“ยืนได้แล้ว! กุ่ยเตาแข็งแกร่งจริง ๆ ด้วย ไม่ใช่คนธรรมดา” ผู้คนต่างใ แม้ตอนนี้กุ่ยเตาจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่ก็ยืนได้อย่างมั่นคง เก่งกว่าคนเ่าั้ก่อนหน้านี้มาก และส่วนใหญ่จะถูกฆ่าตายทันทีที่เท้าแตะแท่นหิน
“ฟิ้ว!” เงาพรายที่แปรผันมาจากกระแสน้ำตกอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง คลื่นพลังภูตพรายถูกปลดปล่อยทำให้กุ่ยเตาหน้าซีดเผือด รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองทนต่อการกัดกร่อนของพลังภูตพรายไม่ได้ หากเป็เช่นนี้ต่อไปเขากุ่ยเตาต้องตายแน่ เขาจึงเกิดความหวาดกลัว นาทีนี้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าการที่ตนมาเหยียบบนแท่นหินลำดับห้านี้มันโง่เขลาเพียงใด ทว่าเขายังไม่อยากตายตอนนี้ ตอนนั้นเองไม่รู้ว่ามีพลังมาจากไหน มันทำให้เขาหลุดพ้นจากพันธนาการของเงาพรายพวกนั้น ดีดร่างเขาออกจากแท่นหินและกระอักเืออกมา
“นี่มัน...” ผู้คนต่างตกตะลึงขณะมองสภาพของกุ่ยเตาในตอนนี้ พลางรู้สึกหวาดกลัวแท่นหินลำดับห้านั่นมากกว่าเดิม
สีหน้าของกุ่ยเตาดูน่าเกลียด เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองมีพร์ยอดเยี่ยม จึงท้าทายด้วยการไปเหยียบแท่นหินนั้น ทว่าคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่แข็งแกร่งพอ
เย่เฟิงมองกุ่ยเตาด้วยสายตาดูถูกพลางเหยียดยิ้มเยาะเย้ย
“มองอะไรเ้าเศษสวะ?” กุ่ยเตาเผยสีหน้าเขียวคล้ำ แม้เย่เฟิงจะไม่พูดอะไร ทว่าดูจากสายตาของเย่เฟิง เขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกเขา
“ฮ่า ๆ ๆ!” เย่เฟิงะเิหัวเราะด้วยความสะใจ
“เ้าคิดว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา แต่กลับถูกกระแสน้ำตกซัดกระเด็น เ้าจึงรู้สึกอับอายขายหน้า ก็เลยพาลใส่ข้าเนี่ยนะ?” เย่เฟิงมองกุ่ยเตาด้วยสายตาเย็นเยียบ
“สภาพแบบนี้เ้ายังพูดได้อีกหรือ ไม่รู้จักละอายใจแถมยังโง่เง่าสิ้นดี” เย่เฟิงเย้ยหยันต่อ เหล่าผู้คนต่างต้องใ กุ่ยเตาเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 มีพลังแกร่งกล้า ดังนั้นจึงมีศิษย์สำนักยุทธ์ไม่กี่คนที่กล้ายั่วยุเขา แต่ชายผู้นี้ดูิ่กุ่ยเตาอย่างไม่เกรงกลัว เขาคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเป็แน่
“สวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 มีสิทธิ์อะไรมากำแหงต่อหน้าข้า? ข้ากุ่ยเตาอยากฆ่าเ้า แค่โบกสะบัดมือก็ทำได้แล้ว!” กุ่ยเตากล่าวเสียงเย็น แม้าเ็สาหัส แต่ก็ยังทำตัวเข้มแข็ง
“สภาพเ้าในตอนนี้ เ้าคิดว่ามีสิทธิ์พูดงั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม จากนั้นเขาหันหลังไปมองน้ำตกเทียนเชี้ยนด้วยสายตามุ่งมั่นราวกับว่ามีความมั่นใจมาั้แ่เกิด
“เ้ากุ่ยเตาชอบทำตัวหยิ่งยโส แต่จิตใจกลับคับแคบ ไม่เคยอ่อนน้อมถ่อมตน” ขณะที่เย่เฟิงหันหลังให้กุ่ยเตา เขาก็กล่าวด้วยเสียงเ็าเช่นนั้น
“ศิษย์น้องเย่ เ้าคิดจะขึ้นแท่นหินหรือ?” เฉิงเฟยมองมาที่เย่เฟิงราวกับอ่านความคิดของเขาออก
“ใช่ ศิษย์พี่ทั้งสองดูแลตัวเองด้วย” เย่เฟิงกล่าวพลางพยักหน้าให้เฉิน้ฟยและฉู่หาน บทสนทนาของพวกเขาทำให้ผู้คนตะลึงงัน เย่เฟิงคิดจะขึ้นไปยังแท่นหินอีกคนงั้นหรือ?
