ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไรที่ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
เสิ่นอันอันประหลาดใจเล็กน้อยกับคำว่า “แฟนของคุณ” ที่พนักงานพูด
เธอหันไปมองฮั่วเฉิงโจวอย่างงุนงง อีกฝ่ายตบไหล่เธอเบาๆ “จะให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าวก็ยังไงอยู่ ไว้คราวหน้าผมจะให้คุณเลี้ยงนะครับ”
จ่ายก็จ่ายไปแล้ว เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก
หลังจากออกจากร้านหม้อไฟ ฮั่วเฉิงโจวก็ไปส่งเธอที่บริษัทเพื่อกลับไปเอารถ
ระหว่างทางเขาก็หาหัวข้อสนทนา “อันอัน คุณเป็ลูกคนเดียวหรือเปล่า? ผมไม่ค่อยเจอผู้หญิงรับตำแหน่งในบริษัทแบบนี้สักเท่าไร”
“ไม่ค่ะ” เสิ่นอันอันส่ายศีรษะ “ฉันมีพี่ชาย แต่เขารับราชการในกองทัพ แม่เลยยกบริษัทนี้ให้ฉันแทน”
“อย่างนี้นี่เอง งานหนักเลยนะครับ”
พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าประตูบริษัทจิ่งเซิ่งกรุ๊ปโดยไม่รู้ตัว
เสิ่นอันอันลงจากรถแล้วโบกมือให้เขา “ฮั่วเฉิงโจว ไปก่อนนะคะ”
รักแรกพบเป็สิ่งที่ไร้คำอธิบายจริงๆ เขาชอบเธอมาก แม้แต่การบอกลาแบบสบายๆ ของเธอก็ยังรู้สึกว่ามีเสน่ห์
“ลาก่อน” ฮั่วเฉิงโจวโบกมือให้เธอเช่นกัน และพูดสองคำสุดท้ายด้วยเสียงแหบเล็กน้อย “อันอัน”
เขานั่งอยู่ในรถและมองเธอเดินออกไปทีละก้าว หัวใจรู้สึกว่างเปล่าพิลึก
ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไรที่เขาตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
ทันทีที่เสิ่นอันอันเดินเข้ามาในบริษัท เธอก็นึกขึ้นได้ว่าลืมกุญแจรถไว้ในห้องทำงาน จึงขึ้นลิฟต์ไปเอากุญแจ
เมื่อเธอเปิดประตูห้องทำงาน ก็พบกับเงามืดร่างหนึ่ง
เจียงอี้เฉินยืนหันหลังอยู่ข้างหน้าต่าง ความเงียบนั้นคล้ายกับความสงบก่อนเกิดพายุ
เธอยืดหลังตรงและเดินไปยืนข้างหลังเขา “ประธานเจียงมาทั้งทีไม่คิดจะบอกกันหน่อยเหรอคะ? จะได้เตรียมอะไรไว้รับรองสักหน่อย...”
ก่อนเธอจะพูดจบประโยค เจียงอี้เฉินก็หันมาเผชิญหน้ากับเธอ
เขาใช้ฝ่ามือหนาคว้าลำคอขาวของเธอ จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า บังคับให้เธอเดินกลับไปที่โต๊ะ
“ปัง!”
เอวของเสิ่นอันอันกระแทกกับมุมโต๊ะอย่างแรง
ความเ็ปแล่นขึ้นมาทันที เธอเจ็บจนหายใจไม่ออกและใบหน้าสีขาวซีด
เธอพยายามระงับความเ็ป แต่น้ำเสียงยังคงสั่นเครือ “เจียงอี้เฉิน คุณ้าอะไร?”
ั์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำคล้ายสัตว์ดุร้ายที่มีเขี้ยวแหลมคม
เขาใช้มือกระชากเสื้อผ้าของเสิ่นอันอันจนขาดออกจากกันและจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่แผดเผา เปลวไฟแห่งความโกรธในดวงตารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไม? ทนมาสองปี ในที่สุดก็ทนเหงาไม่ได้แล้วเหรอ?” เขายกมือลูบไล้เนินอกอวบอิ่ม “โดนใครจับหน้าอกมา? ไอ้คนป่าคนนั้นน่ะเหรอ? เอากับเขาแล้วหรือยัง?”
“คนบ้า!” เสิ่นอันอันสบถพร้อมยกมือขวาตบหน้าเขา
ทว่า เจียงอี้เฉินจับข้อมือเธอแล้วกดลงบนโต๊ะ
เธอโกรธจนตัวสั่นและพูดด้วยดวงตาสีแดงว่า “เจียงอี้เฉิน ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาไร้มารยาทได้ ไสหัวไปซะ!”
“ไสหัวไป? ตอนนั้นเธอไม่ใช่เหรอที่ขอร้องอยากแต่งงานกับผม? แต่ตอนนี้จะให้ผมไสหัวไปงั้นเหรอ?” เจียงอี้เฉินเอนตัวลงและพูด “ออกไปอยู่กับคนอื่นก่อนหย่า เสิ่นอันอัน เธอมันผู้หญิงเลว!”
“...”
เผชิญกับความอัปยศอดสูในคืนวันแต่งงานเมื่อสองปีก่อน เธอไม่ร้องไห้
เผชิญกับการนอกใจและหักหลังนับครั้งไม่ถ้วนตลอดสองปี เธอก็ไม่ร้องไห้
แต่วินาทีนี้เธอไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไป หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอราวกับลูกปัดที่แตกสลาย
..............................................................................................................................................
