โจวเฉิงหยุดพักที่เซี่ยงไฮ้ไม่กี่วัน เขาไม่รับรู้เื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานย้ายบ้านสักนิด
แต่โจวเฉิงก็ไม่รีบร้อน เขาช่วยชีวิตหลิวหย่งผู้เป็ลุงไว้เซี่ยเสี่ยวหลานย้ายไปสุดขอบฟ้าจะไม่ดูดำดูดีลุงได้หรือ?
หลิวหย่งที่เห็นว่าโจวเฉิงและคังเหว่ยมีท่าทางเหมือนคนลักลอบขนของเถื่อนแต่สองคนนี้กลับไม่ใช่คนพวกนั้นจริงๆ งานที่พวกเขาทำอย่างมากถือว่าเป็การค้าขายเก็งกำไรหลิวหย่งต่างหากที่ทำการค้าของเถื่อนอย่างแท้จริง ช่างก่อสร้างจะทำเงินได้เท่าไรกันนิสัยของหลิวหย่งไม่มีทางพอใจในความธรรมดาสามัญ สิ่งที่้าคืองานที่สามารถทำเงินได้รวดเร็วและเป็จำนวนมาก
เขาใช้เวลาเกือบปีก็คลำพบลู่ทาง และหาเงินได้โดยไม่มีใครสงสัย เขาไม่เพียงแต่คุ้มกันสินค้าบนรถอย่างเดียวแต่เขายังร่วมเป็หุ้นส่วนอีกด้วย เงินที่ได้มานั้นลงทุนไปกับสินค้าหมดแล้วครั้งนี้ถูกสกัดกั้นระหว่างทาง ทรัพย์สินของครอบครัวที่หลิวหย่งสะสมมาเกินครึ่งปีสูญเสียอย่างน้อยมากกว่าครึ่ง!
เจ็บใจก็ส่วนเจ็บใจ อย่างน้อยเขาก็สามารถหอบหิ้วชีวิตกลับมาได้
ซึ่งดีกว่าอีกสองคนที่ร่วมกลุ่มกับเขาและได้ถูกคนทำร้ายจนตายในเหตุการณ์นั้น
งานลักลอบขนของเถื่อนนี้ทำเงินได้รวดเร็ว แต่มีความเสี่ยงสูง หลิวหย่งได้พบเจอด้วยตนเองแล้วเขาจึงไม่ยอมให้เซี่ยเสี่ยวหลานและโจวเฉิงคบหากัน ทว่าโจวเฉิงกลับบอกว่าเขาทำงานในหน่วยงานลับตีหลิวหย่งให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ แต่โจวเฉิงไม่ได้อธิบายอะไรตั้งตารอจนหลิวหย่งออกจากโรงพยาบาล หลังจากนั้นเขาและคังเหว่ยก็พาหลิวหย่งไปถ่ายสินค้าด้วยกัน
รถยนต์ตงเฟิงที่โจวเฉิงและคังเหว่ยขับ ภายในตู้ขนของด้านหลังรถบรรจุเต็มไปด้วยกล่องลัง
พวกเขาถ่ายสินค้าลงที่เซี่ยงไฮ้ ตอนจะออกเดินทางก็บรรทุกสินค้าในพื้นที่ขึ้นรถอีกครา
บรรทุกอะไรน่ะหรือ ขณะที่พวกโจวเฉิงทำการตรวจสอบสินค้า หัวใจของหลิวหย่งก็เต้นระรัว
บุหรี่ ทุกลังล้วนคือบุหรี่!
โจวเฉิงและคังเหว่ยกวาดบุหรี่ที่เซี่ยงไฮ้ได้รับโควตาวางขาย ทว่าขายในพื้นที่ไม่ออกจนหมดเกลี้ยงดึงยอดขายดั้งเดิมของยี่ห้อบุหรี่กลับมาราคาส่วนต่างของบุหรี่หนึ่งซองอาจไม่น่าสนใจ แต่บุหรี่ที่พวกเขาขนไม่ใช่แค่หนึ่งซองไม่ใช่แค่หนึ่งคอตตอน และไม่ใช่แค่หนึ่งลัง
บุหรี่เต็มทั้งคันรถ ยี่ห้อชื่อดังก็มี!
