ขณะที่ชย่าลิ่วอีกำลังซดโจ๊กชามที่สอง เขาก็เหลือบมองเหอชูซานด้วยหางตา ครั้งนี้ไอ้เด็กนี่ดูเรียบร้อยขึ้นมาก ไม่ได้ใช้สายตาเ้าเล่ห์มองเขาอย่างลับๆ ล่อๆ อีกแล้ว หลังจากที่ขอโทษและได้รับเสียงฮึดฮัดจากเขาแล้วก็ดูเหมือนจะโล่งใจ ถึงได้เริ่มหันไปสนใจดูทีวีด้วยความกระตือรือร้นบ้าง
หลังจากตั้งใจดูทีวีไปครู่ใหญ่ เหอชูซานก็ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีพี่ใหญ่ที่ต้องดูแลอยู่ในห้อง เขาจึงหันกลับมาพูด “พี่ลิ่วอี อาหารพอไหมครับ? จะเอาอะไรเพิ่มไหม?”
ชย่าลิ่วอีโบกมือปัดไปมาเป็เชิงว่าไม่ต้อง เหอชูซานเห็นดังนั้นก็ไม่พูดอะไรให้เขารำคาญใจอีก เพียงแค่ดันห่อกระดาษไขเล็กๆ ที่ใส่หัวไชเท้าดองเข้าไปใกล้เท่านั้น ลูกพี่ใหญ่ชย่าใช้ตะเกียบเขี่ยของในห่อ แล้วคีบหัวไชเท้าดองชิ้นเล็กขึ้นมาอย่างรังเกียจก่อนจะเอาใส่ปาก—— ถือว่านี่เป็การคืนดีกันแล้ว
หลังจากดูแลให้เขากินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหอชูซานก็เก็บจานชามและกล่องอาหาร ขณะที่กำลังจะจากไป เขาก็ลังเลเล็กน้อย “พี่ลิ่วอี เสาร์อาทิตย์หน้าพี่ว่างไหมครับ? มีหนังเื่ใหม่เข้า…”
“ไม่ว่าง” ชย่าลิ่วอีตัดสินใจที่จะกำจัดความกำกวมทั้งหมดออกไป ก่อนที่เหอชูซานจะได้ลิ้มรสความสุขทางเพศ เขาจะไม่ไปไหนมาไหนกับเหอชูซานตามลำพัง เขาพูดอย่างหงุดหงิด “ไปหาแฟนแกโน่น”
“เสี่ยวเหอยังไม่ใช่แฟนผมนะครับ” เหอชูซานอธิบายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “เราเพิ่งจะเริ่มเดตกันเอง เดี๋ยวผมไปดูกับเธอก่อน ถ้าหนังดีจะบอกพี่นะครับ”
“ไม่เป็ไร ่นี้ฉันยุ่ง” ชย่าลิ่วอีพูด “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็อย่ามารบกวนฉัน”
“ครับ” เหอชูซานพูดด้วยใบหน้าที่ยังคงไร้เดียงสา ไม่แสดงความผิดหวังออกมาเลย “งั้นผมไม่รบกวนพี่ลิ่วอีแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ พี่ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ พักผ่อนเยอะๆ แล้วก็อย่าสูบบุหรี่นะครับ”
ชย่าลิ่วอีส่งเสียงฮึดฮัดออกมาเป็เชิงบอกว่าหุบปากแล้วไสหัวไปได้แล้ว
เมื่อเสียงฝีเท้าเบาๆ ของเหอชูซานลงบันไดไปแล้ว ชย่าลิ่วอีก็นั่งลงบนเตียง เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างไม่เกรงใจใคร แล้วก็จ้องมองทีวีไปสักพัก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
—— เมื่อครู่ไอ้เด็กนั่นไม่มีช่องโหว่เลยสักนิด ตอนพูดถึงเสี่ยวเหอหน้าของเขายังดูเหมือนจะแดงด้วย นี่เขาเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้เลยหรือ?!
ชย่าลิ่วอีคีบมวนบุหรี่ไว้แล้วกดโทรศัพท์ข้างเตียง “อาหย่ง? ไอ้หนุ่มคนนั้นไปหรือยัง?”