ขณะพูดคุยกัน มีสองคนลงมาจากแท่นหินที่ใต้น้ำตกนั่นและพวกเขายังได้รับพลังที่แตกต่างกันไป คนแรกลงมาจากแท่นหินลำดับหนึ่ง ส่วนอีกคนลงมาจากแท่นหินลำดับสอง ดังนั้นแท่นหินใต้น้ำตกจึงว่างสี่ที่ นั่นคือแท่นหินลำดับหนึ่ง สอง สี่ และห้า
สิ้นเสียงเย่เฟิง ผู้คนก็เห็นเขาะโขึ้นฟ้าก่อนจะทะยานไปที่ใต้น้ำตก พวกเขาที่กำลังใก็ได้ยินคนหนึ่งพูดขึ้น
“ชายผู้นี้มาจากไหนกัน? อยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 แต่กล้ามาที่นี่ ถึงจะเป็แท่นหินลำดับหนึ่งที่ต่ำที่สุดก็ไม่ใช่คนอย่างเขาจะขึ้นไปได้ รนหาที่ตายชัด ๆ”
“ใช่ ตอนนี้มีแท่นหินว่างสี่ที่ แท่นหินลำดับหนึ่งมีพลังอ่อนที่สุด มีอันตรายน้อยที่สุด แต่ก็สร้างภัยคุกคามอันใหญ่หลวงให้หมอนั่นได้ ถึงหมอนี่อยากตาย แต่คิดจะตายโดยไม่เหลือซากศพของตัวเองงั้นหรือ?” มีอีกคนเอ่ยขึ้น คิดว่าเย่เฟิงที่อยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ไม่มีทางเหยียบแท่นหินได้ และค่าตอบแทนของความหุนหันพลันแล่นนี้ก็อาจเป็ชีวิตของเขา
“หันหลังกลับไม่ได้แล้ว ชายผู้นี้ทำได้เพียงเลือกแท่นหินลำดับหนึ่งเท่านั้น แต่จุดจบของเขาดูเหมือนถูกกำหนดไว้แล้ว” ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด พวกเขาต่างคิดว่าเย่เฟิงต้องตายทันทีที่เหยียบแท่นหิน ถึงอย่างไรแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 และ 9 ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถทนต่อพลังลึกลับที่ถูกปลดปล่อยจากกระแสน้ำตกนั้นได้
“ศิษย์น้องเย่ เ้าจะทำได้จริง ๆ หรือ?” เฉิงเฟยกำหมัดแน่น สีหน้าตึงเครียด นางรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างเมื่อเหยียบแท่นหิน หากทนรับพลังนั้นไม่ไหว ชีวิตจะหาไม่
ดวงตาของฉู่หานฉายแววเด็ดเดี่ยวคล้ายเชื่อมั่นในตัวเย่เฟิง แม้ระดับการบ่มเพาะของเย่เฟิงจะอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 แต่พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งจนน่าใ นี่เป็การพิสูจน์พร์ของศิษย์น้องเย่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าสิ่งที่แท่นหินหยั่งรู้้าไม่ใช่พร์หรอกหรือ?
