่ายๆ เป็แน่
คำพูดของหลินหวั่นชิวทำให้เพื่อนบ้านที่ช่วยพูดวิงวอนรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้า ถูกต้อง หากวันนี้สตรีนางนี้ขโมยของสำเร็จ คนที่เป็ฝ่ายเสียน้ำตาคือพนักงานในร้าน
ฟู่เหรินถูกสามีตัวเองลากออกไป แต่เพิ่งเดินออกจากซอยกลับถูกใครบางคนเดินตาม
“ต้าเกอ ข้าขอดื่มน้ำสักถ้วยที่บ้านท่านได้หรือไม่?”
สองสามีภรรยาเพิ่งกลับถึงบ้านก็มีสตรีสาวสวมเสื้อกับกระโปรงแยกชุดกันคนหนึ่งเข้ามาถาม สตรีสาวนางนี้แค่ส่งสายตาให้ ชายฉกรรจ์ก็ผลักภรรยาตัวเองทิ้งทันที พร้อมกับเปิดประตูเชิญนางเข้าไป
ทำเอาภรรยาโมโหมาก…
เดินมาบิดเอวชายฉกรรจ์เต็มแรง
ชายฉกรรจ์ยกเท้าถีบนาง “ไปไกลๆ ถ้ากล้าลักขโมยให้ข้าขายหน้าอีก ข้าจะหย่ากับเ้าเสีย!”
สตรีสาวนางนี้อาศัยจังหวะที่สองสามีภรรยาทะเลาะกันมาเดินเข้าห้องครัว เปิดอ่างน้ำเทผงแป้งห่อหนึ่งลงไป
“แม่นาง หาน้ำเจอหรือไม่?” จังหวะนี้เองที่ชายฉกรรจ์เดินเข้ามาที่ห้องครัวอย่างมีน้ำใจ ขวางทางสตรีสาว
หากหลินหวั่นชิวอยู่ที่นี่ นางต้องจำได้เป็แน่ว่าสตรีสาวที่มาขอน้ำกินนางนี้คือทังหยวนที่เป็ลูกน้องของตู้ซิวจู๋
ถูกอีกฝ่ายเรียกเสียงดัง ทังหยวนขาสั่น เขารีบยัดห่อกระดาษเข้าแขนเสื้อ หันมายกมือปิดปาก พลางส่งสายตาหยาดเยิ้มให้ชายฉกรรจ์ไปด้วย
ร่างกายครึ่งท่อนของชายฉกรรจ์เสียววาบ
รอยยิ้มลามกนั่นทำเอาทังหยวนเกือบอ้วก
เขาต้องพยายามกล้ำกลืน คิดในใจว่าไม่กล้าทำเสียเื่ มิเช่นนั้นจะถูกคุณชายส่งไปหอนางโลม
ตอนนี้เขาประหม่าจนน่องขาจะเป็ตะคริวแล้ว
“ขอบคุณต้าเกอ ข้าดื่มเสร็จแล้ว พี่ชายข้ารออยู่ด้านนอก ไม่ขอรบกวนต้าเกออีก เงินสองอีแปะนี้ถือว่าเป็ค่าน้ำ” ทังหยวนบีบเสียงพูด มอบเงินสองเหรียญให้ชายฉกรรจ์
“ไอ๊หยา ก็แค่น้ำหนึ่งคำ…” ชายฉกรรจ์พูดเช่นนี้ แต่มือกลับยื่นออกมารับเงิน ฉวยโอกาสลูบมือทังหยวนไปด้วย…โอ้โห มือนิ่มกว่านังแก่น่ารำคาญที่บ้านเยอะ
ทังหยวนเกือบตบหน้าเขา
เขาดึงมือคืนจากชายฉกรรจ์และรีบวิ่งออกไป อีกฝ่ายย่อมไม่กล้ารั้งเขาไว้ ลวนลามนิดหน่อยเป็พอ
รถม้าที่จอดอยู่ในมุมเลิกม่านขึ้น ตู้ซิวจู๋ชะโงกหน้าออกมาถามทังหยวน “เรียบร้อยหรือไม่?”