บุหรี่หนึ่งซองไม่ได้ทำกำไรเพียงหนึ่งเหมาแน่ๆตกลงโจวเฉิงก่อตั้งเส้นสายไว้มากเท่าไรกันตลอดการเดินทางมีแต่บรรทุกของขึ้นและถ่ายสินค้าลงไม่ใช่การเปลี่ยนลังสินค้าของตู้บรรทุกด้านหลัง บุหรี่แต่ละลังจะถูกขนลงจากรถลังใหม่ก็ถูกบรรทุกขึ้นเต็มตู้อีกครั้ง ธุรกิจประเภทนี้จะต้องแบ่งกำไรออกไปอีก เท่ากับว่าพวกโจวเฉิงเป็นายหน้าคนกลางจากสินค้าต้นทางถึงการค้าปลีกล้วน้าคนมาจัดการให้สำเร็จ
ทว่าต่อให้บุหรี่หนึ่งซองมีกำไรเพียงหนึ่งเหมาที่จะตกถึงมือของโจวเฉิงบุหรี่หนึ่งคอตตอนก็เป็ 1 หยวนแล้วหนึ่งลังใหญ่อย่างต่ำบรรจุถึงหนึ่งร้อยคอตตอนตู้ด้านหลังรถยนต์ตงเฟิงบรรทุกบุหรี่อาจไม่ถึงหนึ่งหมื่นคอตตอนแต่ก็มีหลายพันคอตตอนอยู่ดีสนะ? ไม่ใช่แค่เดินทางหนึ่งรอบจะทำเงินได้หลายพันหยวนแต่ผ่านทางทุกเมืองก็ต้องหยุดครู่หนึ่ง จากปักกิ่งถึงเซี่ยงไฮ้จากนั้นค่อยกลับจากเซี่ยงไฮ้ถึงปักกิ่ง หลิวหย่งคำนวณอยู่ภายในใจอย่างงุนงงว่าจริงๆแล้วสองคนนี้ขายบุหรี่ได้จำนวนกี่คอตตอน และสามารถทำเงินได้เท่าไรกันแน่!
ลักลอบขนของเถื่อนก็ทำเงินได้ไม่ดีเท่านี้
ถ้าธุรกิจนี้เป็ของโจวเฉิงและคังเหว่ยทั้งหมด ทั้งสองต้องร่ำรวยมากเหลือเกิน!
หลิวหย่งมองจนดวงตาพร่ามัว ในใจยังคงคาดเดาที่มาที่ไปของโจวเฉิงและคังเหว่ยไม่ได้อาชญากรหรือผู้ร่วมผลประโยชน์? ถ้าไม่มีเครือข่ายความสัมพันธ์ก็ทำธุรกิจนี้ไม่ได้อย่างแน่นอนคังเหว่ยนั้นเคารพนับถือโจวเฉิงเป็อย่างมาก สรุปแล้วโจวเฉิงมีหัวนอนปลายเท้าอย่างไรกันแน่?
หลิวหย่งรู้สึกไม่วางใจแม้แต่น้อย คนเช่นนี้ต้องตาต้องใจเซี่ยเสี่ยวหลานหากไม่ไขว่คว้าไว้ในมือ จะยอมแพ้โดยง่ายจริงหรือ?
บ้านหลิวขัดสนทั้งเงินและอำนาจไร้ซึ่งความสามารถในการต่อต้านโจวเฉิงโดยสิ้นเชิง
หลิวหย่งไม่สามารถคาดหวังอนาคตของหลานสาวและโจวเฉิงได้เลย แม้โจวเฉิงไม่ได้ล้อเล่นกับจิตใจของเซี่ยเสี่ยวหลานทว่าสถานะไม่เหมาะสมกัน กว่าทั้งสองจะเดินไปถึงปลายทางได้ช่างยากเย็นยิ่งนัก
ระหว่างเดินทางกลับ ยิ่งผ่านไปหลิวหย่งยิ่งเงียบขรึม
โจวเฉิงเอ่ยวาจาตรงไปตรงมาไม่น้อย “ธุรกิจนี้ทำเงินดีมากทีเดียวแต่ผมก็คงไม่ทำไปตลอด คุณลุงมีความตั้งใจอย่างไร ยัง้าทำอาชีพเดิมต่อไปไหมครับ?”