“ปลายทางที่หมอนี่จะไปดูเหมือนจะไม่ถูกนะ?” ผู้คนมองเย่เฟิงไม่วางตา จากนั้นพวกเขาก็ต้องใ เพราะเห็นเย่เฟิงไม่ได้มุ่งหน้าไปยังแท่นหินลำดับหนึ่งที่ต่ำที่สุด แต่ปลายทางของเขาคือ... แท่นหินลำดับห้าที่อยู่สูงที่สุดนั่น ฉากนี้ทำให้ผู้คนต่างเบิกตาโพลงด้วยความใ
“ชายผู้นี้คงอยากตายมากเป็แน่ ขนาดกุ่ยเตาขึ้นไปบนแท่นหินลำดับห้าก็ยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด แล้วเขาล่ะจะเหลือเหรอ?” มีคนหลายคนไม่เข้าใจ เย่เฟิงให้ความรู้สึกกับพวกเขาว่าเขารนหาที่ตาย และแท่นหินลำดับห้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนจะขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ทว่าตอนนี้พวกเขากลับเห็นเย่เฟิงเตรียมจะขึ้นไปบนนั้น
“หึ ก็แค่เศษสวะต่ำต้อย แต่กล้าขึ้นไปเหยียบแท่นหินลำดับห้างั้นเหรอ?” กุ่ยเตาแค่นเสียงเ็า เหยียดยิ้มมุมปากพลางกล่าวต่อ “แบบนี้ก็ดี ข้าี้เีฆ่าคนผู้นี้อยู่พอดีเลย”
ขณะที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่ว่างพอจะสนใจ เขากำลังทะยานร่างด้วยความเร็วสูง ไม่นานนักเขาััถึงไอน้ำจากน้ำตกได้ นั่นหมายความว่าเขาเข้าใกล้กระแสน้ำตกแล้ว
“วืด!” เสียงหนึ่งดังขึ้นฉับพลัน นาทีต่อมามีพลังลึกลับถูกปลดปล่อยจากกระแสน้ำตกที่ไหลลงมา ก่อนจะกลายเป็เจตจำนงหอกไร้ที่สิ้นสุด สะบั้นห้วงอากาศเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิงในชั่วพริบตา ตัดแม้กระทั่งเสื้อผ้าของเขาจนขาดสะบั้น ทั้งยังมีเืไหลอาบ
“เจตจำนงหอกนี้ช่างทรงพลังยิ่งนัก!”
เย่เฟิงตื่นใ จากนั้นก็ปลดปล่อยเจตจำนงหอกออกมาเช่นเดียวกัน เขารู้ว่าแท่นหินลำดับห้าน่าสะพรึงกลัวกว่าที่จินตนาการไว้มาก เพราะเจตจำนงหอกที่จู่โจมมาไม่หยุดยั้งเป็ตัวพิสูจน์อย่างดี
เย่เฟิงไม่รู้ว่าเจตจำนงหอกนี้ทรงพลังกว่าเจตจำนงหอกที่ผสานอยู่ภายในกายของเขามากเท่าไร น้ำตกเทียนเชี้ยนแห่งนี้ลึกลับเกินจะคาดเดา กระแสน้ำของมันยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็พลังที่แตกต่างออกไป และเจตจำนงหอกพวกนี้ที่ปกคลุมร่างเขาก็ถูกสร้างขึ้นจากกระแสน้ำตก
เพราะกระแสน้ำตกมีความสามารถเช่นนี้ จึงมีผู้ฝึกยุทธ์ไม่น้อยที่ตายด้วยพลังของตัวเองระหว่างศึกษาเรียนรู้อยู่บนแท่นหินหยั่งรู้ ดังนั้นเย่เฟิงต้องระวังตัวเป็พิเศษ เคล็ดวิชาหอกเงินประกายพลันโคจรเองในร่างกายเขา พร้อมมีเจตจำนงหอกอันน่าสะพรึงกลัวรายล้อมร่างกายเพื่อต่อต้านเจตจำนงหอกพวกนั้น
เย่เฟิงเดินหน้าไปอย่างยากลำบากขณะอยู่บนพื้นดิน เขายังพบความลึกลับของกระแสน้ำตกอีกด้วย เขารู้ว่าเจตจำนงหอกพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ จำต้องใช้พลังของตนและการเรียนรู้ได้เป็อย่างดี แต่จะเรียนรู้พลังที่มาจากภายนอกอย่างไร? คำถามนี้ไร้ซึ่งคำตอบ
“ไม่นึกว่าหมอนี่จะมีเจตจำนงหอกที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้!” เหล่าผู้คนตื่นใเมื่อได้เห็นเจตจำนงหอกที่เย่เฟิงปล่อยออกมา สามารถต่อกรกับเจตจำนงหอกที่สร้างขึ้นจากกระแสน้ำได้