ทังหยวนพยักหน้า “เรียบร้อยขอรับ”
ตู้ซิวจู๋เลิกคิ้วอย่างดูดี มุมปากยกยิ้ม ทังหยวนตัวอ่อนยวบ คุณชายของพวกเขาแต่งเป็สตรีเช่นนี้แล้วงดงามยิ่งนัก
“หยวนเป่า เ้าไปจับตาดูไว้ หากทังหยวนทำพลาดก็อัดสั่งสอนสองสามีภรรยาคู่นั้นเสีย!”
“ขอรับ คุณชาย”
ฟู่เหรินนั่นกล้าก่อความวุ่นวายที่อันอี้จวี หวั่นชิวออกหน้ามากไม่ได้ แต่เขาไม่ได้ใจดีเช่นนั้น
นึกถึงหน้าของหวั่นชิวกับดวงตาที่เป็ประกายราวกับเด็กแรกเกิดของนาง ใจตู้ซิวจู๋ร้อนรุ่มขึ้นมา แต่เพียงพริบตาก็ยิ้มขมขื่น แม่นางผู้เพียบพร้อมมีเ้าของแล้ว
แต่ถึงจะไม่มีเ้าของ…ด้วยสถานการณ์ของเขา…ลืมเสียเถิด อย่าทำร้ายผู้อื่นดีกว่า
ตกค่ำปิดร้าน หลินหวั่นชิวจ่ายค่าแรงให้ผู้คุ้มกันกับมือปราบ คนเหล่านี้ต่างก็ดีใจมาก
นางนับจำนวนสินค้า เติมสินค้าเข้าไป กลับห้องไปทำบัญชี วันเปิดร้านนางขายได้แปดร้อยกว่าตำลึง แต่ตู้ซิวจู๋เพียงคนเดียวก็ซื้อไปแล้วสามร้อยกว่าตำลึง
ราคาสินค้าของอันอี้จวีไม่ได้ถูก ความจริงแล้วแปดร้อยตำลึงนี้ถือว่าสินค้าถูกซื้อโดยลูกค้าแค่ไม่กี่คน
หนังสือชุดเดียวสี่สิบตำลึง เล่มละสิบตำลึง หักส่วนที่ตู้ซิวจู๋ซื้อออก รายรับที่ได้จึงอยู่ที่สี่ร้อยกว่าตำลึง
แต่หลินหวั่นชิวก็ยังมีความสุขมากอยู่ดี ของพวกนี้ต้นทุนไม่สูง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมกับค่ามือปราบ ผู้คุ้มกัน คณะเชิดสิงโต นักกายกรรม รวมแล้วตกวันละประมาณเจ็ดสิบตำลึง
่แรกยังต้องเชิญมือปราบกับผู้คุ้มกันมาดูแล แต่วันหน้าไม่ต้องเชิญแล้ว ต้นทุนจึงลดลงอีก
“ฉันหาเงิน ฉันหาเงิน ไม่รู้จะใช้อย่างไรดี…มือซ้ายถือโนเกีย…มือขวาถือโมโตโรลา…ฉันซื้อน้ำเต้าหู้สองชาม ดื่มหนึ่งชาม เทหนึ่งชาม…” หลินหวั่นชิวเก็บเงิน นอนฮัมเพลงบนเตียงอย่างมีความสุข
แต่เวลานี้ ครอบครัวฟู่เหรินที่ขโมยหนังสือเมื่อตอนกลางวันกลับกำลังร้องโหยหวน
ทั้งครอบครัวท้องเสียแบบกะทันหัน หลุมส้วมไม่เพียงพอ บ้างก็ถ่ายบนเตียง บ้างก็รดกางเกง บ้างก็กลางลานบ้าน…
ไอ๊หยา เหม็นหึ่งไปทั้งบ้าน ลุกจากเตียงในวันรุ่งขึ้นไม่ไหว
เพื่อนบ้านทนดูไม่ได้ ช่วยเชิญหมอมาดู
หมออุดจมูกเข้าไป เนื่องจากกลิ่นเหม็นมากจึงคิดค่าตรวจเพิ่มยี่สิบอีแปะ ทั้งครอบครัวเสียดายเงินแทบไม่ไหว