หลิวหย่งขบฟัน “ฉันจะถอนเงินทุนของตัวเองที่เหลืออยู่ออกมางานนี้ฉันคงไม่กล้าแตะอีกแล้ว”
ความอาจหาญของหลิวหย่งนั้นมีไม่น้อย ก่อนเข้าวงการก็รับรู้ถึงความอันตรายแต่ครั้งนี้เกือบสิ้นชีวิต เป็การส่งสัญญาณเตือนภัยให้แก่หลิวหย่งไม่มีใครที่ไม่กลัวตาย ถ้าเขาเสียชีวิตอยู่กลางทาง สมาชิกครอบครัวหญิงรวมกับเด็ก 6 ขวบที่หลงเหลืออยู่ จะไม่โดนคนข่มเหงแย่หรือ?
“คุณลุงคิดว่าตัวเองจะดึงเงินทุนคืนได้เท่าไรครับ?”
โจวเฉิงไม่ใช่คนขัดสนเงินทอง หลิวหย่งก็ไม่กังวลว่าเขาจะสนใจเงินเล็กน้อยของตนเองจึงเปิดอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“ส่วนมากก็เสียหายในครั้งนี้ไปแล้ว ถ้าฉันถอนทุนชั่วคราว ดีหน่อยจะได้ถึง 5000 น้อยหน่อยก็ประมาณ 3000 หยวน”
หลิวหย่งเศร้าใจพอสมควร
คังเหว่ยกลับค่อนข้างชื่มชมเขา
หลิวหย่งอย่าว่าแต่เทียบกับพี่เฉิงจื่อเลย แค่เปรียบเทียบกับเขาเอง ต้นทุนชีวิตที่ติดตัวมาั้แ่เกิดก็ไม่ดีนัก
พิจารณาสภาพร่างกาย เื่ห้ำหั่นฆ่าแกงไม่วนมาถึงเขาใช้เวลาครึ่งปีหาเงินได้หนึ่งก้อน ล้วนอาศัยสมองและความกล้าทั้งสิ้น
สำหรับคังเหว่ย หากไม่มีโจวเฉิงคอยแนะนำสนับสนุนเขาเขาก็น่าจะเข้างานไปวันๆ ในหน่วยงานที่ปักกิ่ง ทุกๆ เดือนได้รับเงินเดือนพอยาไส้ ปกติแล้วเขาพึ่งพาเงินเบี้ยเลี้ยงของคุณย่าที่รักใคร่เอ็นดูเขาทั้งนั้นถึงได้ไม่ขัดสนในเื่เงินทอง
สาเหตุที่โจวเฉิงสอบถามจุกจิกแบบนี้ เพราะ้าให้หลิวหย่งนำเงินที่เหลืออยู่ลงทุนในธุรกิจบุหรี่
“คุณลุงลองคิดดูก่อนก็ได้ครับ ผมคิดว่าคุณและคังเหว่ยร่วมมือกันทำงานนี้ไม่น่ามีปัญหา”
คังเหว่ยไม่คัดค้านอะไร โจวเฉิงมิอาจละเลยอาชีพหลักไปตลอดเมื่อโจวเฉิงไปแล้ว คังเหว่ยก็ไม่คิดที่จะฮุบส่วนที่เป็ของโจวเฉิง ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็พี่สะใภ้หลิวหย่งก็คือ ‘คุณลุงที่แท้จริง’ ของโจวเฉิง ให้หลิวหย่งเข้าร่วมธุรกิจ คังเหว่ยกลับวางใจยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ
หลิวหย่งสนใจหรือไม่?
เขาใจเต้นระรัว ภายในเวลาไม่กี่นาที เสื้อผ้าบนร่างกายก็เปียกชุ่มแล้ว!
