อิ้งหลีเม้มปากพร้อมกับหลับตาลง หากเป็เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจต่อต้าน การกดขี่ข้างเพียงเดียวนี้ได้
เมื่อเฟิงจิ้งอี้เห็นว่าเขารู้สึกคับข้องใจจึงยิ้มออกมาพร้อมกับกอดเขาเอาไว้แน่น พูดอย่างเคร่งขรึมว่า
“หยุดคิดเื่นั้นเสีย หลังจากที่เ้ารู้สึกเบื่อหน่ายกับการเข้าท้องพระโรงยามนั้นเ้าจะได้เข้าสู่วังหลัง ฮองเฮามีสามภรรยาสี่สนม เจิ้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มันจะทำให้คนทั้งใต้หล้าหัวเราะเสียเปล่า ๆ”
ร่างกายของอิ้งหลีแข็งขึ้นมาในทันที เขาเงยหน้าขึ้นด้วยคิดว่าตนเองคงได้ยินผิดไป “ฮองเฮา?”
เฟิงจิ้งอี้พยักหน้าอย่างจริงจัง
“ในท้องพระโรงเ้าคือท่านราชครู เมื่อเข้าสู่วังหลังเ้าคือฮองเฮา แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้เ้าได้เหมือนกับที่เว่ยซูหานทำให้กับเหยียนชิง แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
อิ้งหลีรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวที่เบ้าตา ริมฝีปากของเขาสั่นระริก แต่กลับไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมาได้ สุดท้ายเขาจึงหลับตาลงโดยไม่พูดอะไร สิ่งนี้แตกต่างไปจากที่เขาคาดไว้โดยสิ้นเชิง
เฟิงจิ้งอี้ไม่ได้ขยายความมากไปกว่านี้ ปล่อยให้คนที่จิตใจกำลังสับสนวุ่นวายค่อย ๆ คิดด้วยตนเอง ในยามที่เขาวางแผนเตรียมรับอิ้งหลีเข้ามาเขาก็ได้คิดเอาไว้แล้ว ในตอนนี้ที่มีหวงฉู่[1]แล้ว เขาก็ควรที่จะได้เป็เซียนตี้เซียนหวง[2] ในภายภาคหน้าเขาจะดูแลเพียงแค่งานที่มีความสำคัญเท่านั้น อยู่ในแคว้นที่ร่มเย็นเป็สุขและทำสิ่งที่ตนเองอยากทำ
เดิมทีเื่อาการป่วยของเขาที่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ไม่ใช่ความลับในพระราชวัง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ค่อยเข้าไปในวังหลัง วังหลังไร้ชีวิตชีวาและเหล่าขุนนางาุโก็ไม่มีผู้ใดกล้าขอให้เขารับคนเพิ่ม มันจึงอยู่ในความสงบมานานหลายปี
ั้แ่มารดาของซีเอ๋อร์และเยี่ยนเอ๋อร์ล่วงลับไป เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับข้อพิพาทที่ไม่จำเป็ เขาจึงไม่ยอมให้นางสนมตั้งครรภ์อีกเลยโดยอ้างว่าตนเองป่วยเกินกว่าจะผลิตทายาทเพิ่มอีกได้ ในตอนนี้จึงเป็การสะดวกต่อตนเอง ไม่มีเหล่านางสนม ส่วนที่ข้องเกี่ยวด้วยก็มีเพียงน้อยนิด เมื่อถึงยามต้องจากลา กับผู้ที่ต้องอยู่ในวังอย่างคับข้องใจมานานหลายปีมันคงจะดีหากปล่อยให้พวกนางได้เป็อิสระ
นี่เป็เพียงแผนการที่ดูเรียบง่าย แต่ไม่ง่ายเลยที่จะทำได้ ก่อนหน้านั้น เขา้าข้ารับใช้ที่สามารถวางกลยุทธ์ได้โดยลำพังเพื่อจัดการเื่วังหลัง ดูแลความสงบในท้องพระโรง และรักษาความปลอดภัยของใต้หล้า
