พรึบ
“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะไดร์ฟ…”
“อื้อ” เสียงเรียบๆ ถูกเปล่งออกมาจากคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห้ม ฉันก็อมยิ้มขึ้นมาและหันไปมองกุ้งล็อบสเตอร์ที่ฉันกินไปสองตัวเหลืออีกสามตัว
ที่ฉันจะต้องไปอาบน้ำหลังกินเสร็จก็เพื่อจะเปิดโอกาสให้ไดร์ฟได้มากินน่ะสิ
พรึบ
ฉันเดินไปหยิบถุงเสื้อผ้าของฉันที่การ์ดนำมาให้ฉันใส่เปลี่ยนในของวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านและจะเข้าไปที่สำนักพิมพ์และที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น คือฉันจะไปหาพี่โรมด้วยยังไงล่ะ พี่โรมคือแฟนของฉัน^_^
ซ่าาาาาาา
ฉันยืนฮัมเพลงอยู่ใต้ฝักบัวภายในห้องน้ำสุดหรูหราแห่งนี้ด้วยเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า คุณลุงมิตรบอกว่าที่นี้มีแค่ฉันกับไดร์ฟและป้าแม่บ้านหนึ่งคนส่วนด้านนอกจะมีการ์ดชุดดำคอยเฝ้าอยู่เป็จุดๆ เพื่อกันเหตุด่วนเกิดขึ้น นั่นคือไดร์ฟอาจจะคิดฆ่าตัวตายยังไงล่ะจะได้ช่วยเหลือกันทัน
ฉันใช้เวลาในการอาบน้ำให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้และฉันก็เสร็จสิ้นภารกิจการอาบน้ำเป็เวลาสามสิบนาที ฉันจึงแต่งตัวและเอาผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกชุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าไดร์ฟยังคงนอนอยู่ที่เดิมแต่กุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่สามตัวในจานเปลได้หายไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงแค่เศษเปลือกกุ้งเท่านั้น
“ว้า….นี่ฉันเผลอกินกุ้งหมดเลยเหรอเนี่ย….” ฉันว่าอย่างเสียงดังเพื่อให้ไดร์ฟรู้ว่าฉันไม่รู้ว่าเขาเป็คนกินกุ้งที่เหลือเอง
“ไม่รู้ตัวเลยแหะ^_^” ฉันว่าพลางยิ้มร่าอย่างคนอารมณ์ดี
“หึ…เธอมันยัยตรรกะ!” เสียงเข้มของไดร์ฟเอ่ยว่าฉันดังมาจากใต้ผ้าห่ม ฉันก็ยิ้มร่าและส่ายศีรษะไปมากับความเอ็นดูไดร์ฟ เขาเป็คนที่ทำให้ฉันเหลือเชื่อได้ทุกอย่างจริงๆ
พอได้มาใกล้ชิดกับเขาแบบนี้ทำให้ฉันรู้ได้เลยว่าคนที่อยู่บนเวทีคอนเสิร์ตกับคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนเป็คนละคนกันเลยนะ
พรึบ
ฉันเข็นรถเข็นที่วางกุ้งล็อบสเตอร์ออกไปไว้นอกห้องนอนเพราะนี้มันก็สองทุ่มกว่าแล้วได้เวลานอนของฉันแล้ว เพราะฉันง่วงนอนเต็มทน
พรึบ
“กินแล้วก็นอน….เดี๋ยวก็อ้วนเป็หมูหรอก…”
“ฉันไม่อ้วนง่ายๆ หรอกยะ!” ฉันย่นจมูกใส่ไดร์ฟไปที่เขาเอ่ยว่าฉันที่ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มนิ่มข้างๆ ตัวเขา
พรึบ
ฉันกดรีโมทโทรทัศน์จอแบนที่มีขนาดกว้างแปดสิบห้านิ้วที่ถูกติดตั้งไว้กับผนังให้ห้องนอนตรงหน้าเตียงนอนที่ฉันนอนอยู่บนเตียงก็นอนดูโทรทัศน์ได้อย่างสบายเลยล่ะ
(สวัสดีครับ….ผมไดร์ฟ….เดอะปรินซ์ครับ…)
(กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด)
(หล่อมากค่าาาาาาาา)
(พี่ไดร์ฟขาาาาาาาาากรี๊ดดดดดดด)
“นายมองเป็จุดสนใจของผู้หญิงมากเลยเนอะ….”
