ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความใก่อนจะรีบก้มหน้าลงไปมองที่กลางหว่างขาของตัวเอง ตอนที่หลับตาอยู่ร่างสูงรู้สึกได้ถึงฝ่ามือเรียวที่ััลงมาบนท่อนเอ็นของเขา และภาพตรงหน้าก็คือหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าประสาทััของเขานั้นทำงานได้ดีแค่ไหน ปลื้มกลืนน้ำลายลงคอช้าๆจนลูกกระเดือกสวยขยับขึ้นลงอย่างเซ็กซี่
ร่างบางที่กายเปลือยเปล่าเพราะกางเกงชั้นในถูกถอดออกไปกองไว้บนพื้นรวมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่น ใช้สองมือบางโอบประคองรอบแท่งเนื้อร้อนเอาไว้อย่างสั่นเทา แทนขยับมือทั้งสองข้างขึ้นไปจนถึงส่วนหัวที่เริ่มบานออกทำเอาร่างสูงต้องกัดฟันแน่นเพราะความเสียวที่ก่อตัวขึ้นก่อนมือบางจะรูดต่ำลงจนผิวเนื้อที่ห่อหุ้มแท่งร้อนอยู่ย่นตามมือลงมา
“ซี๊ดด”
อัลฟ่ากลิ่นสนไม่อาจข่มกลั้นเสียงครางของตนไว้ได้อีกต่อไป คนที่คุกเข่าอยู่ก้มหน้าลงไปกดจูบลงบริเวณส่วนปลายหัวหยักสีแดงของแท่งร้อนในมือ ดวงตากลมจับจ้องไปยังแก่นกายใหญ่ที่เริ่มสั่นสู้กับฝ่ามือของเขา ไล่มองไปยังเส้นเืที่ปูดนูนจากส่วนโคนขึ้นมาตามความยาวของมัน ก่อนจะแอบลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความประหม่า
จมูกโด่งรั้นสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้กับตัวเอง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยนอนกับโอเมก้ามาหลายคนและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้มือเพื่อช่วยชักรูดให้คนอื่นสำเร็จความใคร่ แต่นี่จะเป็ครั้งแรกที่เขาจะใช้ปากของตัวเองเพื่อทำมัน ฝ่ามือบางจับแท่งเอ็นอันใหญ่ไว้ในมือไว้มั่น ริมฝีปากปากอิ่มอ้าออกกว้างก่อนจะครอบลงไปยังส่วนปลายของแท่งร้อนนั้น
“ซี๊ดดดด” ปลื้มแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภาพตรงหน้าของเขามันเป็เื่ที่เกิดขึ้นจริงๆ “กะจะเอาให้กูหลงจนโง่หัวไม่ขึ้นเลยหรือไง”
แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้วจะทำให้หลงไปถึงไหนกันวะ
“...”
“อ๊ะ” ฝ่ามือหนากำเข้าหากันแน่นเพราะในจังหวะที่เ้าของกลิ่นฝนผงกหัวขึ้นจากแท่งร้อนนั้นฟันขาวของร่างบางขูดเข้ากับท่อนเอ็นของเขาพอดี มันทั้งเจ็บและเสียวซ่านในเวลาเดียวกันจนเขาแทบจะคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่อยากจะจับศีรษะบางค้างเอาไว้แล้วสวนสะโพกใส่แรงๆ
“อึก...อ่อก...”
