"ชิงหลัน เหตุใดยานี้ถึงได้ขมขนาดนั้น กินยากจริงๆ"
ใบหน้าของอู่เซวียนตี้ยับย่นยิ่งกว่าผลขู่กวา พระองค์ไม่เคยดื่มยาที่ยากจะกลืนลงคอเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
"ฝ่าา พิษของพระองค์ซึมเข้ากระดูกแล้ว ยาทั่วไปไม่มีทางได้ผล ในโอสถนี้มีเพิ่มเห็ดหุยซินซึ่งเป็ของล้ำค่าหายากยิ่ง พระองค์ต้องถือให้ดีๆ นะพ่ะย่ะค่ะ" สายตาของผูหยางชิงหลันจ้องน้ำแกงยาสีดำเขม็ง เพื่อให้อู่เซวียนตี้เข็ดหลาบไปอีกยาวนาน เขาต้องทุ่มเทกายใจกับยาถ้วยนี้ไม่น้อย ขณะหัวเราะเยาะหยันในใจ แต่สีหน้ายังเป็ปรกติ
"หากไม่ใช่ว่ายังมีเห็ดหุยซินเหลืออยู่หลังจากถอนพิษให้เหลียนเซวียนคราก่อน เกรงว่าต่อให้มหาเทพลงมาจาก์ก็ยากจะขับพิษโอสถลูกกลอนออกจากไขกระดูกของพระองค์ได้"
หากเขาปกปิดเื่เห็ดหุยซิน อาการประชวรของอู่เซวียนตี้จะร้ายแรงกว่านี้ แท้จริงแล้วแม้ไม่มีเห็ดหุยซินก็สามารถช่วยชีวิตอู่เซวียนตี้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่อาจขับพิษออกจากร่างกายได้ทั้งหมด ผ่านไปอีกสักพักก็อาจกำเริบขึ้นมาอีก
พระพักตร์อู่เซวียนตี้ดำทะมึนลงหลายส่วน
หลี่กงกงวางถ้วยโอสถบนโต๊ะไม้จื่อถัน แล้วใช้ช้อนเงินอันเล็กตักขึ้นมาชิมทดสอบพิษด้วยตนเอง
ใบหน้าดุจเปลือกไม้แห้งไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เปลือกตาหลุบลงกึ่งหนึ่งคล้ายลืมตาอยู่แต่ก็คล้ายหลับตา แลดูซึมเซาไร้ชีวิตชีวา แต่คนที่รู้จักกันดีจะทราบว่าเขาเป็หนึ่งในขันทีที่ได้รับความไว้วางพระทัยสูงสุดจากอู่เซวียนตี้
แม้สีหน้าจะดูง่วงงุน แต่เป็ยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์เหนือสามัญ ในวังเคยมีมือสังหารแทรกซึมเข้ามา ขณะกำลังจะลงมือสังหารอู่เซวียนตี้ ก็ถูกหลี่กงกงขวางไว้ ในที่สุดมือสังหารก็พ่ายแพ้ ต้องล่าถอยไปเพราะได้รับาเ็
ทั้งทวนแจ้งและธนูลับซึ่งหมายเล่นงานอู่เซวียนตี้ล้วนถูกหลี่กงกงซึ่งไม่โดดเด่นผู้นี้กำราบสิ้น
ผูหยางชิงหลันทำเหมือนไม่เห็นการกระทำของหลี่กงกง ความหวาดระแวงของอู่เซวียนตี้หาได้เพิ่งเกิดขึ้นแค่วันสองวัน
หลังจากทดสอบพิษแล้ว อู่เซวียนตี้ก็ยกถ้วยโอสถขึ้น ก่อนกลั้นใจดื่มน้ำแกงยาสีดำข่นคลั่กเข้าไป หลังจากดื่มหมดก็รู้สึกคลื่นไส้มวนท้อง สะอิดสะเอียนจนแทบขย้อนออกมา
"ฝ่าา หากทรงอาเจียนออกมาความพยายามก่อนหน้านี้ก็เป็อันสูญเปล่า เห็ดหุยซินมิอาจประเมินค่า จะให้เสียไปเปล่าๆ มิได้" ผูหยางชิงหลันเอ่ยลอยๆ
อู่เซวียนตี้พยายามข่มกลั้นความปั่นป่วนในท้องลงไป ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับขนมหมาฮวา
"ชิงหลัน เห็ดหุยซินที่เ้ามีเอามาจากไหน"
