ท้องฟ้ายามราตรีที่ดูสว่างไสวด้วยดวงดาวเปล่งแสงเป็ประกายเต็มท้องฟ้าหากแต่จิตใจนางยามนี้กลับร้อนรนยิ่งกว่าโดนเปลวไฟ หลิวเซียงเอ๋อร์นั่งมองดวงหน้าน้อย ๆ ของเธอยามนี่เริ่มคุ้นตา หากแต่ใจนางกลับสั่นไหวราวสายน้ำที่ถูกหยดฝนเทกระหน่ำ
“พระสนมสวยที่สุดแล้วเพค่ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของหลินเสียงดังขึ้นข้างใบหูอย่างชัดเจน หากแต่เธอกลับไม่รู้สึกยินดีในคำป้อยอนี้
“เหตุใดฝ่าาจึงเลือกเรา” หลิวเซียงเอ๋อร์ขมวดคิ้วอย่างหาข้อยุติมิได้
‘ในบทก็ไม่ได้กล่าวถึงเื่เข้าหอ หรือเพราะสนมซูเฟยไม่ได้ตายั้แ่ต้นเื่เนื้อหาจึงได้เปลี่ยนแปลง’ ดวงตายาวเรียวแต่งแต้ม ริมฝีปากอวบอิ่มถูกระบายแต่งจนสวยงาม
“พระสนมได้เวลาส่งตัวแล้วเพค่ะ” ร่างเล็กย่อกายถอยหลังสองก้าวก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูต้อนรับสตรีวัยกลางคนที่เข้ามาพร้อมกับเหล่ากำนัลอีกหกนาง
“เหลียนมามา ข้าเตรียมยาบำรุงไว้ให้พระสนมแล้วเ้าค่ะ”
“ดี..เด็ก ๆ ถอดชุดพระสนมและนำผ้านี้ห่อกายนางไว้ให้ดี” เหลียนมามาจับผ้าสีขาวสะอาดตาส่งให้นางกำนัล
“เดี๋ยว..พวกเ้าจะต้องถอยชุดข้าทำไมกัน”
“พระสนม…ท่านย่อมรู้ดีขนบธรรมเนียมประเพณีเป็เช่นไรท่านก็เคยเรียนมาแล้ว”
‘เรียนอะไรฉันไม่เคยได้เรียนอะไรแบบนี้มาเลย ถอดหมดก็ต้องโป๊เปลือยไปแบบนี้หรอ นี่คือการถวายตัวฮ่องเต้หรือนี่’ หลิวเซียงเอ๋อร์อยากจะรีบวิ่งหนีแต่ก็ดูเหมือนจะยากนัก เหล่านางกำนัลต่างรู้หน้าที่จับโน้นออก จับนี้ใส่ ร่างบางถูกคลุมเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ก่อนจะถูกห่อทับด้วยผ้าแพรเนื้อดี โชคดีที่ผ้าแพรนี้ดูหนากว่าผ้าชิ้นที่เธอสวมก่อนหน้า ถูกพันรอบตัวราวดักแด้ตัวอ่อน
“จิบยาบำรุงหน่อยเพคะพระสนม” ถ้วยกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กยกติดริมฝีปากอิ่มของเธอจนต้องรีบดื่ม
“ว่าแต่ยานี้จะทำให้ข้าเป็เช่นไรหรือเหลียนมามา”
“พระสนมจะมีบุตรง่ายขึ้นเพค่ะ”
“บุตร” ดวงตาเบิกกว้างริมฝีปากอ้าค้างจนเหลียนมามาต้องยกมือดันคางมนของเธอให้ปิดสนิท หลิวเซียงเอ๋อถูกเหล่าขันทียกพาตัวเธอมายังหน้าตำหนักหลงเฉียวกง ประตูห้องบรรทมฮ่องเต้หนุ่มถูกปิดสนิทราวกลับไม่มีผู้ใดอยู่ด้านในมีเพียงชายแก่หนวดสีขาวยาวยืนรออยู่หน้าประตูนั่น