ไม่จำเป็ต้องพูดถึงอิ้งหลีในตอนนี้ ได้กินตัวคนแล้ว เหลือเพียงต้องจู่โจมที่หัวใจ
ภรรยาของเหยียนชิงเป็ตัวเลือกแรกในใจของเขา เป็ผู้ที่มีกลยุทธ์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ เป็นักรบผู้กล้าหาญ เป็ผู้ที่สามารถมอบพู่กันให้เพื่อดูแลบ้านเมือง และเป็ผู้ที่สามารถทำให้แคว้นมั่นคงปลอดภัยได้ เหยียนชิงจะเป็ผู้ที่คอยช่วยเหลือเขา เขาเชื่อในตระกูลเหยียน แม้เว่ยซูหานจะเป็บุตรของขุนนางผู้กระทำความผิด แต่การยกเลิกคำสั่งห้ามก็ยังสามารถกระทำได้ใน่เวลาที่เหมาะสม
เพราะฉะนั้น แผนการที่เขาวางไว้ในตอนนี้เหลือเพียงรอให้ถึงเวลาอันสมควร รอเหยียนชิง รอเว่ยซูหาน เขาอยากมีคนรักอยู่ในอ้อมแขน มีใต้หล้าอยู่ในกำมือ หากการที่ตระกูลเว่ยถูกตัดสินโทษนั้นมีลับลมคมในอยู่จริง เขาจะพลิกมันขึ้นมาพร้อมกับพวกเขา
การจะก่อเื่ราวใหญ่โตนั้น ย่อมต้องสร้างรากฐานที่มั่นคงของตนเอง เื่ที่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บจนหายขาดได้ยังไม่มีการกระจายข่าวออกไป เขาต้องเก็บแรงไว้เพื่อรอให้พวกที่แอบซ่อนรอดูความตายของเขา รอจนพวกมันไม่สามารถข่มอารมณ์เอาไว้ได้อีก
เมื่อคิดถึงงานใหญ่ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้ เฟิงจิ้งอี้เผลอบีบมืออิ้งหลีแน่นขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ตัว จนกระทั่งอิ้งหลีร้องออกมาอย่างอึดอัดจึงกลับมามีสติอีกครั้ง
เมื่อมองไปยังคนที่ขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เขาก็พูดออกมาเบา ๆ ว่า “พรุ่งนี้เ้าไม่ต้องมาเข้าร่วมการว่าราชกิจแล้ว พักผ่อนสักสองสามวัน ดีหรือไม่?”
“...อืม”
อิ้งหลีตอบด้วยน้ำเสียงแ่เบา ลืมตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่งแล้วหลับตาลงอีกครั้ง เขาทั้งหงุดหงิดและสับสน ปล่อยให้เขาอยู่อย่างสงบลงสักสองสามวันก็ดี
กลับมาถึงจวน หงเย่าที่ยืนงัวเงียอยู่นอกประตูมองดูรถม้าที่คุ้นเคย อดไม่ได้ที่จะร้องเรียกเสียงดัง คิดว่าอยากจะบ่นสักสองสามคำ แต่เมื่อเห็นผู้ที่อุ้มอิ้งหลีลงมาจากรถม้าแล้วก็ต้องเงียบเสียงลงทันที
นางย่ำเท้าท่ามกลางความมืดเดินตามหลังไป “ตี้... ตี้...”
“ไม่ต้องพิธีรีตอง นำทางไป”
เฟิงจิ้งอี้ไม่สนใจนางที่พูดตะกุกตะกัก อุ้มคนที่กำลังหลับตาอยู่เข้าไปด้านใน
“เพคะ...”
หงเย่าเหลือบมองอิ้งหลีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก่อนจะนำทางไป ปล่อยให้ตี้จวินอุ้มกลับมา หัวใจของคุณชายช่างยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว
หลังจากเข้าประตูมา เฟิงจิ้งอี้วางคนบนเตียง หลังจากถอดรองเท้าและถุงเท้าให้แล้ว เขาก็ค่อยๆ ดึงผ้าห่มอย่างระมัดระวัง พร้อมกับหันไปทางสาวน้อยที่ตาเบิกกว้างแล้วออกคำสั่ง
“ไปทำซุปสร่างเมามาสักถ้วย”
“เอ่อ เพ... เพคะ...”
