“แน่นอนว่าข้า้าเข้าร่วมแล้วท่านล่ะ?” จื่อต้าหลงตอบอย่างตื่นเต้น
“ข้าเองก็คิดที่จะเข้าร่วมเช่นกัน…” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวด้วยสุ้มเสียงไพเราะ ทำให้จื่่อต้าหลงเคลิบเคลิ้มเข้าไปอีก
“งานประลองครั้งนี้ดูท่าจะคึกคักและเต็มไปด้วยยอดฝีมืออย่างแน่นอน” จื่อต้าหลงกล่าวด้วยแววตามุ่งมั่น เขาก็อยากรู้เช่นกันหากเอาจริงแล้วเขาจะติดร้อยอันดับแรกหรือไม่? ช่างน่าสนุกยิ่งนัก
หลังจากที่ได้ประมือกับเฉิงไฉเซียวและลวี่เหรินแทบทุกวันทำให้เขาชื่นชอบการประลองขึ้นมาแล้ว
จื่อต้าหลงยกน้ำเต้าสุราขึ้นมาดื่ม หลิวสุ่ยเยว่จ้องไปที่น้ำเต้าด้วยดวงตากลมโต
“ให้ข้าดื่มด้วยสักนิดจะได้หรือไม่?” จู่ๆหญิงสาวก็กล่าวขึ้นมาหน้าตาเฉย
“หาา! ท่านอยากดื่มด้วยงั้นหรือ?” จื่อต้าหลงถามอย่างประหลาดใจ
หลิวสุ่ยเยว่พยักหน้าหงึกๆ เป็สัญญาณว่าอยากจะลองดื่มดูสักครั้ง
“แล้วบิดาท่านจะไม่ว่ารึ?” จื่อต้าหลงถาม
“ท่านพ่อบอกข้าว่าโตแล้วอยากทำอะไรก็ทำได้” หลิวสุ่ยเยว่ตอบอย่างไร้เดียงสา นางสงสัยว่าอาการเมานั้นเป็เช่นไร
“ถ้างั้นดีเลย เอ้า… นี่น้ำเต้าสุรา ข้าพกมาสองขวดยกให้ท่านหนึ่งขวด” จื่อต้าหลงยกขวดสุราให้นางอย่างใจกว้าง เขาเองก็อยากเห็น จิ้งจอกน้อยเมามายเช่นกัน
หลังจากได้น้ำเต้าสุรามา หลิวสุ่ยเยว่ก็ยกน้ำเต้าแล้วซดลงคอไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วท้อง จื่อต้าหลงที่เห็นนางกระดกคำโตก็ถึงกับใ นางช่างกล้้าหาญยิ่งนัก เทียบกับตัวเขาเองที่ตอนแรกได้แต่นั่งจิบทำเอาขายหน้าเลยทีเดียว
“เป็อย่างไรบ้าง แม่นางหลิว” จื่อต้าหลงถามเสียงค่อย
“ไม่อร่อย…” หญิงสาวตอบตามตรง นางไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนต้องดื่มอะไรที่มันไม่อร่อยอย่างนี้ด้วย? ไม่ทราบว่ามันดีตรงไหน?
ถึงจะยังสงสัย ทว่านางกลับไม่หยุดดื่ม
“แม่นางหลิว ท่านช่างห้าวหาญยิ่งนัก ข้าได้แต่นับถือแล้ว” จื่อต้าหลงกล่าวยิ้มๆ เขาเองก็ยกเต้าสุราขึ้นมาดื่มเช่นกัน
หลังจากที่ทั้งสองดื่มไปพลางชมจันทร์ไปด้วยนั้น เวลาได้ไหลผ่านอย่างช้าๆ จู่ๆหลิวสุ่ยเยว่ก็กล่าวขึ้นมา “มีอีกหรือไม่?”
นางในตอนนี้รู้สึกว่าโลกมันหมุนๆ สติเริ่มเลือนหาย…
“ห้าา?! ท่านดื่มหมดแล้วงั้นหรือ?!” จื่อต้าหลงตกตะลึงดวงตาเบิกโตโพล่งถามอย่างโง่งม ดูเหมือนสตรีนางนี้จะกินแต่คำใหญ่ สุราถึงได้หมดเร็วเช่นนี้…
หลิวสุ่ยเยว่ผงกศรีษะช้าๆ ประมาณว่ายังไหวอยากขอเพิ่ม!