“เรียนท่านเหิงกงกงเกี้ยวพระสนมมาถึงแล้ว” ขันทีนายหนึ่งก้าวเดินไปกระซิบบอกชายชรานั่น
“ทูลฝ่าาพระสนมหลิวซูเฟยมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ”
“ให้เข้ามา” น้ำเสียงทุ้มของหนานรั่วหานทำให้สตรีร่างบางที่กำลังนั่งขดตัวอยู่ภายในสะดุดก่อนที่ขันทีจะเปิดออกให้เธอก้าวเข้าไปในห้องที่มีแสงไฟสลั่ว บุรุษร่างสูงนั่งอ่านตำราอย่างสบาย ห้องบรรทมนี้ถูกแบ่งออกเป็สี่ส่วน ด้านในสุดเป็เตียงนอนกว้างที่ถูกปูด้วยผ้าแพรเนื้อดี ส่วนซ้ายใช้เป็ที่ทรงงาน และส่วนขวาใช้เป็ที่ผ่อนคลาย และโถงกลางห้องประดับตกแต่งด้วยแจกันลายครามปูพรมทั้งห้องหอนี้ หลิวเซียงเอ๋อร์หยุดยืนมองอยู่เพียงหน้าประตูทางเข้านางไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาออกไปเกรงว่าจะสะดุ้ดผ้าแพรที่ห่อหุ้มกายนางล้มลงได้ มือเล็ก ๆ จับกระชับผ้าไว้แน่น
“เหตุใดจึงยืนอยู่เพียงตรงนั้น” หนานรั่วหานสะบัดฉลองพระองค์ยกเอามือไขว้หลังก่อนจะเดินมาที่นาง
“ฝะ…ฝ่าา พระองค์คงมีราชกิจมากมายนัก” น้ำเสียงตะกุกตะกักของนางทำให้หนานรั่วหานแทบอดกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ จริงอยู่ที่วันนี้เขาเองก็มีงานมากมายวางกองไว้ เพื่อรอให้เขาได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับคำร้องของเหล่าขุนนางและประชาชน
“ถึงเจิ้นจะมีราชกิจมากมาย แต่พระสนมมาหาเจิ้นเพียงนี้แล้วเจิ้นย่อมให้เวลาเ้าได้” เสียงกระเช้าเย้าแหย่ของหนานรั่วหานทำให้ใบหน้านางแดงราวผลเชอรี่ ร่างสูงโน้มตัวลงก่อนจะซ้อนร่างบางขึ้นอุ้ม
“ฝ่าา!! ทรงจะทำอะไรเพค่ะ”
“เจิ้นจะทำอะไรได้ ก็พาเ้าไปที่เตียงก่อนนะซิ เ้าคงเพลียมาซินะดูหน้าเ้าซีดนัก”
“เตียง!!” หลิวเซียงเอ๋อร์ยามนี้ใบหน้าเธอเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น ร่างกายของเธอรู้สึกร้อนดั่งไฟรน
‘ร้อนจังสมัยก่อนนี่ไม่ดีเลย แอร์ซักเครื่องก็ไม่มี’ ร่างบางถูกวางลงที่เตียงที่ทั้งหนาและนุ่มกว่าที่นอนเธอหลายเท่าอย่างเบามือ หนานรั่วหานอยากจะรู้ว่านางจะทำเช่นไรหากเขาเริ่มที่จะลูบไล้นางเบา ๆ มือหนาไล้ลูบหลังร่างอรชรก่อนจะค่อย ๆ ไล้มายังใบหน้านวลที่แต่งแต้มไว้อย่างงดงาม