“ถึงชายผู้นี้จะบ้าบิ่น แต่ก็มีพลังแกร่งกล้า” มีคนหนึ่งกล่าว
เจตจำนงหอกอันน่าหวาดกลัวกัดกร่อนร่างกายของเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง แต่ดวงตาของเย่เฟิงกลับฉายแววแน่วแน่ เขากัดฟันอดทนขณะปลดปล่อยเจตจำนงหอกจนถึงขั้นสูงสุด
หากเรียนรู้ภายใต้กระแสน้ำตกที่แปรเปลี่ยนเป็เจตจำนงหอกที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ เย่เฟิงคงได้รับผลประโยชน์มหาศาลแน่นอน และเจตจำนงหอกจะยกระดับไปอีกขั้น
เย่เฟิงอาศัยจิตใจอันแน่วแน่กัดฟันอย่างอดกลั้นอดทน แต่ยังคงมีความกดดันขวางทางเขาอยู่ รังสีหอกกดทับร่างเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจตจำนงหอกของเขาอ่อนกำลังลงจนแทบมิอาจต่อต้าน ทำให้าแตามร่างกายยิ่งบาดลึกฉีก เสื้อผ้าล้วนเปียกโชกไปด้วยเืสีแดงฉาน
“หมอนี่อยากตายงั้นเหรอ!” หัวใจของผู้คนเต้นโครมคราม พวกเขาไม่เคยเห็นคนบ้าบิ่นอย่างเย่เฟิงมาก่อน เห็นชัด ๆ ว่าทนรับไม่ไหวแล้ว แต่กลับพยายามต่อสู้
“ศิษย์น้องเย่!” เฉิงเฟยและฉู่หานตึงเครียด ความบ้าบิ่นของเย่เฟิงเกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก บ้าบิ่นจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ซึ่งเื่พวกนี้พวกเขาทั้งสองเทียบไม่ติด
“ย๊าก!!!” เย่เฟิงแผดเสียงคำราม เืในกายพลันเดือดพล่าน ศักยภาพที่ไม่เคยเปิดเผยปะทุออกมา
นาทีนี้กระแสน้ำตกราวกับะเิออก เจตจำนงหอกพวกนั้นถูกศักยภาพของเย่เฟิงที่เพิ่งปะทุบีบบังคับให้ถอยร่น
“ตึก!” เขาข้ามผ่านอุปสรรค ในที่สุดเย่เฟิงก็ขึ้นไปเหยียบบนแท่นหินลำดับห้านั่นได้ ทำให้หัวใจของผู้คนต่างสั่นระรัว คาดไม่ถึงว่าชายผู้นี้จะทำในสิ่งที่กุ่ยเตาทำได้ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
ดวงตาคู่นั้นของกุ่ยเตาเบิกโพลงเล็กน้อย ไม่นึกว่าเศษสวะที่อยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 จะไล่ตามเขาทัน
“พลังชีวิตของคนผู้นี้จะเหือดแห้งในไม่ช้าก็เร็ว ข้าอยากเห็นนักว่าเขาจะทนได้สักกี่น้ำ ถ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมาคงต้องตายเป็แน่!” เหล่าผู้ฝึกยุทธ์วิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดปาก
อย่างไรก็ตามสามปีที่ผ่านมา ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีเพียงคนเดียวที่ขึ้นไปยืนบนแท่นหินลำดับห้าที่อยู่สูงที่สุดนั่นได้ ทั้งยังสำเร็จพลังเคล็ดวิชาของตัวเองอีก และตอนนี้คนผู้นั้นก็ยืนอยู่จุดสูงสุดของสำนักยุทธ์ กลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่บนแท่นศิลาเทียนเสวียน
ส่วนชายหนุ่มขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ผู้นี้ ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่มีทางทำสำเร็จอย่างคนผู้นั้นได้แน่นอน!