“ตอนนี้เหลือแค่ของข้าเกือบครึ่งขวด ท่านอยากดื่มมันหรือไม่?” จื่อต้าหลงถาม
“ข้า… ดื่ม…” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวด้วยสุ้มเสียงไพเราะ รอยยิ้มของนางอ่อนหวานเป็อย่างมาก สายตาของนางจดจ้องมาที่เด็กหนุ่มอย่างไร้เดียงสา นี่เล่นเอาจื่อต้าหลงถึงกับสร่างเมาไปเลยทีเดียว ภายในใจร่ำร้องว่า จิ้งจอกน้อยแสนสวยช่างงดงามยิ่งนัก
จื่อต้าหลงยื่นขวดน้ำเต้าให้นางอย่างว่าง่าย หญิงสาวรับมันมาอย่างฉับไวจากนั้นจึงกระดกลงคอทันที โดยไม่สนใจว่าน้ำเต้าสุราขวดนี้จื่อต้าหลงเคยดื่มมาก่อนแล้ว แบบนี้เรียกจูบทางอ้อมหรือไม่?
พอคิดได้เช่นนั้นจื่อต้าหลงก็รู้สึกวาบๆหวิวๆ ใจสั่นๆระรัวราวกลองศึก ไม่ทราบว่าตนเองเป็อะไร
หลิวสุ่ยเยว่คิดว่านี่หรือคือการร่ำสุรา? ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
“แม่นางหลิวหากท่านโคจรพลังปราณ เดี๋ยวก็สร่างเมาเองนะ” จื่อต้าหลงเตือนด้วยความเป็ห่วง กลัวว่าพ่อของนางจะมาเล่นงานเขา ข้อหาทำให้ลูกสาวเขาเสียคน!!
หลังจากที่หลิวสุ่ยเยว่สร่างเมาแล้ว จื่อต้าหลงก็ขอตัวกลับเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว
“แม่นางหลิวข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน” จื่อต้าหลงกล่าว
“เรียกข้าว่าสุ่ยเยว่ก็พอ” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวอย่างอ่อนโยน
“ได้สิ… ท่านเองก็กลับเสียเถิดสุ่ยเยว่…” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมโบกมือลา หลิวสุ่ยเยว่เองก็โบกมือให้เด็กหนุ่มด้วยท่าทางงดงามเช่นกัน
นี่… ทำให้จื่อต้าหลงอดอมยิ้มหน้าบานขึ้นมาไม่ได้ หญิงงามล่มเมืองนางนี้นิสัยดีมากจริงๆ ไม่ได้เ็าอย่างแรกเห็นเลยแม้แต่น้อย
เช้าวันถัดมา จื่อต้าหลงก็ท้าประลองศิษย์หลักอันดับหก เฟยจิน การประลองครั้งนี้เขาปรับพลังให้อยู่ในขั้นลมปราณก่อเกิดขั้นที่สิบ เท่ากันกับเฟยเจิน ในสำนักผู้ที่ทราบว่าจื่อต้าหลงเข้าสู่ปราณจิตแล้ว มีเพียง เฉิงไฉเซียว และลวี่เหรินเท่านั้น
ทั้งสองนัดประลองกันยามบ่าย ที่เวทีประลองศิษย์หลัก ซึ่งจะมีเหล่าศิษย์ในสำนักมารอชมมากมาย เฉิงไฉเซียวกับลวี่เหรินเองก็เข้าชมการประลองด้วยเช่นกัน
เมื่อถึงยามบ่าย ณ เวทีประลอง
“พวกเ้าคิดว่าใครจะชนะในรอบนี้” ศิษย์ในสำนักคนนึงกล่าวขึ้นมา
“ศิษย์พี่เฟยจินเองก็อยู่ในระดับสูงใกล้จะบรรลุปราณจิตมานานแล้ว ส่วนนายน้อยจื่อเองก็บรรลุขั้นสิบแล้วเช่นกัน ข้าว่าคู่นี้… เป็ศิษย์พี่เฟยจินที่มีโอกาสชนะมากกว่าเพราะว่าประสบการณ์ของเขาน่าจะเหนือกว่านายน้อยจื่อ” ศิษย์อีกคนเอ่ยวิเคราะห์
“นั่นสิข้ายังไม่เคยเห็นนายน้อยจื่อมาฝึกฝนที่ลานประลองกับผู้ใดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ข้าได้ยินมาว่าเขาชอบเที่ยวเตร่มากกว่า”
เฉิงไฉเซียวกับลวี่เหวินที่กำลังนั่งฟังอยู่ข้างๆถึงกับแสยะยิ้มมุมปากด้วยกันทั้งคู่
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าว่าพวกเ้าเดาผิดแล้ว ต้องเป็นายน้อยจื่อสิที่จะชนะ” เฉิงไฉเซียวเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางศิษย์ที่มารอรับชมการประลอง