“หม่อมฉันขอดื่มชาก่อนได้หรือไม่เพค่ะ” ดวงตายาวเรียวหลุบลงต่ำเธอรีบหาทางหลบเลี่ยง ดวงตาดุคมจับจ้องมองเขม่นแต่ก็หยุดที่จะทำตามอย่างง่ายดาย
"เ้ากลัวเจิ้นงั้นรึ"
“ม่ะ..มิใช่เช่นนั้น หม่อมฉันแค่รู้สึกร้อนและกระหายน้ำเท่านั้นเพค่ะ”
“เช่นนั้นเ้ารอเจิ้นสักประเดี๋ยว” ร่างสูงของเขาลุกเอื่อมหยิบถ้วยชารินก่อนจะยื่นส่งให้นาง
“หากไม่เป็การดูถูกพระองค์เกินไปช่วยยกถ้วยชาไว้ที่ปากของหม่อมฉันได้หรือไม่เพค่ะ” หลิวเซียงเอ๋อร์จ้องมองถ้วยชาในมือเขา เพราะจนปัญญาจริง ๆ ที่ยามนี้มือเล็ก ๆ ของนางถูกห่อไว้ในผ้าแพรนี่
“นี่เ้ากล้าใช้เจิ้นยกน้ำชาป้อนเ้าเลยรึ” แววตาคมเฉียวจ้องดุมายังนาง จนหลิวเซียงเอ๋อร์เองรู้สึกหวั่น
“แต่มือหม่อมชั้น..” ริมฝีปากอิ่มกัดเม้มอย่างไม่พอใจ เธอเงยหน้ามองเขาที่มือหนายังคงยืนถ้วยชาให้กับเธอ
“หากเ้ายังเรียกร้องสิ่งอื่นอีกอย่าหาว่าเจิ้นรังแกเ้าได้” หนานรั่วหานยกถ้วยชาแต่ริมฝีปากนางอย่างเบามือ
"ขอบพระทัยเพค่ะ"
"เช่นนั้นเ้าก็ต้องเอาใจเจิ้นซะหน่อยมิดีหรือ" มือหนาค่อย ๆ ดึงผ้าแพรที่พันไว้อย่างหลวม ๆ จนหลุดออกเผยให้เห็นยอดอกชูชัน หลิวเซียงเอ๋อร์ใรีบเอามือเล็ก ๆ ของเธอปิดบังไว้แต่อกอิ่มเธอมันล้นเต็มจนไม่สามารถแอบซ่อนได้ หนานรั่วหานเองก็ใแม้เขาเองจะมีสนมมากมายแต่ด้วยราชกิจและหน้าที่ที่มากมายจนไม่มีเวลาร่วมหอทำให้เขายังไม่มีรัชทายาทสืบสกุล ครั้งเมื่ออภิเษกสมรสฮ่องเฮาการร่วมหอก็เป็เื่ที่ลำบาก เนื่องจากร่างกายฮ่องเฮานั้นอ่อนแอนักเพียงแค่นั่งนาน ๆ ก็เหนื่อยหอบแล้ว ส่วนสนมอื่น ๆ มิต้องเอ่ยถึงแทบไม่มีเวลามาเลือกนางเลยซักคนเดียว จะมีเพียงแค่สนมจูเสียนเฟยที่จะค่อยช่วยงานได้บ้าง แต่ก็อยู่เพียงแค่ห้องทรงอักษรเท่านั้นและยังมีองครักษ์ไป่ฟานหงอยู่ด้วย ยามนี้เมื่อสตรีงามอยู่ตรงหน้ามีหรือที่เขาจะอดทนได้ หนานรั่วหานคว้าร่างบางเข้าไปกอดอย่างคุ้นชินจนหลิวเซียงเอ๋อร์หลุดอุทานออกมาอย่างใก่อนจะพยายามขืนกายออกจากอ้อมกอดเขา หลิวเซียงเออร์สะดุ้งตัวเมื่อลิ้นอุ่นของเขาไล้ลงที่ลำคอระหงพร้อมกับไล้ไปทั่วบริเวณอกอิ่มหลิวเซียงเอ๋อร์หลับตาแน่นด้วยความเสียวซ่านไปทั้งตัว