วันก่อนภรรยาบ้านนี้ไปขโมยของจนขายหน้า พอกลับมาก็ท้องเสียกันทั้งบ้าน เหล่าเพื่อนบ้านต่างบอกว่ากรรมตามสนอง คงกินของที่ขโมยมาจากที่ใดไม่รู้เลยเป็เช่นนี้
ชื่อเสียงของครอบครัวนี้เหม็นโฉ่เหมือนอุจจาระในบ้านทันที
ยายสวีได้ยินเื่นี้ตอนไปซื้อผัก กลับมาแล้วเล่าให้หลินหวั่นชิวฟัง หลินหวั่นชิวฟังเป็เื่ตลก เสี่ยวฮวากับเสี่ยวเฉ่าชอบใจมาก
ถ้าของในร้านโดนขโมย พวกนางต้องจ่ายเงินชดเชย ตอนแรกเด็กสาวทั้งสองปรึกษากันว่าจะไปสั่งสอนสตรีคนนั้นอย่างไรดี คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับบ้านไปแล้วจะโดนกรรมตามสนอง
สมน้ำหน้า!
สามวันแรกที่เปิดร้านเป็ไปอย่างคึกคัก นอกจากวันแรก วันที่สองกับวันที่สามมีรายรับประมาณสามร้อยตำลึง
ความตื่นใจากยอดเงินเจ็ดแปดร้อยตำลึงในวันแรกทำให้พวกนางยิ่งคาดหวัง ทว่าผลที่ออกมากลับน่าผิดหวัง วันต่อๆ มาขายได้แค่สามร้อยกว่าตำลึง เสี่ยวฮวากับเสี่ยวเฉ่าท้อใจเล็กน้อย
หลินหวั่นชิวบอกพวกนางว่า “เพิ่งเปิดกิจการแต่ขายได้ขนาดนี้ถือว่าไม่ได้แย่นัก อนาคตจะมีวันที่ขายได้แค่ไม่กี่สิบตำลึงหรือน้อยกว่านั้นอีก พวกเ้าจะท้อถอยไม่ได้ พวกเราทำการค้า มีกำไรเข้ามา ไม่ขาดทุนก็พอแล้ว ของที่พวกเราขายไม่ใช่ของกินที่ต้องซื้อทุกวัน ไม่ได้เป็ที่นิยมขนาดนั้น วางใจเถิด ไม่ว่าจะได้แค่ไหนข้าไม่ลดค่าแรงพวกเ้าเป็แน่!”
เด็กสาวทั้งสองคิดตามแล้วก็รู้สึกว่าใช่ จะให้ขายได้สองสามร้อยตำลึงทุกวันหรือ?
ผ่านไปอีกสองสามวัน ลูกค้าน้อยลงมาก ยอดขายเหลือเพียงหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึง
หลินหวั่นชิวพึงพอใจมาก ต่อให้ขายได้แค่วันละร้อยตำลึง เดือนหนึ่งก็ได้สามพันตำลึง
หักต้นทุนออก ไม่ว่าอย่างไรก็มีเงินคงเหลือสองพันกว่าตำลึง
แต่แน่นอนว่านี่เป็เพราะหลินหวั่นชิวจำกัดจำนวนสินค้าเช่นกัน ใช้กลยุทธ์กระตุ้นความอยาก หากมีของเยอะจนทุกคนซื้อได้หมดก็คงขายราคาแพงไม่ได้
อีกอย่าง หาเงินได้เยอะเกินไปมีแต่จะเป็ที่อิจฉา หลินหวั่นชิวตัดสินใจว่าไม่ทำตัวเป็จุดสนใจไว้จะดีกว่า
ทว่าอันอี้จวีก็ยังโดนเพ่งเล็งอยู่ดี มีโจรมาบุกในคืนวันนั้น