“นายหล่อมาก….ทั้งเท่….”
“ทั้งดูดี….”
“ร้องเพลงก็เพราะ….”
“แต่งเพลงก็เก่ง….”
“แถมยังเต้นเก่งอีกตั้งหาก…..” ฉันเอ่ยชมไดร์ฟไปพลางยิ้มบางๆ ไปด้วยและสายตาก็ยังคงจับจ้องหน้าจอโทรทัศน์อยู่อย่างใจจดใจจ่อ
พรึบ
“เหรอ?” ไดร์ฟดันตัวลุกขึ้นมานั่งข้างๆ ฉันและเอ่ยถามฉันด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อในคำพูดของฉัน
“ไม่แปลกใจเลยนะ….ว่าทำไม…มีแต่คนชอบนายและรักนายมากขนาดนี้…” ฉันพูดไปพลางมองไปฝั่งซ้ายของห้องที่ตรงนั้นเป็ที่วางของระลึกจากแฟนคลับของไดร์ฟที่เต็มพื้นไปหมดนี่แค่บางส่วนนะ ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องเก็บของที่ระลึกห้องใหญ่ด้านหลังนู้นแหนะ
“คนรักนายเยอะมากขนาดนี้….แต่ทำไมนายไม่รักตัวเองบ้างล่ะ….”
“รักตัวเอง?” ไดร์ฟขมวดคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยและเขาก็เอ่ยทวนคำพูดของฉันมา ฉันก็ยิ้มบางๆ ให้เขาและหันกลับไปมองจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตรงหน้าต่อและชี้นิ้วไปที่ร่างของไดร์ฟในจอโทรทัศน์ที่เขากำลังร้องเพลงและเต้นอยู่ตรงกลางของเพื่อนร่วมวง เขาดูโดดเด่นที่สุดในนั้นแล้ว
“นายดูสิ….ว่านายน่ะทั้งหล่อและเท่ห์ขนาดไหน….” ฉันพูดพลางทำหน้าเพ้อฝันและกำลังฟินและเคลิ้มในความหล่อละลายของไดร์ฟ ที่ฉันไม่ได้แกล้งทำ แต่ฉันทำออกมาจากใจจริงๆ
“ฉันอยากจะกรี๊ดดดด…”
“และเรียกท่านไดร์ฟขา^_^”
“ฉันขอสมัครเป็แฟนคลับนายอีกคนนะ^_^” ฉันหันไปยิ้มและเอ่ยบอกไดร์ฟก็พบว่าเขาเองก็มองฉันอยู่ก่อนแล้ว
“อยากเป็แค่แฟนคลับเหรอ?” เขาถามฉันพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่งแววตาของเขาดูอ่อนโยนและลึกซึ้งแบบแปลกๆ ชอบกลแหะ
พรึบ
“เธอ….อยากเป็แค่แฟนคลับฉันจริงๆ เหรอ?” ไดร์ฟขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นและเอ่ยถามฉันเสียงแหบแห้งแอบกระเส่านิดๆ อีกครั้ง ฉันก็อ้ำๆ อึ้งๆ เพราะแอบใและตั้งตัวไม่ทันกับคำถามของเขา หัวใจของฉันมันเต้นรัวเร็วไม่เป็จังหวะแล้ว
พรึบ
ไดร์ฟกดรีโมทเพื่อเปลี่ยนจากคอนเสิร์ตเป็บทสัมภาษณ์แฟนคลับแทน
(ถ้าคุณแฟนคลับได้อยู่กับไดร์ฟสองต่อสอง…คุณจะทำอะไรกับไดร์ฟครับ?)