“ซี๊ดดดดด”
“แค่กๆ” ร่างบางโก่งตัวไอสำลักจนหน้าใบหน้าแดงก่ำดวงตากลมโตเอ่อคลอขึ้นด้วยน้ำใสๆโดยรอบ ก่อนมันจะไหลหยดออกมาจากหางตาสวยในยามที่เขาโก่งคอขึ้นเพื่อรับเอาแท่งร้อนของอัลฟ่าที่แกร่งกว่าเข้าไปด้านในมากขึ้น จนส่วนปลายของมันกระแทกเข้ากับคอหอย เมื่อรู้ตัวว่าไม่อาจฝืนรับมันเข้าไปได้ทั้งหมดแทนจึงถอนริมฝีปากออกมาขยับปากขึ้นลงอย่างไม่รีบร้อนและค่อยๆเพิ่มความลึกขึ้นอย่างค่อยเป็ค่อยไป ส่วน่โคนที่ปูดนูนไปด้วยเส้นเืเขาไม่สามารถที่จะรับมันเข้าไปได้มือบางจึงกำรอบมันเอาไว้แล้วออกแรงนวดคลึงให้เขากับจังหวะการขยับศีรษะขึ้นลงของตนเอง
ดวงตากลมเหลือบขึ้นมองสีหน้าที่ดูเสียวซ่านของคนที่นั่งอยู่ ใบหน้าหล่อเหล่าเริ่มมีสีแดงระเรื่อจางๆปรากฏขึ้นมาบนหน้าแก้ม เขาจึงตัดสินใจผละริมฝีปากออกมาจากแท่งร้อน ร่างบางจับจ้องไปยังแก่นกายร้อนที่ถูกอาบเคลือบไว้ด้วยน้ำลายของเขาก่อนจะใช้เรียวลิ้นเล็กที่แลบออกมาแตะลงบนส่วนหัวหยักแดงก่ำของอีกคน ลากต่ำลงไปจนถึง่โคนแล้วจึงค่อยๆลากกลับขึ้นมาที่ส่วนยอดอีกครั้งโดยที่ดวงตากลมยังคงเอาแต่จับจ้องไปยังใบหน้าของร่างสูงอย่างนั้นไม่ได้ละสายตาออกไปไหน
ทางด้านร่างสูงเองก็จ้องกลับมาเช่นกัน ปลายนิ้วโป้งหนาถูกเ้าของส่งไปเกลี่ยลงเบาๆบริเวณหางตาที่ยังมีของเหลวใสเอ่อคลออยู่ ก่อนจะเลื่อนลงไปลูบวนริมฝีปากอิ่มที่บวมเจ่อย้ำๆอยู่สองสามทีแล้วค่อยปาดน้ำลายที่ล้นออกมาเลอะมุมปากออกให้
อัลฟ่าหนุ่มทั้งสองคนสบตากันท่ามกลางความเงียบ ภายในห้องกว้างไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นมาเลยนอกจากเสียงของเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ ก่อนที่ร่างบางจะเป็ฝ่ายขยับใบหน้าเอียงหน้าซบเข้าหามือหนาที่ยังแตะอยู่บนใบหน้าของตัวเอง ปากอิ่มแดงอ้าออกแล้วใช้ฟันขาวงับเอาปลายนิ้วโป้งของอีกคนเข้าไปในปาก
ปลื้มหลุดยิ้มชอบใจออกมาก้อนเนื้อในอกแกร่งเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาเพราะถูกความรู้สึกตื่นเต้นโจมตีเข้าอย่างจัง เขากดปลายนิ้วหนาคลึงไปมาบนเรียวลิ้นเล็กที่ตวัดสู้นิ้วของเขาอยู่ภายใน เขาปล่อยให้ลิ้นเรียวเกี่ยวพันกับนิ้วของเขาอยู่อย่างนั้นก่อนจะเป็ฝ่ายที่ถอนนิ้วออกมา มือหนาจับเข้าที่แท่งร้อนของตัวเองเขาแกล้งแตะมันลงเบาๆบนริมฝีปากปากสีแดงระเรื่อที่เคลือบไปด้วยน้ำลายอยู่สองสามทีด้วยใบหน้าทะเล้น
แทนกดจูบหนักๆลงไปบนส่วนปลายที่เริ่มมีน้ำสีขาวหนืดซึมออกมา ก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้น ขาเรียวคร่อมทับหน้าขาของอีกคนเอาไว้ แขนเรียวยาวข้างหนึ่งเกี่ยวเข้าที่ลำคอหนาเพื่อยึดเป็หลัก ส่วนอีกข้างจับเข้าที่แท่งเอ็นร้อนให้มันตั้งตรงแล้วจึงค่อยๆทิ้งตัวนั่งทับลงไป
เปลือกตาบางปิดแน่นยามที่ส่วนหัวแทรกผ่านความคับแน่นเข้ามาในร่างกายของเขา ปรรณกรจำเป็ต้องหยุดพักทุกอย่างเอาไว้เพื่อควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองให้ผ่อนคลายลงมากกว่าเดิม ก่อนจะกลั้นใจทิ้งตัวนั่งลงไปทีเดียวจนมันเข้ามาสุดลำ ปากอิ่มอ้าค้างเหมือนอยากจะร้องครางแต่ไร้เสียง
