หลิวฟู่เฉิงส่งหนังสือลาป่วยแบบไม่มีกำหนดไปที่สถานศึกษาเพราะต้องรอให้ผมของเขายาวเท่ากันเสียก่อน ถึงแม้เขาจะอยู่ที่เรือนสกุลหลิวแต่เขาก็ไม่ออกจากห้องมาพบปะผู้คน เพราะยังรู้สึกอับอายกับเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากว่ามีใครถามหาเขาคนบ้านสกุลหลิวก็จะบอกว่าเขาเก็บตัวอ่านตำราเพื่อที่จะสอบฮุ่ยซื่อในปีหน้า
หลังจากวันนั้นคนสกุลหลิวก็เก็บตัวเงียบยิ่งกว่าเดิม เจิ้งซูอี้เลิกไปก่อกวนพวกเขาแล้ว่นี้นางกำลังยุ่งอยู่กับการฝึกฝนร่างกายตนเองและเ้าเด็กน้อยที่คอยวิ่งตามนางไปทุกที่ ด้านหลิวตงจวิ้นก็ยังขึ้นเขาไปจับสัตว์ป่ากับอู๋เซียนเว่ยและบุตรชายเช่นเดิม อีกไม่นานเขาก็จะหมั้นหมายกับสตรีที่อยู่หมู่บ้านถัดไปเขาจึงต้องขยันยิ่งกว่าเดิม
ดวงตาดำขลับที่แสนลึกลับดั่งห้วงมหาสมุทรไร้ที่สิ้นสุดขององค์ชายห้าซีหยวนไห่หนานกำลังอ่านรายงานที่องครักษ์เงาส่งมา มุมปากยกยิ้มน้อยๆ บ่งบอกว่าเขากำลังอารมณ์ดี หลังจากอ่านเสร็จเขาก็พับกระดาษแผ่นนั้นเก็บเอาไว้ที่อกเสื้ออย่างดีดั่งของสำคัญ
“เหตุใดชีวิตของนางถึงได้มีเื่ให้สนุกมากมายให้ทำไม่เว้นแต่ละวันนะ มีสตรีใดในแคว้นซีหยวนที่เป็ดั่งเช่นนางบ้าง”
แล้วในความคิดของเขาก็นึกถึงสตรีบางคนที่แวบเข้ามาในห้วงคำนึง นางเป็อย่างไรบ้างนะตอนนี้หลังจากที่กลับมาที่หนานหยางแล้วนางสบายดีหรือไม่ อาการาเ็หายดีหรือยัง คำถามมากมายผุดเข้ามาในหัวของซีหยวนไห่หนาน เขาหยิบกระดาษและพู่กันเขียนบางอย่างลงไปจากนั้นจึงยื่นมันให้กับจื่อรุ่ย
“ส่งจดหมายหานางบ้างเดี๋ยวนางจะหาว่าข้าใจดำไม่แม้แต่จะถามไถ่หลังจากที่นางได้รับาเ็”
จื่อรุ่ยรับจดหมายขององค์ชายห้ามา จากนั้นจึงรีบจัดการตามพระประสงค์ของเขา ผ่านไปอีกสองเดือน่นี้ชาวบ้านกำลังเก็บเกี่ยวพืชผลที่ลงทุนลงแรงทำมาทั้งปี ในที่สุดเวลาที่พวกเขารอคอยก็มาถึง ั้แ่วันนั้นหลิวฟู่เฉิงก็ยังไม่ได้กลับไปที่สถานศึกษาเขาออกมาเดินข้างนอกบ้างแต่เมื่อเห็นมีคนเดินมาแต่ไกลเขาก็จะรีบกลับเข้าเรือนทันที
หลิวตงจวิ้นได้วางแผนเอาไว้แล้วว่าหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้วเขาจะไปหาช่างมาทำบ้านหลังใหม่ หลายเดือนที่ผ่านมาเขาขึ้นเขาล่าสัตว์เก็บเงินได้มาโขทีเดียว ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างแล้วเพราะอีกไม่นานอันเอ๋อของเขาก็จะอายุสิบห้า ถึงเวลาที่ต้องหาคู่แต่งงานให้นาง หากสภาพเรือนของพวกเขายังเป็เช่นนี้คงจะไม่มีใครส่งแม่สื่อมาแน่
หลายวันมานี้ครอบครัวหลิวตงจวิ้นลงแปลงนาเพื่อเกี่ยวข้าว ในที่ดินของพวกเขาที่ตอนนี้แบ่งออกเป็สองส่วนตามใบสัญญาที่ผู้ใหญ่บ้านเขียนเอาไว้ ทุ่งนากว้างใหญ่มีชาวบ้านหลายคนก็กำลังเกี่ยวข้าวอยู่เช่นกัน ที่ดินส่วนของสกุลหลิวยังไม่มีใครมาสักคนทั้งที่ข้าวออกรวงเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งท้องทุ่ง หลิวตงจวิ้นมองด้วยความเสียดาย
“หากว่าเป็ที่ดินของพวกเราข้าคงจะไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้อย่างนี้แน่”