(อื้อออ….ไม่อยากจะเปิดเผยเลยค่ะ…แต่หนูอยากกอด…อยากหอม…และยัดเยียดความเป็ภรรยาให้เขาค่ะ^_^)
“เธอ….ไม่อยากยัดเยียดความเป็เมียให้บ้างฉันเหรอ?” ไดร์ฟถามฉันเสียงอ่อนเขาพูดคลอเคลียอยู่ตรงริมฝีปากของฉันจนทำให้ฉันััได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่มของเขา
พรึบ
“ทะลึ่งแล้วไดร์ฟ!” ใบหน้าฉันร้อนผ่าวขึ้นมาพลางใช้มือทั้งสองข้างผลักอกที่เปลือยเปล่าของไดร์ฟให้ถอยห่างออกไปจากฉัน
“ฉันเป็แฟนคลับนาย….เพื่อคอยสนับสนุนและอุทิศตัวให้นาย….ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องมอบศักศรีให้นายด้วยนะ!” ฉันโวยใส่ไดร์ฟเสียงดัง เขาก็ทำหน้าอึ้งและใดวงตาชั้นเดียวของเขาจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่วางตา
“เธอ….ไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังให้ฉันรักเธอจริงๆ ด้วย…?”
“อะไรไดร์ฟ?” ฉันเอ่ยถามไดร์ฟไปอย่างสงสัย กับคำที่เขาพูดออกมา
“เธอ….อยากช่วยฉันจริงๆ ใช่ไหม?” ไดร์ฟมองหน้าฉันและถามฉันเสียงเข้มอย่างจริงจัง ใบหน้าหล่อขาวใสที่ไร้เครื่องสำอางของเขาทำให้ใบหน้าของเขาดูเรียบเนียนและเด็กลงกว่าอายุมาก
“เธอ….ไม่ได้อยากช่วยฉันเพื่อหวังสิ่งตอบแทนอย่างอื่นจริงๆ ด้วย….”
“ก็ใช่ไง….เพิ่งรู้เหรอไง!” ฉันโวยใส่เขาพลางเอามือมาทาบหน้าอกตัวเองที่หัวใจเ้ากรรมยังไม่ยอมหยุดเต้มโครมครามสักที ไดร์ฟก็คลี่ยิ้มบางๆ ให้ฉันก่อนจะคว้าร่างของฉันเข้าไปสวมกอด
“ขอบคุณนะ….ที่เข้ามาในชีวิตของฉัน….”
“ขอบคุณที่ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อ….”
“เธอเป็แสงสว่างที่ฉุดดึงฉันขึ้นมาจากขุมนรก….” ไดร์ฟเอ่ยออกมาอย่างยาวเหยียดน้ำเสียงที่ดีใจของเขาทำให้ฉันกอดตอบเขาไป เขามีสติแล้วใช่ไหม…เขาก็มีโอกาสที่จะหายแล้วน่ะสิ^_^
“ฉันจะคอยช่วยเหลือนายเต็มที่….เพื่อให้นายขึ้นไปยืนอยู่จุดนั้น….อย่างมีความสุขเหมือนที่ผ่านมา….” ฉันบอกไดร์ฟไปในขณะที่เราสองคนผละกอดออกจากกันแล้ว
และฉันก็ชี้มือไปที่รูปของคอนเสิร์ตที่ใหญ่โตอลังการที่มีไดร์ฟนั่งอยู่บนเวทีและด้านหลังของเขาเป็เหล่าบรรดาแฟนคลับนับหมื่นนับแสนคนที่มาให้กำลังเขา
ไดร์ฟเองก็หันไปมองและคลี่ยิ้มบางๆให้กับรูปถ่ายกรอบสีทองคำที่มีรอยยิ้มที่อบอุ่นและมีความสุขของตัวเองฉายปรากฏอยู่บนรูปถ่ายในกรอบนั้น
ฉันเชื่อว่าสักวัน…เขาจะต้องกลับไปยิ้มอย่างมีความสุขแบบนั้นได้อีกแน่ๆ