หลังจากรับน้ำอุ่นจากหลี่กงกงมาดื่มครึ่งถ้วย ในที่สุดอู่เซวียนตี้ก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
"ล้วนพึ่งพาความโชคดีของญาติผู้น้องกระหม่อมทั้งสิ้น หลังจากที่นางช่วยชีวิตเสี่ยวชีไว้ ก็พบเห็ดหุยซินบนูเาพ่ะย่ะค่ะ"
เหลียนเซวียนกับผูหยางชิงหลันตกลงร่วมกันว่าจะยกระดับผลงานของเซวียเสี่ยวหรั่นให้ยิ่งสูงส่งและเป็ที่ประจักษ์ชัด
"อ้อ เป็ญาติผู้น้องที่มาจากแดนไกลของเ้าเองรึ ได้ยินเหลียนเซวียนบอกว่า หากมิได้นางคอยดูแล คนที่ต้องพิษสลายเส้นเอ็นกร่อนกระดูกจนมือเท้าไร้กำลังอย่างเขาก็คงต้องอดตายกลางป่าไปแล้ว" อู่เซวียนตี้รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที " แต่สตรีตัวคนเดียวเช่นนางแล่นไปอยู่ในป่าลึกได้อย่างไร"
"ญาติผู้น้องของกระหม่อมบิดามารดาเสียชีวิตไปนานแล้ว อาศัยอยู่กับท่านปู่ท่านย่ามาโดยตลอด ต่อมาผู้าุโทั้งสองเสียชีวิต ในบ้านก็เหลือแต่นางเพียงลำพัง ท่านปู่ของนางเป็คนมีความสามารถ รู้เื่ประหลาดน่าสนใจมากมาย และมีความรู้เกี่ยวกับวิชาสมุนไพรและโอสถ ญาติผู้น้องของกระหม่อมได้รับการถ่ายทอดมาอย่างล้ำลึก ดังนั้นจึงขึ้นเขาเสาะหาสมุนไพรมาขายเพื่อเลี้ยงชีพพ่ะย่ะค่ะ"
"ครานั้นก็ประจวบเหมาะไปพบกับเสี่ยวชีซึ่งถูกน้ำซัดมาติดชายฝั่งที่กลางป่าเข้าพอดี ตอนนั้นเสี่ยวชียังได้รับาเ็อื่นๆ ด้วย ญาติผู้น้องของกระหม่อมจึงจ่ายเงินเชิญคนมาแบกเขาออกจากป่า ระหว่างทางก็พบเห็ดหุยซินโดยบังเอิญ อาจเป็เพราะนางใจบุญสุนทานถึงมีวาสนาได้พบยอดสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้"
นี่คือเนื้อหาต้นฉบับที่เหลียนเซวียนบอกเขา แม้ผูหยางชิงหลันจะรู้ว่าการอธิบายให้เข้าใจมิง่ายดายนัก แต่เขาก็ยินดีให้ความร่วมมือ
"เป็แม่นางที่โชคดีจริงๆ" อู่เซวียนตี้ฟังจบก็พยักหน้าต่อเนื่องกัน เ้าเด็กเหลียนเซวียนเป็คนประหยัดคำพูด พระองค์ฟังรู้เื่แต่ตอนต้นๆ ว่าผูหยางชิงหลันมีญาติผู้น้องจากแดนไกล ช่วยชีวิตเหลียนเซวียนไว้ ส่วนขั้นตอนรายละเอียดอย่างไร พระองค์ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก
ชื่อเสียงของเห็ดหุยซึ่งมีสรรพคุณในการถอนพิษ อู่เซวียนตี้ย่อมรู้
ตอนนั้นหมอเทวดาเผยก็เพียรพยายามค้นหาแต่ก็ไม่สำเร็จ
แต่ญาติผู้น้องจากแดนไกลของผูหยางชิงหลันกลับพบเจอสมุนไพรวิเศษโดยบังเอิญ นับเป็บุญวาสนาโดยแท้
ขณะเดียวกันก็สามารถช่วยชีวิตพวกเขาสองพ่อลูก บุญคุณส่วนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อู่เซวียนตี้ซาบซึ้งพระทัย ผินพระเนตรไปที่ผูหยางชิงหลัน "ชิงหลัน เราได้ยินเหลียนเซวียนบอกว่าญาติผู้น้องของเ้าเข้าเมืองหลวงมาพร้อมกับพวกเ้า นางชื่ออะไร อายุเท่าไร หน้าตาเป็อย่างไร มีกำหนดหมั้นหมายหรือยัง?"