หงเย่าพยักหน้าอย่างงง ๆ นางไม่กล้าถามมากจึงรีบถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว อิ้งหลีผู้ที่ไม่ได้หลับเมื่อประตูปิดลงจึงลืมตาขึ้นมา อาการเมาเหล้าของเขาล้วนสร่างแล้ว จะ้าน้ำแกงสร่างเมาได้อย่างไร สุดท้ายแล้วชายผู้นี้้าทำสิ่งใด...
เฟิงจิ้งอี้เอนตัวลงกอดอีกคนเอาไว้
“พักผ่อนให้เต็มที่ อย่าคิดมาก ข้าจะเปลี่ยนชุดให้เ้า...”
อิ้งหลีจับมือของเขาแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ไม่ต้องแล้ว ตี้จวินควรรีบกลับวัง”
เฟิงจิ้งอี้กดจูบลงบนติ่งหูของเขาขบเม้มริมฝีปากและฟันลงไป “เรียกชื่อข้าสิแล้วข้าจะไป”
“…”
อิ้งหลีไม่ยอมเรียก เฟิงจิ้งอี้จึงกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย หลังจากหยุดนิ่งอยู่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกประตู อิ้งหลีจึงจำต้องยอมประนีประนอม
“อี้...”
เฟิงจิ้งอี้ถึงได้ยอมปล่อยคนให้เป็อิสระ เมื่อหงเย่าผลักประตูเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินออกไป
“ดูแลคุณชายของเ้าให้ดี”
อิ้งหลีซึ่งนอนอยู่บนเตียงหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาสั่งหงเย่าแล้วหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ หลังจากที่หงเย่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงแ่เบาแล้วก็มีเสียงปิดประตูลง
“คุณ... คุณชาย ท่านสบายดีไหมเ้าคะ?”
หงเย่าวางน้ำแกงสร่างเมาแล้วเดินไปข้างเตียงพร้อมกับถามด้วยความเป็ห่วง ใบหน้าของอิ้งหลีแดงก่ำ
อิ้งหลีเอามือวางบนหน้าผาก เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ไม่เป็ไร น้ำแกงสร่างเมาข้าจะไปดื่มเอง เ้าไปเถอะ ดึกมากแล้วจงรีบไปพักผ่อน พรุ่งนี้ข้าไม่ต้องไปเข้าร่วมการว่าราชกิจ อาหารเช้าไม่ต้องจัดเช้ามากนัก”
“แต่ว่า...”
หงเย่าลังเลเล็กน้อย เมื่อครู่ตี้จวินออกรับสั่งให้นางดูแลให้ดี
อิ้งหลีโบกมือ “ข้าไม่เป็ไร ออกไปเถอะ”
“เอ่อ เช่นนั้นหงเย่าขอลา”
เมื่อหงเย่าเห็นเขายืนกราน จึงโน้มตัวลงแล้วกลับออกไป
รอบข้างเงียบลงแล้ว แต่หัวใจของอิ้งหลียังคงยุ่งเหยิง เหลือบมองน้ำแกงสร่างเมาที่อยู่บนโต๊ะอย่างไม่คิดที่จะดื่มมัน ปลดม่านคลุมเตียงก่อนเปลี่ยนชุดด้วยมือที่สั่นเทา เปลี่ยนชุดที่เจือปนไปด้วยลมหายใจของเฟิงจิ้งอี้ออก
ความร้อนบนผิวยังไม่ลดลงเลย ััได้ถึงแขนขาที่ยังชาอยู่ ภาพเหลวไหลแสนน่าเกลียดยังติดอยู่ในใจ โดยเฉพาะการแสดงออกทางอารมณ์ของชายผู้นั้นและอาการหอบเล็กน้อยเมื่อกดทับเขา มันทำให้เขารู้สึกละอายใจ เพียงแค่คิดก็ทำให้แขนขาอ่อนแรง หน้าให้ท้องส่วนล่างลงไปสามฉุน[3] ยังกระตุกเล็กน้อย จุดที่ถูกทำเกินเลยรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างไร้ยางอาย
“เฟิงจิ้งอี้... คนสารเลว!”