“โคตรลึกเลยว่ะ” ปลื้มเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มหลังจากได้รู้ว่าท่านี้มันทำให้ตัวตนของเขาเข้าไปได้ลึกมากกว่าท่าที่เคยทำกันที่บ้านของแทน “รู้สึกเหมือนจะแทงทะลุท้องเลยมั้ย” ไม่ถามเปล่ามือหนายังบีบลงที่เอวบางพร้อมกับออกแรงกดตัวของแทนให้แนบไปกับหน้าขาของเขามากขึ้น
“อ๊ะ” จนแทนไม่อาจกลั้นน้ำตาที่เกิดจากความเสียวซ่านไว้ได้อีกต่อไป
ลำแขนหนาโอบรัดร่างกายของคน้าเอาไว้พร้อมกับลูบแผ่นหลังเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกกระสันที่เพิ่มมากขึ้นของคนบนตักให้ลดลง แทนปิดเปลือกตาลง เขารู้สึกอึดอัดและคับแน่นที่ช่องทางด้านหลังไปหมด จมูกรั้นผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆก่อนเอวบางจะเริ่มร่อนไปมาในจังหวะเนินนาบ
น่าอายชะมัดนี่เป็ครั้งแรกเลยที่เขาต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้
“เอวพลิ้วเชียวนะ” เสียงทุ้มที่เอ่ยกระซิบชิดใบหนูยิ่งทำให้อัลฟ่าหนุ่มตัวแดงมากขึ้นกว่าเดิม
พอโยกเอวไปได้สักพักแทนก็เริ่มรู้สึกคุ้นชินกับความใหญ่โตที่อยู่ด้านในมากขึ้น ขาเรียวจึงยกขึ้นจากพื้นมาวางลงบนเบาะนุ่มของโซฟา ร่างบางยันตัวเองขึ้นจนเกือบสุดความยาวของท่อนลำหนาก่อนจะทิ้งตัวลงไปแล้วดันตัวขึ้นใหม่อยู่อย่างนั้นด้วยความเร็วที่ไม่มีมากนัก
ปลื้มคล้ายอ้อมแขนออกไปแล้วตอนนี้แท่งเอ็นของเขามันปวดตุบไปหมด ใบหน้าหล่อเงยขึ้นเอนหลังพิงไปกับพนักพิงของโซฟาปล่อยให้คนบนตักเป็คนจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง มีบ้างที่ส่งมือหนาไปช่วยประคองเอวไว้สลับกับชักรูดแก่นกายที่เด้งขึ้นลงฟาดไปมาอยู่บนกล้ามหน้าท้องของเขา
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า”
พั่บ พั่บ พั่บ
“ฮืม”
จากจังหวะที่เชื่องช้าก็เริ่มกลายเป็จังหวะที่เร็วและเร่าร้อนขึ้นเพราะไฟราคะที่ถูกพัดโชนขึ้นมาเรื่อยๆ มือหนาจับที่เอวบางเอาไว้มั่นก่อนจะเป็ฝ่ายกดตัวของอีกคนให้ขึ้นลงตามความ้าของตัวเอง อัลฟ่ากลิ่นฝนที่ถูกยึดเอวคุมเกมแทนก็ได้แต่ขยับตัวขึ้นลงตามแรงที่อีกคน้าจนหัวโยกไปมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
เร่งจังหวะไปได้สักพักแก่นกายแดงก่ำก็พ้นพิษรักออกมาอีกรอบ ปลื้มเองก็ออกแรงรั้งเอวบางเข้าหาสะโพกสอบเป็ครั้งสุดท้ายกดแช่เอาไว้ก่อนจะฉีดพ่นน้ำรักข้นหนืดเข้าไปด้านในตัวอีกคนมากมายไม่รู้จักหมด เป็เพราะั้แ่วันนั้นก็ไม่ได้ทำกันอีกเลย ตัวปลื้มเองก็มัวแต่เคร่งเครียดกับหนังสือจนไม่มีเวลามาโฟกัสเื่นี้ขนาดช่วยตัวเองยังไม่เคยสักครั้ง ในวันนี้แทนจึงโชคร้ายนิดหน่อยที่ต้องรองรับอารมณ์ความอยากของอัลฟ่าที่สั่งสมมาทั้งหมดไป
สวบ สวบ สวบ
“อ๊ะ ขะ...ขอพัก อื้อ” ปากอิ่มที่กำลังเอ่ยคำร้องขอในการหยุดพักถูกปิดทับด้วยริมฝีปากหยักและลิ้นร้อน
ยังไม่ทันที่แท่งร้อนในตัวอีกคนจะคลายพาออกมาหมดเอวบางก็ถูกยกขึ้นอีกครั้ง น้ำสีขาวขุ่นคาวไหลย้อนออกมาจากปากทางรักหยดลงบนเบาะโซฟาและหน้าตักแกร่งแต่อีกคนก็หาได้สนใจไม่
คืนนั้นทั้งคืนแทนถูกรังแกครั้งแล้วครั้งเล่าบนตักของคนที่เจ็บขาจนแทบหมดแรงสลบหลับคาตักของอีกคนปลื้มถึงได้หยุดทุกอย่างลง
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นในบ้านสองชั้นสีขาวเนื่องจากประชากรเกือบสิบคนที่อยู่ภายในบ้านกำลังแย่งกันพูดคุยในสิ่งที่ตนอยากจะพูด แทนมองทุกคนด้วยสายตาเรียบนิ่งในใจนึกอยากจะะโออกไปว่าพวกมึงจับบัตรคิวกันพูดมั้ย กูไม่รู้ว่าจะต้องฟังใครพูดก่อนแล้วเนี่ย