"ทูลฝ่าา ญาติผู้น้องของกระหม่อมไม่เหลือญาติในบ้านอีกแล้ว เมื่อสองเดือนก่อนรับน้องชายบุญธรรมมาเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล ดังนั้นจึงคิดจะย้ายมาตั้งรกรากที่จิงเฉิง ให้น้องชายมีการศึกษาที่ดี ต่อไปจะได้มีอนาคต ญาติผู้น้องหญิงแซ่เซวีย นามเสี่ยวหรั่น ปีนี้อายุสิบแปด หน้าตาปานกลางค่อนไปทางดี เนื่องจากไว้ทุกข์ จึงยังไม่เคยมีกำหนดหมั้นหมาย ส่วนญาติผู้น้องชายนามว่าเซวียเสี่ยวเหล่ย ปีนี้เพิ่งอายุสิบสองพ่ะย่ะค่ะ"
ผูหยางชิงหลันเรียบเรียงคำพูดก่อนตอบกลับไป
อู่เซวียนตี้ผงกพระเศียร ก่อนหยิบผ้าในอ่างน้ำด้านข้างมาซับเหงื่อที่พระนลาฏ
"รอสุขภาพของเราดีขึ้นก่อน ให้พวกเขาสองพี่น้องเข้าวังมาพบเรา เหลียนเซวียนปลอดภัยกลับมาต้องขอบคุณพวกเขาอย่างมาก ไหนจะเห็ดหุยซินอีก นับว่าเราได้พึ่งพาบุญวาสนาของญาติผู้น้องเ้าจริงๆ"
หากแม่นางผู้นั้นไม่เก็บเห็ดหุยซินมาพอดี สภาพร่างกายของพวกเขาสองพ่อลูกก็ไม่รู้จะเป็อย่างไร
จะว่าไปแล้ว แม่นางผู้นั้นนับเป็ดาวนำโชคของพวกเขาสองพ่อลูกโดยแท้ ตามเหตุผลแล้วควรประทานรางวัลอย่างงามถึงจะเหมาะสม
เมื่อวานยามได้ยินผลการวินิจฉัยอันร้ายแรง ขอบพระเนตรของอู่เซวียนตี้ก็ดำคล้ำ หนักศีรษะเท้าเบาคล้ายมีเงามรณะคืบคลานเข้ามาจากรอบกาย
หลังจากฟ้าดินหมุนติ้วอยู่ครู่หนึ่ง อู่เซวียนตี้ก็หมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาอีกหนก็พบว่ามีเข็มฝังหนาแน่นอยู่ทั่วร่าง
พระองค์ััได้อย่างล้ำลึก ที่แท้ความตายก็อยู่ใกล้เพียงนี้
อู่เซวียนตี้ซึ่งหลงมัวเมามากว่าครึ่งชีวิต ในที่สุดก็ได้ลิ้มรสความหวาดกลัว
ไม่กล้าเอาหูทวนลมกับถ้อยคำตักเตือนของแพทย์อีกต่อไป
ปีหน้าเขาถึงจะอายุครบรอบใหญ่ห้าสิบปี แต่นี่ยังไม่ทันถึงห้าสิบ ก็หวุดหวิดไปเข้าเฝ้าพญายมเสียแล้ว
ส่วนสาเหตุอู่เซวียนตี้ย่อมรู้แจ้งแก่ใจ
ตอนนั้นหมอเทวดาเผยเคยเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แต่เขาใช้ชีวิตสำเริงสำราญทั้งสุรานารีพาชีกีฬาบัตรมากว่าครึ่งชีวิต จะให้เขาเปลี่ยนแปลงนิสัย เลิกสุรางดคลอเคล้านารี เป็เื่ยากจะทำได้จริงๆ
แต่ผลของการไม่ฟังคำเตือนของแพทย์เพิ่งจะมาสำแดงใน่สามสี่ปีมานี้
พิษจากโอสถลูกกลอนที่กินมาหลายปีเกือบปลิดชีวิตตนเองไปแล้ว
อู่เซวียนตี้ลูบๆ หน้าอกตรงตำแหน่งที่หัวใจเต้น ััได้ถึงความหวาดกลัว
เมื่อวานหลังฟื้นขึ้นมา ฟังเสียงสะอึกสะอื้นของฮองเฮาเล่าว่าขณะที่พระองค์หมดสติไป หัวใจไม่เต้นแล้ว ทั้งหมดล้วนอาศัยการฝังเข็มของผูหยางชิงหลันถึงสามารถช่วยชีวิตกลับมา
กว่าจะเก็บชีวิตกลับมาไม่ง่าย อู่เซวียนตี้จึงเปลี่ยนแปลงความคิดไปอย่างสะท้านฟ้าะเืดิน
พระองค์ตัดสินพระทัยในฉับพลัน เรียกองค์ชายกับขุนนางคนสำคัญมาเข้าเฝ้า มอบหมายให้เฟิงอ๋องผู้อ่อนโยนและมีความหนักแน่นเป็ผู้สำเร็จราชการ ลี่อ๋อง หลิ่งอ๋อง องค์ชายหก และองค์ชายเจ็ดเป็ผู้ช่วย
เหล่าขุนนางพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่อู่เซวียนตี้คร้านจะสนใจ ในท้องพระโรงมีเฟิงอ๋องว่าราชการ วังหลังมีหวังฮองเฮาดูแลจัดการ พระองค์ถึงจะสามารถถอนพิษและพักรักษาตัวในตำหนักยงหนิงอย่างหมดห่วง