เหงื่อทำให้เขารู้สึกระคายเคืองาแบนหลังจนทั้งแสบและคันไม่รู้ว่าใช้ความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ขนาดไหนหลิวหย่งถึงปฏิเสธข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจนี้ออกไปได้
เขาไม่สามารถรับเงินทองที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าได้ โจวเฉิงอาจจะไม่ถือสาแต่หลิวหย่งไม่อยากขายหลานสาวเพราะเงิน เดิมกลายเป็ผู้ร่ำรวยหมื่นหยวนได้ไปเดินในวังพญายมราชแล้วหนึ่งหน [1] ขาดทุนเสียจนหลงเหลือเงินอยู่ไม่กี่พันอีกทั้งอาจไม่ได้คืนเสียด้วยซ้ำ หลิวหย่งจะไม่เจ็บใจได้อย่างไร? ทว่ามีเงินไม่กี่พันเขายังสามารถนำไปทำธุรกิจอื่นได้อยู่แล้ว แม้จะทำเงินไม่รวดเร็วเท่าลักลอบขนของยิ่งสู้โจวเฉิงที่ขายบุหรี่ไม่ได้ แต่เงินที่หามานั้นเขาใช้จ่ายได้อย่างมั่นคง
พอโจวเฉิงได้ยินก็หัวเราะทันที พูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
“คุณลุงกับเสี่ยวหลานสมกับเป็ครอบครัวเดียวกันจริงๆ ”
คนชนบทแล้วอย่างไร? ไม่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหรือหลิวหย่งพวกเขาล้วนมีความมุ่งมั่นของตนเอง เซี่ยเสี่ยวหลานฉลาดเฉลียวขนาดนั้น จะไม่รู้เลยหรือว่าเพียงประจบประแจงโจวเฉิงไปเรื่อยๆไม่กี่คำก็สามารถอาศัยเขาสร้างเนื้อสร้างตัวได้แต่พอโจวเฉิงให้เซี่ยเสี่ยวหลานร่วมหุ้น เซี่ยเสี่ยวหลานปฏิเสธตามตรงไปแล้ว
โจวเฉิงแค่คิดว่าช่างสมกับที่เป็ครอบครัวเดียวกันจริงๆ !
หลิวหย่งรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก โจวเฉิงกลับไม่อธิบายออกมาสักคน โจวเฉิงคิดถึงเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นมากะทันหันความโหยหาของเขาที่มีต่อเธอไม่เคยหยุดยั้งเลย ณ ขณะนี้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีความคิดที่อยากหยุดพักระหว่างทางแล้วโจวเฉิงขับรถพุ่งตรงไปยังเขตอันชิ่ง ทั้งยังบอกว่าหลิวหย่งได้รับาเ็กระตือรือร้นไปส่งหลิวหย่งกลับบ้าน
หลิวหย่งจะทำอย่างไรได้?
เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลยแถมต้องเชิญพระผู้ช่วยชีวิตทั้งสองกลับบ้านด้วยความนอบน้อม
ตอนหลิวหย่งออกเดินทางบอกว่าตนจะไปอย่างน้อยสองเดือนถึงกลับมาไม่คิดว่าผ่านไปเพียงสองสัปดาห์เขาก็กลับมาแล้ว คนคนนี้ผิวดำคล้ำ หลังจากเสียเืมากร่างกายย่อมอ่อนแอริมฝีปากขาวซีด เดินเหินก็กระปั้วกระเปี้ย
หลี่เฟิ่งรู้สึกกังวลแทบแย่ “นี่คุณเกิดอะไรขึ้น?”
หลิวหย่งมองเข้าไปในบ้าน “เสี่ยวหลานล่ะ?”
“เมื่อวานซืนเสี่ยวหลานย้ายไปอยู่ในซางตูแล้ว เธอบอกว่าอยู่ในเมืองสะดวกกว่า”
ย้ายไปแล้ว?
ความรู้สึกแรกของหลิวหย่งคือยินดี โจวเฉิงเดินตามหลังมาเพื่อเยี่ยมเยียนเสี่ยวหลานปรากฏว่าคว้าน้ำเหลว
เมื่อเห็นโจวเฉิงผิดหวัง หลิวหย่งก็มีสีหน้าเบิกบานใจ สภาพจิตใจแบบนี้หลี่เฟิ่งเหมยไม่มีทางเข้าใจได้เธอเพียงแต่แปลกใจว่าโจวเฉิงและคังเหว่ยคือใคร จะบอกว่าเป็เพื่อนของหลิวหย่งเธอก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน
หลิวหย่งกระแอมแห้งสองที “ฉันออกไปรอบนี้เจอปัญหาเล็กน้อยโชคดีที่สหายสองคนนี้ได้ช่วยชีวิตฉันไว้ บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณพวกเขาอย่างไร”
เชิงอรรถ
[1] 阎王殿走了一遭 เดินในวังพญายมราชหนึ่งหน หมายถึง เกือบตาย