โดยความวุ่นวายทั้งหมดมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นจากในค่ำคืนนี้จะมีฟุตบอลแมตช์สำคัญหรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อศึกวันแดงเดือด เพื่อนในกลุ่มเลยชวนกันมาดูบอลที่บ้านของแทนซึ่งมันก็เป็เื่ปกติที่มักเกิดขึ้นบ้างเป็บางครั้งอยู่แล้วแทนจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไร พอตกลงกันว่ามาดูที่บ้านเขาได้ไม่มีปัญหาไอ้ทิมมี่มันก็พูดขึ้นมาว่า
“่นี้มึงกับไอ้ปลื้มก็ดูสนิทกันอยู่นี่ ชวนมันมาดูบอลที่บ้านมึงคงไม่เป็อะไรใช่ป่ะ กูอยากเอาจีนไปด้วยอะ น้า”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“เยส”
ไม่น่าพูดออกไปแบบนั้นเลยเพราะมันทำให้บรรยากาศของบ้านเขาในตอนนี้วุ่นวายฉิบหาย
“แทนหมูนี่ต้องหมักอย่างไงวะ” ดวงตากลมหันไปมองสกาวฟ้าที่ยกกะละมังที่มีหมูอยู่ด้านในขึ้นในอากาศ แทนจึงเลิกสนใจความวุ่นวายในห้องนั่งเล่นไปสนใจความวุ่นในครัวแทน
“เดี๋ยวกูทำเอง”
“อิจฉาแฟนมึงในอนาคตเลยอะ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อได้ยินในสิ่งที่จีนพูด “คงได้กินของอร่อยทุกวัน”
“กูไม่ขยันขนาดนั้นหรอก วันไหนี้เีก็คงไล่ให้ไปใช้เงินแก้ปัญหา”
“แบบนี้ก็ต้องเลือกคนที่มีเงินมากพอให้ใช้แก้ปัญหาแล้วป่ะ” ขิมบอกพลางเบนสายตามองไปยังร่างสูงของอัลฟ่าหนุ่มกลิ่นสนที่กำลังคุยออกรสออกชาติอยู่กับพวกทิมมี่
“ไอ้ทิมมี่อะหรอ ยกให้จีนไปเถอะ”
“มันหลบเก่งนะคะ” เจสซี่ที่กำลังยืนล้างผลักอยู่โน้มตัวไปกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคนกับขิม
ใช้เวลาไม่นานอาหารก็ถูกจัดเตรียมจนเสร็จเรียบร้อยเหตุผลที่ใช้เวลาน้อยก็เพราะคนทำเยอะนั่นเอง ส่วนทำไมคนถึงเยอะนั้นอันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับเจสซี่ที่เดินไปเท้าเอวจิกหัวไอ้พวกที่นั่งคุยกันในห้องนั่งเล่นให้มาช่วยทำคนละไม้ละมือ หั่นผักบ้างหยิบนู้นจับนี่ ใครไม่เคยทำก็ต้องทำ ก่อนจะเนียนไล่ให้ไปเคลียร์พื้นที่ที่ห้องนั่งเล่นต่อด้วย แล้วอาหารที่พึ่งปรุงเสร็จสดๆร้อนๆก็ถูกยกออกมาวางไว้กลางวงเช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โซดาและน้ำแข็งซึ่งเป็อุปกรณ์สำคัญในแผนการสุดท้ายที่จะใช้ในการเปิดปากของอัลฟ่าหนุ่มทั้งสองคน
เจสซี่มองสองหนุ่มสลับกันไปมา เชื่อเถอะว่าพอเหล้าเข้าปากคนเราก็จะพูดในสิ่งที่รู้สึกออก ไม่สามารถเก็บซ่อนมันไว้ได้อีกต่อไป ฮิฮิ
“ลืมยกผักมาว่ะ” แทนที่เห็นว่าไม่มีผักที่เตรียมไว้ใส่ในหม้อสุกี้วางอยู่เลยเอ่ยขึ้น “เจสมึงไปช่วยกูยกหน่อยดิ” เพื่อนหญิงยกนิ้วขึ้นชี้ที่หน้าตัวเองเหมือน้าถามว่ากูหรอ แต่พอเห็นแทนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังเจสซี่จึงยอมลุกขึ้นตามไปแต่โดยดี
“ผักมันเยอะมากเลยมั้งถึงต้องให้คนบอบบางแบบกูมาช่วยยกเนี่ย” เมื่อเห็นตะกร้าผักที่ต้องมายกเจสซี่ก็อดจะบ่นขึ้นมาไม่ได้
“กูรู้ทันพวกมึงนะ” ตะกร้าผักถูกวางลงที่เดิมก่อนร่างบางจะหมุนตัวหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“รู้ทันอะไรคะ” ดวงตาเรียวล่อกแล่กไปมา
“รู้ทันที่มึงดูล่กอยู่เนี่ยแหละ”
“...”