“เพิ่งจะไปเมื่อครู่นี้เองครับ หัวหน้า”
“เขาได้ถามอะไรแกหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ เขาไม่ได้พูดกับใครเลย”
ชย่าลิ่วอีมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิดด้วยสีหน้าครุ่นคิด อาหย่งรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเรียก “หัวหน้าครับ?”
“นายขับรถไปส่งเขาหน่อยสิ ดึกมากแล้ว เดินจากที่นี่กลับไปที่จิ่วหลงไม่ปลอดภัยหรอก”
“ครับ!”
“...เดี๋ยวก่อน!”
“หัวหน้ามีอะไรจะสั่งอีกเหรอครับ?”
“ไม่ต้องไปส่งแล้ว”
ลูกพี่ใหญ่ชย่าพยายามอย่างหนักที่จะทำใจแข็ง—— เขาจะใจดีกับเด็กคนนั้นมากเกินไปไม่ได้ เดี๋ยวจะทำให้เขาเข้าใจผิดอีก!
……
ที่ลูกพี่ใหญ่ชย่าบอกว่ายุ่งนั้นไม่ใช่เื่โกหก หลังคริสต์มาสเขาก็ยุ่งอยู่พักใหญ่ นอนบนเตียงได้ไม่ถึงวันก็ต้องฝืนลุกขึ้นมาจัดการเื่สำคัญต่างๆ เวลาไม่กี่สัปดาห์ผ่านไปในพริบตา คนที่จงใจก่อเื่ในเขตของเขานั่นก็ยังจับไม่ได้ ส่วนพวกผู้าุโก็บ่นเขาเื่ขยายอิทธิพลเร็วเกินและมีศัตรูมากเกินไปจนตำรวจเริ่มจับตามอง ชย่าลิ่วอีจึงต้องให้ชุยตงตงไปพูดจาเอาใจพวกผู้าุโ ในขณะเดียวกันก็ยังคงเดินหน้าจัดการเื่ต่างๆ ไม่ได้หยุดพัก
เป้าหมายหลักของเขาคือเฝยชี ก่อนถึงตรุษจีนก็จัดการกับเขาอีกครั้งหนึ่ง ชย่าลิ่วอีพาคนไปถล่มสถานที่หลายแห่งของเฝยชีโดยเจตนา เขาตั้งใจส่งหงกุ้นของผู้เฒ่าเก๋อไปเป็หัวหอก ทว่าเ้าเด็กนั่นไม่เพียงแต่รอดตายและไม่พิการ ยังสามารถทำลายไนต์คลับของเฝยชีได้ถึงสามแห่ง พร้อมทั้งกวาดเงินสดกลับมาเต็มกระสอบอีกด้วย
ชย่าลิ่วอีได้เรียกหงกุ้นไปแช่น้ำร้อนด้วยกัน ห้องอาบน้ำพุร้อนถูกเคลียร์พื้นที่แล้ว เหลือเพียงพวกเขาสองคนในสระขนาดใหญ่
ลูกพี่ใหญ่ชย่าเอนศีรษะพิงขอบสระอย่างเกียจคร้าน ใบหน้าถูกปิดด้วยผ้าขนหนูเปียก ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่า แผลเป็เก่าขนาดเล็กใหญ่ถูกแช่น้ำจนกลายเป็สีแดงเข้ม บนกล้ามเนื้อที่เรียบเนียนและแข็งแรงของเขา แผลเป็เ่าั้ดูน่ากลัวเป็พิเศษ
ลูกน้องคนนี้ใมากเมื่อเห็นรอยแผลเป็ทั่วร่างของลูกพี่ใหญ่ชย่า เขาจำตำนาน ‘วันเด็กสีดำของอสูรสองดาบ’ ได้ทันที เขาขนลุกไปทั้งตัว ตระหนักได้ว่าหัวหน้าใหญ่คนนี้ผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน เขาพันผ้าขนหนูรอบเอวแล้วลงไปในน้ำอย่างหวาดกลัว
ห้องอบอวลไปด้วยไอน้ำ น้ำอุ่นทำให้กระดูกของเขานุ่มลง [1] แต่ลูกพี่ใหญ่ชย่ายังคงนั่งนิ่งเฉยตรงข้ามเขาโดยไม่พูดอะไร ท่าทางสงบนิ่งของหัวหน้าใหญ่ยิ่งทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายมากกว่าเดิม
ในที่สุดชย่าลิ่วอีก็พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความเ็า “นายมีฉายาว่าไอ้หัวบากใช่ไหม?”