คนบ้านหลิวที่ไม่เคยลงมือทำงานไหนเลยจะรู้ว่าพวกเขาจะต้องมาเก็บเกี่ยวพืชผลใน่เวลานี้ เพราะปกติมีแต่ครอบครัวของหลิวตงจวิ้นที่ทำหน้าที่นั้น พวกเขาทำแค่เพียงรอรับผลประโยชน์เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว
“นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเราแล้วล่ะเ้าค่ะเพราะตอนนี้เราแยกออกมาแล้ว หากพวกเขาอยากกินข้าวพวกเขาก็คงมาเก็บมันไปเองแหละ”
สกุลหลิวมีซิ่วไฉดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการงดเว้นจ่ายภาษี แต่ครอบครัวของหลิวตงจวิ้นนั้นไม่ใช่ เมื่อเก็บเกี่ยวพืชผลเสร็จแล้วพวกเขาต้องมอบให้ทางราชสำนักเพื่อจ่ายภาษีถึงสองส่วน
“ท่านพี่หรือว่าเราไปพวกเขาหน่อยดีหรือไม่”
แม่นางหวังท่านแม่ของหลิวอันอันถามสามีที่กำลังก้มหน้าก้มตาเกี่ยวข้าว
“ไม่ได้นะเ้าคะ หากว่าท่านใจอ่อนตอนนี้พวกเขาก็จะฉวยโอกาสข่มเหงพวกท่านอีกครั้ง หรือว่าท่านอยากอยู่ใต้คนตระกูลหลิวตลอดไป”
เจิ้งซูอี้เอ่ยห้ามแม่นางหวังเสียงดัง นางทำมาถึงขนาดนี้ลงทุนหลอกผีพวกเขาตั้งนานจะปล่อยให้ทั้งหมดพังลงเพราะความใจอ่อนของท่านแม่ของหลิวอันอันไม่ได้
“ช่างเถอะ เรารีบทำในส่วนของเราส่วนของพวกเขาพวกเขาจะทำอย่างไรกับที่ดินผืนนั้นจากนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว”
หลิวตงจวิ้นปฏิเสธข้อเสนอของแม่นางหวัง เจิ้งซูอี้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกนางกลัวเหมือนกันว่าหลิวตงจวิ้นจะใจอ่อนทำตามที่แม่นางหวังพูด
ครอบครัวของหลิวตงจวิ้นเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วและอีกหลายครอบครัวก็เช่นกัน แต่คนสกุลหลิวยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในเรือน หัวหน้าหมู่บ้านทนดูไม่ไหวจึงเข้าไปคุยกับผู้เฒ่าหลิว
“ท่านอาหลิว ชาวบ้านเก็บเกี่ยวผลผลิตจนเกือบหมดแล้วเหตุใดคนบ้านท่านถึงยังอยู่เฉยเล่า”
ผู้เฒ่าหลิวเคาะปล้องยาสูบที่เขามักจะคาบเอาไว้ในปากด้วยความเคยชิน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้จุดมันก็ตาม
“อย่างนั้นหรือ แล้วหลิวตงจวิ้นเล่า”
ผู้เฒ่าหลิวถามหัวหน้าหมู่บ้านด้วยท่าทางที่ยังคงใจเย็นไม่เดือดเนื้อร้อนใจไปกับสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดเลย
“บ้านหลิวตงจวิ้นเก็บเกี่ยวพืชผลเสร็จไปหลายวันแล้ว ในทุ่งนาตอนนี้เหลือแค่ที่ดินของท่านเท่านั้นที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว”
ผู้เฒ่าหลิวคาบปล้องยาสูบอีกครั้งจากนั้นจึงพยักหน้า
“เช่นนั้นท่านก็ช่วยบอกให้เขารีบมาทำส่วนที่เหลือให้เสร็จด้วยแล้วกัน”
ผู้เฒ่าหลิวพูดออกมาเหมือนเป็เื่ปกติที่หลิวตงจวิ้นควรทำทั้งๆ ที่พวกเขาตัดขาดกันไปแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดเห็นแก่ตัวของคนสกุลหลิว ผ่านไปหลายวันหลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านมาบอกพวกเขา แต่คนสกุลหลิวก็ยังไม่มีใครออกจากเรือนมาเก็บเกี่ยวพืชผลในที่ดินของตน ชาวบ้านต่างนินทาคนสกุลหลิวไม่ว่านั่งลงที่ไหนก็ต้องหยิบยกเอาเื่ความี้เีของพวกเขาขึ้นมาพูด
ตอนเช้าในวันหนึ่งผู้เฒ่าหลิวเดินมาที่เรือของหลิวตงจวิ้นเขาก็ต้องใ เพราะมีคนมากมายกำลังก้มๆ เงยๆ ทำหน้าที่ของตน กระท่อมที่เคยผุพังตอนนี้เหลือแต่ที่ดินเปล่า เพราะพวกเขากำลังปรับหน้าดินเพื่อสร้างเรือนหลังใหม่