ตายจริง นี่เราดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย ไม่น่านะอิแทนมันคงจะฉลาดเกินไปมากกว่า
“พวกมึงสงสัยเื่ของกูกับไอ้ปลื้มใช่มั้ย” ร่างบางกอดอกถามออกไปตรงๆ ที่ใช้คำว่าพวกก็เพราะว่าแทนดูเพื่อนทุกคนออกหมดทั้งฝั่งของเขาแล้วก็ฝั่งของปลื้ม ก็นะทุกคนดูออกกันง่ายมากไม่ว่าจะเป็สายตาที่มองมา คำพูดหรือการร้องเพลงแซวที่สนามบอล มีพิรุธกันสุดๆไปเลย
“ถ้ามึงถามตรงๆกูก็จะบอกตรงๆว่า ใช่ค่ะ” ในเมื่อดูออกหมดแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป “แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าความจริงแล้วพวกกูก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเรี่องของมึงกับอิปลื้มอะไรมากมายหรอกนะ แต่พวกกูกลัวว่าที่พวกมึงไม่ยอมบอกเป็เพราะพวกมึงกลัวว่าพวกกูจะรับไม่ได้”
“...”
“พวกกูก็แค่อยากให้มึงทั้งสองคนกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองออกมาก็เท่านั้น”
“แล้วรู้ได้อย่างไงว่าพวกกูไม่กล้า กูอาจจะแค่ไม่อยากเปิดเฉยๆก็ได้”
“แทนคะอิบาสเป็เพื่อนมึงมาั้แ่ยังไม่หย่านม ั้แ่หำมึงสองคนเท่ากำปั้น มันมองมึงไม่ออกเลยมั้ง”
เปรียบเทียบได้เหี้ยอยู่เหมือนกันนะ
“...” แต่ก็จริง แทนกับบาสเป็เพื่อนกันมาั้แ่จำความได้มันรู้แทบจะทุกเื่ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาบางครั้งแค่มองตาก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่ จึงไม่แปลกอะไรเลยที่บาสจะอ่านความรู้สึกของเขาได้ขาดเหมือนเวลาที่เขารู้ทันมันในหลายๆเื่เช่นกัน
“ที่ยังไม่เปิด ไม่พูดออกมาเพราะว่าในสังคมยังไม่ค่อยยอมรับเื่ของอัลฟ่ากับอัลฟ่าใช่มั้ย” แทนสะอึกไปทันทีเมื่อถูกพูดจี้ใจดำเข้า
“ไม่ใช่แค่เื่นั้นหรอก”
มันยังมีเื่อื่นอีกต่างหาก
“เื่อิเรน?”
“อันนั้นก็ส่วนหนึ่ง”
“เมื่อไรจะเขี่ยมันทิ้งออกไปจากชีวิตได้สักทีหรอคะ” เจสซี่ล่ะอยากจะมองบนเป็ล้านรอบทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนี้
“ก็ถ้าอีกคนไม่ใช่ปลื้มก็คงตัดออกได้ง่ายกว่านี้”
“พอเข้าใจได้ แต่พูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่ได้บอกเื่มึงกับอิเรนให้มันรู้ใช่ป่ะ”
“บอกไปแล้ว” เจสซี่ยกมือขึ้นทาบอกแสดงท่าทีเหมือนกำลังใ “ว่าเคยชอบเรน” ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา
“ที่แท้ก็บอกไม่หมด” คิดว่าจะบอกเื่นั้นไปแล้วด้วย
“เออ ถ้ามันรู้เื่นั้นมันคงไม่อยู่แล้วแหละ ไหนจะเื่ที่กูเคยมีอะไรกับคนอื่นอีกอะ มึงคิดว่ามันจะรับได้หรอวะ” แขนเรียวถูกคลายออกจากกันย้ายไปท้าวลงกับขอบที่ซิงค์ด้านหลังแทน “คำพูดของคนอื่นที่พูดถึงกูทั้งที่ความจริงเป็อย่างไงก็ไม่รู้”
“...”