ไอ้หัวบากรีบยืดหลังตรงทันที “เรียนหัวหน้าใหญ่ ผมมีแผลเป็ขนาดใหญ่บนหัวครับ เมื่อก่อนโดนฟันมา”
“แล้วนายก็เอาคืน?” ชย่าลิ่วอีถาม
“ใช่ครับ เอาคืนไปแล้วครับ”
“ตอนนี้คนนั้นก็เป็ไอ้หัวบากแล้วหรือ?”
“ไม่ครับ ตอนนี้เขาไม่มีหัวแล้ว”
ชย่าลิ่วอีหัวเราะเบาๆ
“รู้ไหมว่าฉันเรียกนายมาทำไม?”
“หัวหน้าใหญ่บอกมาได้เลยครับ”
“แกเป็เด็กหนุ่มที่ใช้ได้” ชย่าลิ่วอีพูดอย่างเกียจคร้าน เสียงที่อยู่ใต้ผ้าขนหนูฟังดูไม่ค่อยชัด “วีรบุรุษไม่ถามที่มา ฉันี้เีถามเื่ในอดีต สนใจแค่ว่าแกอยากไปที่ไหน ถ้าไปถูกทาง แกจะไม่ใช่แค่ไอ้หัวบาก แต่จะเป็พี่ใหญ่หัวบาก ถ้าไปผิดทางก็คงต้องไม่มีหัว เข้าใจที่ฉันพูดไหม?”
เนื่องจากหัวหน้าใหญ่ยังคงนอนนิ่งๆ และใช้ผ้าขนหนูปิดหน้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าจริงใจอย่างสุดซึ้งของเขาได้ ดังนั้นไอ้หัวบากจึงพยายามใช้น้ำเสียงที่หนักแน่นมั่นคงเพื่อแสดงความจงรักภักดี “เข้าใจแล้วครับ หัวหน้าใหญ่!”
“ออกไปได้”
“ครับ!”
หลังจากแช่น้ำพุร้อนอยู่นานและได้รับคำเตือนที่อ่านอารมณ์ของนายใหญ่ไม่ออก ชายหนุ่มที่มุ่งมั่นจะเป็พี่ใหญ่หัวบากในอนาคตคนนี้ก็ลุกขึ้นจากน้ำด้วยความกังวลใจ เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเดินอย่างมั่นคง แสร้งทำเป็สงบนิ่ง แต่ผลที่ได้คือการเดินเตาะแตะ ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเดินผ่านมุมทางเดินไปได้
ชย่าลิ่วอีเงียบเสียงอยู่ใต้ผ้าขนหนูเปียกจนเส้นเืที่หน้าผากปูดโปนขึ้นมา กระทั่งเขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกต่อไป ในที่สุดเขาก็สามารถจามออกมาอย่างแรงได้! แรงจากการจามทำให้น้ำในบ่อกระเพื่อมเป็ระลอกคลื่น!
“ฮัดเช้ย!”
เขาดึงผ้าขนหนูจากใบหน้าออกมาสั่งน้ำมูกแล้วโยนมันทิ้งไปไกลๆ “เวรเอ๊ย!”
แม่งเอ๊ย! คัดจมูกจะตายแล้ว เสียงพูดเหมือนจะร้องไห้ ถ้าไม่ปิดผ้าขนหนูไว้ก็ไม่กล้าพูด! ไอ้ลูกหมีนี่ก็ไม่รู้จักรีบเดินออกไปหน่อย!