อิ้งหลีคว้าหมอนแล้วทุบตีสองสามครั้งด้วยความอับอาย เ้าแผ่นดินผู้สง่างามใช้วิธีการที่ไม่เป็ที่นิยมเช่นนี้ ครั้นเสร็จแล้วยังจะกล่าวคำพูดที่รบกวนจิตใจของเขาอีก ใช้สถานะที่สูงส่งของตนมารังแกผู้อื่น เป็เพราะรู้ว่าเขาไม่อาจต้านทานได้หรือเป็เพราะคิดว่าเขาชอบตนเองเช่นกันกันแน่?
เหนื่อยกับการพลิกไปพลิกมาบนเตียงจนเช้าตรู่ ท้ายที่สุดอิ้งหลีก็ยังไม่พบเบาะแสใด ๆ เกี่ยวกับเื่เลยเถิดในค่ำคืนที่ผ่านมา เขาผล็อยหลับไปทั้งที่คิ้วยังคงขมวดแน่น
การนอนในครั้งนี้ เขาหลับยาวจนถึง่บ่ายวันถัดไป หงเย่าที่กังวลอยู่นานในที่สุดจึงผ่อนคลายลง หลังจากดูแลให้เขาได้ทานอาหารเบา ๆ แล้วนางจึงนำจดหมายจากเหยียนชิงออกมา
เห็นจดหมายจากตระกูล อารมณ์หดหู่ของอิ้งหลีก็ดีขึ้นมาก เพียงแต่เขารู้สึกสับสนเล็กน้อยกับจดหมายของเหยียนชิงที่แสดงความคิดเห็นอย่างมั่นใจต่อการขึ้นรับตำแหน่งเซ่อเจิ้งอ๋องแห่งแคว้นเทียนซูของเฟิงฉางหลิน ตี้จวินเพียงแค่มีความ้าที่จะแต่งตั้งให้องค์ชายใหญ่รับตำแหน่งเซ่อเจิ้งอ๋อง และไม่เคยตรัสว่าจะให้เขาจะให้เขาขึ้นเป็อ๋อง ชิงเอ๋อร์ที่จัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเด็ดขาดเสมอมา เหตุใดเพียงแค่ได้รับฟังข่าวลือที่ไม่น่าเชื่อถือแล้วถึงได้ยืนยันเช่นนี้กันนะ?
องค์รัชทายาทยังเยาว์วัยเกินไป การที่ตี้จวินจะทรงแต่งตั้งเซ่อเจิ้งอ๋องเป็สิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง มันจะเป็การผลักดันองค์รัชทายาทและองค์ชายใหญ่ให้เข้าสู่จุดสูงสุดของพายุพร้อม ๆ กัน
หากจะยืนยันเื่นี้ได้คงต้องขอให้ตี้จวินตรัสออกมาเพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ควรอยู่กับเฟิงจิ้งอี้เพียงลำพัง...
เชิงอรรถ
[1] หวงฉู่ (皇储) คือชื่อเรียกยศของทายาทที่จะสืบราชบัลลังก์ที่ได้รับการสถาปนาแล้ว หรือคำเรียกในไทยก็คือ ว่ามกุฎราชกุมาร
[2] เซียนตี้เซียนหวง (先帝先皇) แปลว่าอดีตฮ่องเต้ โดยเซียนตี้จะหมายถึงอดีตฮ่องเต้ที่ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ส่วนเซียนหวงคืออดีตฮ่องเต้ที่ยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่
[3] ฉุน (寸) แปลว่า นิ้ว(หน่วยวัด)