นางพยายามบิดกายเอียงหนีแต่กลับถูกมือหนารวบแขนทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ ยามนี้ร่างกายหนานรั่วหานเองก็ไม่สามารถควบคุมความ้าไว้ได้ ริมฝีปากเขาบดจูบริมฝีปากอิ่มของนางทั้งขบเม้มและดูดดึงราวกับขนมหวาน ลิ้นสากหนาของเขาพยายามที่จะสอดแทรกเข้าไปลิ้มรสน้ำผึ้งหวานในปากนาง แต่แล้วอารมณ์เขาก็ต้องสะดุดลง เพราะเสียงหนึ่งที่ดังหน้าห้องบรรทมนี้
“เกิดอะไรขึ้น!!..เหตุใดพวกเ้ามิกลัวตายกันรึ!!” หนานรั่วหานขมวดคิ้วตะเบงเสียงเข้มจ้องเขม่นมองไปยังเหล่าขันทีที่ยืนก้มหน้าเรียงรายหน้าห้องบรรทมนี้
“ถวายบังคมฝ่าา…เป็ความผิดหม่อนชั่นเอง หม่อมชั้นเพียงเป็ห่วงสุขภาพฝ่าาจึงนำซุปรังนกนี่มาถวายเพค่ะ” จูเหมยฮวายืนถือถ้วยเล็ก ๆ ในมือพร้อมส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขาดังเช่นทุกครั้ง
“สนมจู…” หนานรั่วหานรู้สึกแปลกใจมิน้อย แต่ก็มิใช่ว่าเธอจะไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ร่างสูงก้าวออกมาจากห้องบรรทมก่อนจะเดินมานั่งโต๊ะน้ำชาหินอ่อน
“เห็นบ่าวไพรบอกพระองค์เลือกสนมหลิวถวายตัว หม่อมชั้นเห็นว่าพระองค์ทรงงานมากมายจึงได้ทำซุปนี้บำรุงพระวรกายเพค่ะ” จูเหมยฮวาเหลือบมองลอดผ่านฉลองพระองค์หนานรั่วหานนางเห็น ร่างบางกำลังรวบผ้าคลุมกายอย่างร้อนรน จนนางเองก็ต้องหลุบตาลงเพื่อเก็บอาการไม่พอใจไว้เพียงคนเดียว
“เจิ้นขอบใจเ้ามาก เช่นนั้นพระสนมก็พักผ่อนเถิด” หนานรั่วหานรับถ้วยซุปยื่นส่งให้เหิงกงกง
“ฝ่าา!!..ราชกิจพระองค์มากมายนัก งั้นคืนนี้หม่อมชั้นจะนำกลับไปทำให้ดีหรือไม่เพค่ะ”
“อย่าเลยเจิ้นหากเ้ามิสบายไปจะลำบาก ท่านเหิงกงกงเตรียมเกี้ยวส่งสนมจู ส่วนสนมหลิวก็ให้กลับไปพักที่ตำหนักซูฮวากงเช่นเดิม” เสียงทุ้มออกคำสั่งราวเอาแต่ใจ เดิมหนานรั่วหานเพียงแค่อยากรู้ว่าหากนางต้องมาร่วมหอกับเขาจะมีผู้ใดปรากฎกายขึ้นหรือไม่ ผิดคาดแต่ดูจากปฏิกริยาแล้วนางคงมิทันได้ตั้งตัวเหมือนกัน หลิวเซียงเอ๋อร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยพร้อมน้อบกายถวายพระพรก่อนจะขอตัวกลับตำหนักซูฮวากง
‘พ้นคืนนี้ได้ช่างโชคดีอย่างหวุดหวิด แต่ทำไมเราถึงรู้สึกไม่พอใจด้วยล่ะ’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้