“คำพูดพวกนั้นขนาดตัวกูเองยังรับไม่ได้เลย”
ถ้อยคำที่ผู้คนใช้มันตัดสินเขาจากสิ่งที่ได้ยินเพียงอย่างเดียวไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองด้วยซ้ำนั้นแม้ว่าเขาจะทำเป็ไม่สนใจ ทำเป็เฉยๆเวลาที่ได้ยินคนวิพากวิจารณ์การใช้ชีวิตของเขา แต่ลึกๆเขาก็เก็บมันไปคิดมากกับตัวเองอยู่ดี มันไม่มีทางที่ปลื้มจะได้ยินคำพูดพวกนั้นแล้วไม่กลับไปคิดอะไรเลย อันที่จริงมันก็ชัดั้แ่วันนั้นแล้ววันที่ปลื้มมาช่วยเขาไว้ในห้องน้ำ
“สันดานมึงเหี้ยจังวะ”
“แหมไอ้คุณชาย สันดานมึงดีมากเลยดิ”
“ดีกว่ามึงแน่นอน”
คำพูดนี้ของปลื้มมันก็ตัดสินเขาไปแล้วเช่นกันแถมยังตัดสินไปถึงกมลสันดานของเขาเลยด้วยซ้ำ น่าตลกทั้งที่เขาเองก็ถูกหลอกให้เข้าใจผิดว่าอีกฝั่งโสดไม่มีแฟน แต่ทุกคนกลับไม่ได้โฟกัสในสิ่งที่เขาถูกกระทำเลยแถมยังตัดสินว่าเขาผิดและตราหน้าเขาว่าเป็คนที่ยุ่งกับแฟนชาวบ้านอีกต่างหาก
“เื่แบบนี้เราคิดแทนใครไม่ได้หรอก ก็คงมีแต่มันที่จะบอกได้ว่ารับได้หรือไม่ได้”
“...”
“แต่ในฐานะเพื่อนและในฐานะที่กูเป็กูแบบนี้ กูอยากบอกมึงว่า เราจะให้สังคมมากำหนดชีวิตเรามันก็ไม่ใช่ป่ะ ถ้ามัวแต่ต้องทำตัวให้ถูกใจคนอื่น แม่งก็ไม่ต้องมีความสุขกันแล้วชีวิตนี้อะ หรือถ้าคนอื่นมันยังเสือกมากมึงก็บอกมันไปเลยค่ะ ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีก่อนค่อยมาบอกว่าคนอื่นต้องใช้ชีวิตแบบไหน”
“...”
“แล้วก็เื่ที่มึงกับมันเป็อัลฟ่าทั้งคู่อะ มึงฟังกูแล้วเก็บไปคิดนะอิแทน ถ้าเราอยากให้คนอื่นหรือสังคมยอมรับในตัวเรา สิ่งแรกที่เราควรทำคือยอมรับตัวเองก่อนค่ะ”
“อ้าวเจส แทนไปไหนอะ” ปลื้มที่เห็นว่าเจสซี่เดินถือตะกร้าผักกลับมาคนเดียวเอ่ยถามถึงใครอีกคนที่เดินออกไปพร้อมกัน พลางชะเง้อหน้ามองหาแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“เห็นมันว่าจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก เดี๋ยวก็เข้ามามั้ง”
“นึกไงสูบบุหรี่เวลานี้วะ”
“กูไม่ใช่ปอดมันนะคะจะไปรู้หรอ” เจสซี่หันไปตอบบาส
“งั้นเดี๋ยวกูมานะ” ปลื้มบอกก่อนจะรีบลุกออกไป ทุกสายตาในวงจึงหันมามองที่เจสเป็ตาเดียว
“แผนล่มค่ะ อิแทนมันจับได้แล้ว”
“เอ้า เพราะมึงเลยอิเจสพิรุธไม่ไหว”
“โทษกูได้หรอ อิแทนมันบอกดูออกทุกคนเท่ากับว่าพิรุธทุกคนค่า”
“แล้วแทนมันว่าอย่างไง”
“เื่มันค่อนข้างจะเซนซิทีฟหน่อยอะ”
“เซนซิทีฟยังไง”
“ก็ทั้งเื่ที่มันทั้งสองคนเป็อัลฟ่า เื่เรน ไหนจะเื่ในอดีตที่มันเคยทำไว้จนคนเอาไปพูดปากต่อปากอีก มันก็เลยกลัวอิปลื้มจะรับไม่ได้”