เจอคู่แข่ง
เมื่อเห็นน้ำตา เจียงอี้เฉินก็ค่อยๆ คลายมือออก เสิ่นอันอันจึงใช้โอกาสนี้ผลักเขาและถอยหลังไปหลายก้าว
“เสิ่นอันอัน” เขาไล่ตามและจับไหล่เธอด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน “เธอคือภรรยาของผม เธอรู้ใช่ไหม?”
เธอคือภรรยาของผม?
นี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้ยินประโยคนี้จากเขา
เขาพูดมัน ในวันที่เธอไม่้าอีกต่อไปแล้ว...
เสิ่นอันอันเปิดเปลือกตาขึ้น มีเพียงความเงียบเย็นในดวงตาของเธอ “ตอนที่คุณนอกใจฉันครั้งแล้วครั้งเล่า คุณเคยคิดว่าฉันเป็ภรรยาคุณบ้างไหม?”
เจียงอี้เฉินหน้าชาจนแข็งค้าง เขาไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดๆ มาหักล้างได้
เขามองเธอที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง จู่ๆ ก็รู้สึกหนักใจ “อันอัน...”
“แต่งงานมาสองปี ผู้หญิงที่คุณนอนด้วยเยอะจนนับสองมือก็ยังไม่พอ แล้วตอนนี้คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันงั้นเหรอ?”
เจียงอี้เฉินเปิดปากพะงาบ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
เธอผลักมือของเขาออกแล้วหลับตาลง เื่ราวตลอดสองปีผ่านไปอย่างรวดเร็วคล้ายกะพริบตา “เจียงอี้เฉิน หย่ากันเถอะ ถือว่าฉันขอ”
“เธอ!” เขากำหมัดแน่นจนเส้นเืที่หลังมือปูดขึ้น “เธอรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”
“รู้ค่ะ ฉันบอกว่าฉันจะหย่า” เธอสงบนิ่งมาก “คราวที่แล้วคุณไม่ยอมไป พรุ่งนี้สำนักกิจการพลเรือนก็ไม่เปิด งั้นเราค่อยไปกันใหม่วันจันทร์นะ”
“ฝันไปเถอะ!”
“การแต่งงานครั้งนี้มันพังไปนานแล้ว เราควรจะปล่อยกันไปได้แล้ว”
เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบห้าปี และเธอไม่้าทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตไปกับผู้ชายที่ไม่รักเธอ
“ผมบอกว่าฝันไปเถอะ!” เจียงอี้เฉินแสยะยิ้ม “เสิ่นอันอัน เธอหักหลังผม ผมไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่”
เสิ่นอันอันควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อถูกเขากระตุ้นด้วยท่าทางก้าวร้าว เธอจึงยกแก้วน้ำบนโต๊ะทุบหัวเขาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
เขาไม่ได้หลบ ทำให้เกิดรอยแผลบริเวณหน้าผาก
เืสีข้นไหลอาบหน้า เขายกมือเช็ดมันออกอย่างลวกๆ แล้วพูดเย้ยหยันว่า “อยากหย่าไปอยู่กับคนป่านั่นเหรอ? เลิกคิดเื่นี้ไปได้เลย!”
เธอชี้ไปที่ประตูและพูดอย่างเ็า “ไปให้พ้น”
เจียงอี้เฉินพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ออกไป เสิ่นอันอันจึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ
เธอใช้โต๊ะพยุงตัวเองและค่อยๆ นั่งลง หลังจากพักอยู่สักครู่ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“ทนายเหอ ฉันเสิ่นอันอันเองค่ะ ถ้าคุณมีเวลารบกวนร่างข้อตกลงการหย่าใหม่ให้หน่อยนะคะ”
...
เช้าวันจันทร์ เสิ่นอันอันโทรหาเจียงอี้เฉินเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น
เขาไม่รับสาย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก
เธอไม่ได้คาดหวังอะไร แล้วแจ้งทนายเพียงคนเดียวของจิ่งเซิ่งกรุ๊ปให้วางแผนร่างข้อตกลงการหย่าอีกครั้ง
เธอมีหลักฐานการนอกใจของเจียงอี้เฉินอยู่ในมือ และเมื่อได้รับข้อตกลงการหย่าแล้ว เธอจะขึ้นศาลเพื่อฟ้องหย่า
...
ทางฝั่งมหาวิทยาลัยอวิ๋นต้าฮั่วเฉิงโจวได้รับสายจากผู้อำนวยการ จึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ “คนคนนั้น” มาหาเขา
ฉินเซ่อเองก็อยู่ในสำนักงานด้วย หลังจากฮั่วเฉิงโจววางสายก็เอนตัวไปถามซุบซิบอย่างขาเมาท์ “เกิดอะไรขึ้น? ผู้อำนวยการเรียกหานายทำไม?”
“มีคนมาหาน่ะ” ฮั่วเฉิงโจวทำความสะอาดของบนโต๊ะ “ผู้อำนวยการเลยบอกให้ฉันไปพบเขาหน่อย”
“ใครกันที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น?”
ศาสตราจารย์ฮั่วมีชื่อเสียงด้านความเ็าและห่างเหิน แม้หลายคนจะพยายามเข้ามาหาเขา แต่เขาก็มีเพียงคำตอบเดียวคือ “ไม่พบ”
เว้นแต่จะมีบุคคลที่สำคัญเป็พิเศษ เขาถึงจะยอมไป
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ฮั่วเฉิงโจวก็ล็อกลิ้นชักแล้วตอบกลับอย่างราบเรียบว่า “เจียงอี้เฉิน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้