เสี่ยวหม่าวิ่งเท้าเปล่าเข้ามาจากข้างนอก “พี่ใหญ่ สารวัตรสวี่โทรมาชวนพี่ไปทานข้าวพรุ่งนี้ครับ”
“แม่งเอ๊ย” ชย่าลิ่วอีสบถด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกเหมือนจะร้องไห้ “ตรุษจีนยังไม่ทันจะถึงก็รีบมาทวงเงินแล้ว! ให้ชุยตงตงไปดูแลเขา เอาซองแดงห้าหมื่น บอกเขาไปว่าคืนนี้ฉันมีธุระด่วนต้องบินไปไทย”
“พี่ใหญ่ครับ” เสี่ยวหม่าหมอบอยู่ข้างสระว่ายน้ำแล้วแนะนำอย่างลังเล “พี่จะไปหาหมออีกครั้งไหมครับ? ผมว่าพี่น่าจะเป็ภูมิแพ้นะครับ”
“ภูมิแพ้มันรักษาได้ไหม?! ไปหาหมอแล้วได้อะไรขึ้นมา!” ชย่าลิ่วอีตบมือลงน้ำ ทำให้น้ำกระเซ็นใส่หน้าเสี่ยวหม่า “ไปเตรียมเสื้อผ้าให้ฉัน! ฮัดเช้ย!”
เขาป่วยและยุ่งมาก หลังจากไข้ลดลงก็ผ่านมาสิบกว่าวันแล้วแต่น้ำมูกกลับยังไหลไม่หยุด เขาคันและแสบจมูกจนทนไม่ไหว ชีวิตผ่านไปอย่างมืดมนจนเขาลืมเื่ของไอ้เด็กเวรที่ทำให้เขารำคาญไปแล้ว กระทั่งเสี่ยวหม่าที่มาช่วยเขาผูกเนกไทพูดขึ้น “พี่ใหญ่ครับ อาทิตย์หน้าก็ตรุษจีนแล้วนะครับ”
“อืม” ชย่าลิ่วอีครางรับเสียงขึ้นจมูก
“ผมจะกลับบ้านที่กวางโจววันมะรืน พี่ตงตงจะไปไทยวันจันทร์หน้า พี่ว่าพี่จะ...”
“รีบไสหัวไปให้หมด” ชย่าลิ่วอีพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไปเบิกเงินจากฝ่ายการเงินห้าหมื่น เอาไปให้อาม่าแกเป็อั่งเปาจากฉัน”
“ไม่เป็ไรครับ ไม่เป็ไร ไม่ต้องหรอกครับ” เสี่ยวหม่ารีบพูด “อาม่าผมอายุแปดสิบกว่าแล้ว รับไม่ไหวหรอกครับ พี่ใหญ่”
“พูดมาก! ออกไปเรียกรถแท็กซี่ได้แล้ว”
เสี่ยวหม่ารีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่าวิ่งไปได้สองก้าวก็เกาะขอบประตูแล้วหันกลับมาอย่างลังเล “พี่ใหญ่ครับ พวกเราเป็ห่วงที่พี่อยู่คนเดียวนะครับ แหะๆ... หรือว่าพี่จะกลับบ้านนอกไปกับผมดีครับ?”
“ฉันไม่ชอบไปทุ่งนาให้ยุงกัดโว้ย! พอแล้ว ห่วงอะไรนักหนา! ไสหัวไป!”
เสี่ยวหม่าวิ่งออกไปได้ครึ่งตัวก็หันกลับมาอีกครั้ง เขาพูดตะกุกตะกัก “พี่ใหญ่ครับ พี่ตงตงบอกว่าไอ้หนุ่มแซ่เหอเคยถามเธอว่าอยากชวนพี่ไปบ้านเขา่ตรุษจีน พี่จะไปจริงๆ เหรอครับ? ผมว่าไอ้หมอนั่นมีเลศนัย ไม่น่าจะมีเจตนาดี...”
ชย่าลิ่วอีใช้รองเท้าหนังกระทุ้งเขาออกไป “มายุ่งกับฉันทำไม! ไปให้พ้น!”
-- แล้วอีกอย่าง ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลย!
เชิงอรรถ
[1] กระดูกนุ่ม หมายถึง รู้สึกผ่อนคลาย