“เพื่อนกูเป็คนมีเหตุผลมากพอ” พีคแย้งขึ้นมา “ถ้าแทนอธิบายยังไงไอ้ปลื้มก็ฟังมันก่อนอยู่แล้ว”
“กูว่าเพื่อนมึงทำใจไว้หน่อยก็ดีนะ” บาสพูดขึ้น “มีโอกาสที่แทนมันจะปฏิเสธหัวใจตัวเองสูงเหมือนกัน”
“แผลในใจมันเยอะมึง กูเองก็ไม่รู้ว่าปลื้มจะรักษาไหวหรือเปล่า”
“แถมแผลใหญ่สุดยังเป็แผลของมันอีก อุ๊ป” เจสซี่รีบยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมทำตาโตมองไปรอบวง เพื่อนคนอื่นๆที่รู้เื่อยู่แล้วถลนตาใส่เจสแถบจะหลุดออกจากเบ้าในขณะที่ฝั่งรัฐศาสตร์ได้แต่หรี่ตามองอย่างจับพิรุธ
“หมายความว่าไงเจส” จีนกดเสียงต่ำถาม ซึ่งอีกคนก็เอาแต่ส่ายหน้าไปมาไม่ยอมพูดอะไร “ไอ้ทิมมี่” เขาจึงหันไปเล่นงานคนที่นั่งอยู่ด้านข้างแทน
“ไม่รู้เลย เจสมึงพูดอะไรวะ”
“ถ้ามึงรู้แล้วไม่ยอมบอก วันไหนที่กูจับได้มึงอย่าคาดหวังอะไรในตัวกูอีกเลย แม้แต่เงากูก็จะไม่เสียเวลาเอาสายตาไปมอง”
“ไม่เอาดิ เื่ของคนอื่นมันไม่เกี่ยวกับเื่ของเรามั้ยอะ”
“ไอ้ปลื้มไม่ใช่คนอื่น แต่มันคือเพื่อน คือพี่ คือครอบครัวของกู” จีนพูดออกมาด้วยแววตาที่แน่วแน่และจริงใจเพราะเขาเองรู้สึกอย่างที่พูดออกมาจริงๆ
“เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว รู้อะไรพวกมึงก็พูดมาให้หมด” พีคที่ฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง
“โอเค คือว่าเื่มันเป็แบบนี้เว้ย” ในที่สุดบาสที่สนิทกับแทนก็ตัดสินใจที่จะเป็คนเล่าเื่ราวทุกอย่างให้ทั้งสามคนฟัง
“บุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคนที่ทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างของตัวเองคือใคร
เมื่ออีกคนไม่เอ่ยตอบแถมยังเอาแต่อัดนิโคตินเข้าปอด ปลื้มจึงถือวิสาสะคว้ามือของอีกคนเอาไว้แล้วจ่อบุหรี่ที่อีกคนยังถืออยู่ในมือเข้าที่ปากของตัวเองก่อนจะดูดมันเข้าไปในปอดบ้าง
“ทำหน้าเครียดอะไรขนาดนั้น กลัวว่าคืนนี้ดาวจะไม่พอเขียนชื่อคนที่ชอบอีกหรือไง”
“...” แทนส่ายหน้าปฏิเสธเขาหันหน้ามาสบตากับปลื้ม ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “อดีตที่ผ่านมากูกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อนาคตกูก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูรู้แค่กูอยากทำปัจจุบันของกูกับมึงให้ดีที่สุด”
“เป็อะไรเนี่ย ทำไมถึงพูดเื่พวกนี้ขึ้นมาวะ” ปลื้มขมวดคิ้วงง
“มึงก็รู้ใช่ป่ะว่าอดีตของกูมันเละเทะแค่ไหน”
“...”