“เป็ศิษย์พี่เฉิงกับศิษย์พี่ลวี่นี่เอง” ศิษย์คนนึงกล่าว
“แต่ไม่ว่ายังไงพวกข้าก็ยังไม่เชื่อว่านายน้อยจื่อจะชนะได้” ศิษย์อีกคนที่อยู่ข้างกันกล่าวขึ้น
“งั้นพวกเรามาพนันกันมั้ย?” เฉิงไฉเซียวนั้นชอบการพนันอยู่แล้ว ในคราแรกที่เจอกับจื่อต้าหลง เขาเองก็ท้าพนันเช่นนี้แหละ
“คนละร้อยตำลึง ข้ารับหมดทุกคนหรือใครอยากเดิมพันมากกว่าร้อยตำลึงก็ย่อมได้ จัดมาข้าไม่เกี่ยง ฮ่าๆๆ” เฉิงไฉเซียวกล่าวท้าทาย
“ดีล่ะงั้นข้าขอลงพนันที่ศิษย์พี่เฟยเจิน”
“ข้าด้วย” เหล่าศิษย์ต่างแทงข้างเฟยจินนับรวมได้สามสิบกว่าคน
ภายในใจเฉิงไฉเซียวร่ำร้องว่า ‘สามพันตำลึงโว้ยยย! ข้ารวยแล้ว! ที่ข้าจะได้มานี่มันมากพอที่ข้าจะอยู่ได้เป็เดือนเลย’ เขายิ้มย่องในใจ ลวี่เหรินที่เห็นสหายแอบเอาเปรียบชาวบ้านก็อดส่ายหัวไม่ได้
ด้านเวทีประลอง
เฟยจินนั้นมาก่อนเวลาอยู่ครู่ใหญ่แล้วเขายืนหลับตาอย่างสงบนิ่งอยู่บนเวทีประลอง… เวลาผ่านไปได้ไม่นาน จื่อต้าหลงก็ปรากฎตัวขึ้น เขามาถึงที่หมายแล้ว จื่อต้าหลงทะยานร่างขึ้นไปบนเวทีประลองอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษที่ทำให้ท่านรอคอย” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม
เฟยจินลืมตาขึ้นมาพร้อมถามอย่างเย็นเยือก “เริ่มเลยหรือไม่?”
“แน่นอน เริ่มได้เลย” จื่อต้าหลงกล่าว
หลังจากที่ทั้งสองดูท่าที ดูเชิงกันอยู่ครู่หนึ่ง เป็เฟยเจินที่ทะยานร่างเข้ามาพร้อมเสียดแทงกระบี่มาทางจื่อต้าหลง
จื่อต้าหลงโยกตัวหลบพร้อมปล่อยฝ่ามือไปที่เฟยจิน เฟยเจินเองก็พลิกกระบี่กลับมาต้านรับ เขาโดนฝ่ามือกระแทกถอยไป สามก้าวจากนั้นจึงใช้วิชากระบี่ทองคำฟาดฟันปลดปล่อยพลังปราณมาที่จื่อต้าหลง จื่อต้าหลงหลบได้อย่างเฉียดฉิว กระบวนท่านี้กินบริเวณด้านหน้าไปกว่าสองเมตร จื่อต้าหลงเองก็ไม่ประมาท พยายามประมือเพื่อต่อกรกับเฟยจินอย่างใจเย็น เฟยจินเองก็นับเป็ยอดฝีมือคนนึง เขาเองก็ผ่านการประลองมานับไม่ถ้วน ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับ ยังไม่มีท่าทีว่าฝ่ายไหนจะเพลี่ยงพล้ำ
คนดูต่างส่งเสียงเชียร์ เหล่าศิษย์ชายต่างะโ ศิษย์พี่เฟยเจินสู้ๆ ส่วนศิษย์ฝ่ายหญิงต่างะโให้กำลังใจนายน้อยจื่อ คุณชายจื่อสู้ๆกันทั้งนั้น นั่นเป็เพราะจื่อต้าหลงนั้นมีหน้าตาหล่อเหลา ท่าทางองอาจ ด้วยการที่สามารถประมือกับเฟยจินโดยใช้เพียงมือเปล่าได้อย่างสูสีทำให้เขาดูเท่มากในสายตาหญิงสาว
บนเวที พวกเขาประมือกันไปแล้วกว่าร้อยกระบวนท่าก็ยังมิอาจตัดสินผลได้ ช่างเป็การต่อสู้ที่ยืดเยื้อมาก เพลงกระบี่ของเฟยจินนั้น ไม่อาจถูกแม้แต่ชายเสื้อของจื่อต้าหลงได้เลย แต่เฟยจินนั้นกลับโดนฝ่ามือที่รวดเร็วของจื่อต้าหลงฟาดเป็ระยะๆ เขาทั้งใช้กระบี่ ทั้งใช้แขนรับฝ่ามือของจื่อต้าหลง ความทรหดทนทานก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ
จื่อต้าหลงคิดว่าหากประมือต่อไปอีกสักพักเฟยจินจะต้องหมดแรงก่อนเขาแน่นอน……