“อาจวิ้น นี่เ้ากำลังสร้างเรือนหรือ”
ผู้เฒ่าหลิวเดินตรงไปที่หลิวตงจวิ้นที่กำลังทำงานอยู่
“ผู้เฒ่าหลิว”
หลิวตงจวิ้นทักทายเขาเพียงเท่านั้นจากนั้นจึงหันไปสนใจงานของตนเองต่อ ผู้เฒ่าหลิวกำหมัดในแขนเสื้อของเขาแน่นด้วยความโกรธที่หลิวตงจวิ้นแสดงท่าทางไม่เคารพเขาที่เป็ผู้าุโ ผู้เฒ่าหลิวยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อไม่มีใครสนใจเขาจึงสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
“มีใครอยู่บ้างออกมานี่หน่อย”
ผู้เฒ่าหลิวะโเสียงดังลั่นเรือนแต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากใครสักคน
“เ้าพวกสันหลังยาวรีบออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะตัดชื่อพวกเ้าออกจากตระกูลหลิวให้หมด”
ทั้งบ้านใหญ่และบ้านรองค่อยๆ ทยอยพากันเดินออกมาจากห้องนอน สภาพของพวกเขาคือคนที่พึ่งตื่นนอน แต่ตอนนี้ตะวันขึ้นสายโด่งแล้ว ผู้เฒ่าหลิวมองลูกชายและสะใภ้ทั้งสองแล้วได้แต่ส่ายหน้า แม่เฒ่าจางเองก็ไม่ต่างจากพวกเขาเท่าใดนัก
“ตาเฒ่าเ้าเอะอะโวยวายแต่เ้าขนาดนี่ด้วยเหตุใด”
ผู้เฒ่าหลิวสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะภายในใจ
“เช้าอย่างนั้นหรือ นี่มันเวลาไหนแล้วตะวันสายโด่งแต่กลับไม่มีใครตื่นมาทำหน้าตนเองที่สักคน พวกเ้าอยู่ที่นี่แล้วมีประโยชน์อันใด”
แม่เฒ่าจางคิดว่าที่ผู้เฒ่าหลิวโมโหอาจจะเพราะหิวข้าว นางจึงไล่จางซานเหนียงและจางลี่ฉุนรีบไปหุงข้าวในครัว ผ่านไปไม่นานทั้งสองคนเดินกลับมาที่ห้องโถงอีกครั้ง
“ท่านแม่ในครัวไม่มีข้าวสารเหลือแล้วเ้าค่ะ”
แม่เฒ่าจางเบิกตาโต
“ว่าอย่างไรนะ จะเป็ไปได้อย่างไรวันก่อนยังเหลือตั้งเยอะพวกเ้าแอบกินใช่หรือไม่”
แม่เฒ่าจางบิดแขนลูกสะใภ้ทั้งสอง ผู้เฒ่าหลิวมองพวกนางอย่าเอือมระอา
“หยุดเดี๋ยวนี้!! ในครัวไม่มีข้าวสารเช่นนั้นก็ต้องไปเก็บเกี่ยวกลับมา ตอนนี้ในทุ่งนาเหลือเพียงที่ดินของครอบครัวเราเท่านั้นที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว วันนี้หากใครไม่ทำงานก็ไม่ต้องกินข้าว”
ผู้เฒ่าหลิวยื่นคำคาด ทุกคนต่างทำท่าทีอิดออดกว่าจะออกเดินไปจนถึงที่ดินของพวกเขาตะวันก็ขึ้นสูงมากแล้ว พวกเขาค่อยๆ ลงมือเกี่ยวต้นข้าวที่แห้งกรอบและพันกันยุ่งเหยิงเพราะปล่อยทิ้งเอาไว้นานเกินไป
“โถ่โว้ย!!เป็เพราะเ้าหลิวตงจวิ้นนั่นคนเดียวพวกเราจึงต้องมาลำบากทำงานเช่นนี้”
หลิวเฟยหลงบุตรชายคนเล็กของผู้เฒ่าหลิวสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาเคยทำงานหนักเช่นนี้ที่ไหนกันผ่านไปไม่นานเพราะอากาศร้อนแผดเผาจนเขาทนไม่ไหวจึงทิ้งเคียวลงพื้นแล้วเดินหลบไปนั่งใต้ต้นไม้ เมื่อหลิวตงหัวเห็นน้องชายทำเช่นนั้นเขาก็เลิกเกี่ยวข้าวแล้วเดินไปนั่งบ้าง สะใภ้ทั้งสองกลัวว่าตนจะต้องเสียเปรียบจึงเลิกทำงานเช่นกันจากนั้นพวกเขาก็นอนแผ่ด้วยกันอยู่ใต้ต้นไม้ สายลมพัดเอื่อยๆ มาเป็ละลอกถึงด้านนอกจะร้อนระอุแค่ไหนแต่ใต้ต้นไม้ก็เย็นสบายไม่นานทั้งสี่คนก็นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้