“มึงเคยบอกด้วยว่าสันดานกูมันเหี้ย” ตอนนั้นที่พูดออกไปปลื้มไม่ได้คิดอะไรมากด้วยซ้ำไม่เคยคิดเลยว่ามันจะไปตกตะกอนอยู่ในใจของคนฟังจนทำให้อีกคนจะยังจดจำมันได้ถึงวันนี้
ปากพล่อยฉิบหายเลยกู
“วันนั้นกูปากพล่อยเองมึงอย่าคิดมากเลย”
“ถ้าไม่คิดมึงก็คงไม่พูดออกมาไม่ใช่หรือไง”
“ก็ตอนนั้นกูยังไม่ได้รู้จักมึงนี่” เพราะยังไม่รู้จักจึงรีบตัดสิน “แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงเป็คนแบบไหน”
“แล้วกูเป็คนแบบไหน”
“มึงก็เป็มึงไง แล้วมึงก็แค่ใช้ชีวิตแบบที่มึงอยากจะใช้”
“กูที่เป็กูแบบนี้ มึงรับได้มั้ย”
“พูดแบบนี้ชอบกูแล้วอะดิ” ปลื้มแซว ใบหน้าหล่อดูแพรวพราวขึ้นมามในทันที
“กูก็แค่ปลื้มๆเท่านั้นแหละ” มือบางถูกดึงกลับไป อัลฟ่ากลิ่นฝนอัดสารนิโคตินเข้าไปในปอดตัวเองอีกครั้งก่อนจะพ่นควันสีขาวออกมาจากปากแล้วดูมันวนเข้าไปทางจมูกก่อนจะพ่นออกในอากาศอีกรอบ
“ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่มีใครเขามานั่งล้อหรอกโตๆกันแล้ว” มือหนายื่นไปบีบที่แก้มนุ่มของอีกคนเบาๆก่อนจะจับใบหน้าของแทนส่ายไปมา
“ถือว่ากูไม่เคยพูดอะไรทั้งนั้นแล้วกัน” แทนพยายามเบี่ยงหน้าหลบออกจากมือของอีกคน เข้าเอนตัวไปด้านหลังจนเกือบหงายหลังลงไปนอนกับพื้นหญ้า
“ไม่เอาดิ ชอบก่อนไม่ต้องเขินหรอก” ถึงลึกๆจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฝ่ายที่ชอบคือตัวเองต่างหาก แต่ก็จะไม่ยอมรับหรอกนะ เพราะอยากเป็ฝ่ายที่ถูกขอบก่อนมากกว่า
“กวนตีน”
“กูชอบทีหลังกูยังไม่เขินเลยเนี่ย”
ช่างกล้าที่จะพูดจริงๆตัวกู โดนเขาตกั้แ่วันแรกที่เจอยังจะมั่นหน้าว่าชอบเขาทีหลังอีกนะไอ้ปลื้ม
“เป็การบอกชอบที่เหี้ยมาก”
“แต่ก็ใจสั่นแหละใช่มั้ยล่ะ”
“มือก็สั่นด้วยอยากฟาดปากคน” แทนบอกพร้อมกับกำมือข้างที่ว่างยื่นไปตรงหน้าปลื้มคล้ายจะต่อยอีกคน แต่แทนที่ปลื้มจะใกลัวกับหมัดที่ร่างบางยื่นมาจนเกือบจะถึงหน้าตัวเอง เขากลับอมยิ้มก่อนจะยื่นหน้าไปจุ๊ปที่กำปั้นนั้นหนึ่งที
“ไม่กลัวหรอกนะหมัดแมวอะ”
“ทำมึงเืกบปากมาแล้วลืมหรอ”
“อย่าพูดถึงมันได้มั้ยขอร้องล่ะ”
แทนขำในลำคอก่อนจะลดมือลงแต่อีกคนกลับคว้ามือของเขาเอาไว้ ปลื้มจับให้อีกฝ่ายคล้ายกำปั้นออกแล้ววางมือตัวเองทับลงไป นิ้วหนาแทรกผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วเรียวก่อนจะจับมือสอดประสานกันแล้วดึงมาวางไว้ที่ตักของตัวเอง ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดแล้วและเริ่มที่จะเห็นดวงดาวอยู่ประปราย
“วันนี้ชื่อที่มึงอยากเขียนยังเป็ชื่อของคนคนเดิมอยู่มั้ย”
“...”
“แต่วันนี้กูอยากเขียนชื่อมึงนะ”
“มึงยังไม่ตอบกูเลยว่าที่กูเป็แบบนี้มึงรับได้มั้ย” แทนเอ่ยถามซ้ำเขายังคง้าคำตอบที่ชัดเจนจากอีกคน
ปลื้มละสายตาออกมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน ั์ตาสีนิลสบเข้ากับั์ตาสีเดียวกัน เขาอยากให้อีกคนได้เห็นใบหน้าของตนเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาเช่นเดียวกับที่เขาได้เห็นตัวเองในดวงตาของอีกคนเช่นกัน
“แค่เป็มึงจะแบบไหนกูก็ยอมรับมึงได้ทั้งนั้นแหละ”
“ขอบคุณนะ”
“ไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรเลย กูยังไม่ได้ทำอะไรให้มึงสักหน่อย”
ขอบคุณที่มึงแตกต่างจากคนอื่น