ตู๋กูหลงถูกเย่เฟิงที่เพิ่งชิงอันดับที่ 10 ในรายนามขั้นรวมชี่ก่อนงานประลองสำนักยุทธ์และอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 4 ฆ่าตายอย่างน่าอนาถ
สิ่งที่เกิดขึ้นช่างน่าใยิ่งนัก กระทั่งหลาย ๆ คนใอยู่นานกว่าจะได้สติ
อัฒจันทร์แห่งหนึ่ง คนของตระกูลตู๋กูลุกขึ้นจากที่นั่ง พร้อมไอเย็นแผ่ออกจากร่างกาย และจ้องมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาตที่เย็นะเื
บุตรแห่งผู้นำตระกูล อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งตระกูลตู๋กู ความหวังของตระกูลกลับร่วงโรยในงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเช่นนี้น่ะหรือ ถูกชายหนุ่มไม่รู้จักหน้าค่าตาฆ่าตาย เหล่าคนของตระกูลตู๋กูจึงะเิโทสะ กระทั่งมีสองสามคนอยากขึ้นไปบนเวทีประลอง เพื่อทวงความเป็ธรรมให้กับตู๋กูหลง แต่คนอื่นกลับห้ามไว้
แม้พวกเขาตระกูลตู๋กูจะเป็กองกำลังหนึ่งในเมืองหลวง แต่ในถิ่นของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน พวกเขาไม่กล้าหุนหันพลันแล่น ทำได้เพียงอดกลั้นอดทน และเมื่อเวลามาถึง จักต้องเอาชีวิตเย่เฟิงมาให้จงได้
ฉินเยียนหรานมองเงาร่างบนเวทีประลองที่ราวกับเทพานั้นก็ยิ้มกว้างไม่หุบ พลางในใจเกิดความผันผวนขึ้นเล็กน้อย
“ศิษย์น้องเย่ ยอดเยี่ยมไปเลย!” ฉู่หานส่งเสียงะโด้วยความตื้นตันใจ
นักดาบแขนเดียว เซี่ยจวิ้นหลง เฉิงเฟย และคนอื่น ๆ ต่างก็เผยรอยยิ้มยินดีปรีดา รู้สึกดีใจแทนเย่เฟิง ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกภูมิใจที่ตนได้เป็เพื่อนกับเย่เฟิง
ชายหนุ่มขั้นรวมชี่ที่ 3 เฉิดฉายท่ามกลางผู้คนนับแสนที่เข้าร่วมงานประลองสำนักยุทธ์ ฝ่าฟันอุปสรรค ผ่านการทดสอบด่านแล้วด่านเล่า ทะลวงขั้นพลังในตอนประสบกับวิกฤตบนเวทีประลอง จนกระทั่งสังหารตู๋กูหลงอันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่ได้ในที่สุด
เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นฟังไปแล้วก็เหมือนเทพนิยายเื่หนึ่ง เย่เฟิงเพิ่งอายุ 16 ปีบริบูรณ์ เขาก็กลายเป็ผู้สร้างตำนานที่น่ามหัศจรรย์นี้
เข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนไม่ถึงปี จากศิษย์ใหม่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 สู่ผู้สังหารอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนในงานประลอง ทุกอย่างนี้ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
“ไม่คิดเลยว่าเ้าเด็กคนนี้จะทำให้ข้าประหลาดใจมากเพียงนี้”
บนอัฒจันทร์หลัก ผู้าุโฉินระบายยิ้ม โดยที่ไม่รู้สึกเสียใจกับการตายของตู๋กูหลงแม้แต่นิดเดียว
ถึงอย่างไรการที่เย่เฟิงสังหารตู๋กูหลงแบบข้ามสามระดับ ก็เป็ตัวพิสูจน์แล้วว่าพร์ของเขาดีเยี่ยมกว่าตู๋กูหลง สำนักยุทธ์บ่มเพาะคนเช่นนี้ ผู้าุโฉินมีแต่ความปลื้มปีติ
อาจารย์นี่จ้านเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เย่เฟิงไม่ไว้หน้าเขา ซ้ำยังสังหารเฟิงเฉียนศิษย์สายตรงในงานประลองยุทธ์ เขาจึงเคียดแค้นเย่เฟิง แต่ด้วยฐานะผู้าุโ จึงมิอาจจัดการคนรุ่นเยาว์ด้วยตัวเองได้ ตนหวังว่าจะมีศิษย์สักคนจัดการสั่งสอนเย่เฟิงในงานประลองสำนักยุทธ์นี้ แต่ไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงผู้นี้จะคว้าชัยชนะไปได้
บัดนี้เย่เฟิงชนะตู๋กูหลง นี่หมายความว่าอันดับที่ 1 ของงานประลองในครั้งนี้ก็ตกเป็ของเย่เฟิง นับจากวันนี้ไปหากเขา้าจัดการเย่เฟิงก็คงเป็ไปไม่ได้แล้ว เพราะทางสำนักยุทธ์ต้องให้ความสำคัญกับเย่เฟิงอย่างแน่นอน
“หมอนี่ฆ่าตู๋กูหลง!”
เหล่าคนของตระกูลเฉินเผยสีหน้าดูไม่ได้ เฉินอ้าวเทียนที่ฟื้นจากเป็ลมหมดสติไปก็มองเย่เฟิงบนเวทีประลองด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง
หนานกงหลิงซวงตะลึงงัน พร้อมกับปรากฏภาพฉากที่นางเคยใช้ชีวิตกับเย่เฟิงในตระกูลที่เมืองโยวโจวในหัว ในใจนางเต็มไปด้วยความเสียใจปนชิงชัง
หากตอนนั้นตระกูลหนานกงไม่เลือกที่จะทรยศเย่เฟิง นางคงไม่มีทางมีจุดจบเฉกเช่นในตอนนี้ และนางต้องแบกรับคำครหาที่ว่าเฉินอ้าวเทียนไร้ค่าไปตลอดชีวิต
อีกด้านหนึ่ง มีเงาร่างงดงามหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น นางทอดมองเงาร่างนั้นบนเวทีประลองด้วยสีหน้าสับสน ตู๋กูหลงมีใจปรารถนาที่จะฆ่าเย่เฟิง แต่สุดท้ายแล้วกลับถูกเย่เฟิงฆ่าเสียเอง นี่ก็คือชะตากรรมของเขา
นาทีนี้บรรยากาศทั่วทั้งลานประลองเกิดคึกคักขึ้นมา สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เงาร่างนั้นบนเวทีประลอง นอกจากสายตาเย็นเยียบบางส่วนแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็สายตาหวาดกลัว
พวกเขารู้ว่า เย่เฟิงเสี่ยงเป็เสี่ยงตายโดยการใช้พลังขั้นรวมชี่ที่ 4 สังหารตู๋กูหลง แสงแห่งเกียรติยศทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะเขาเอาชีวิตตนเป็เดิมพัน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาสงสัยบางอย่าง ว่าเหตุใดเย่เฟิงรับการโจมตีเคล็ดวิชาดับ์สะบั้นของตู๋กูหลงจึงไม่ตาย? คนส่วนใหญ่ต่างคิดไม่ตกเกี่ยวกับปัญหานี้ ดังนั้นจึงมีคนส่วนหนึ่งมองเย่เฟิงเป็ตัวประหลาด
บนเวทีประลอง เย่เฟิงถอนหายใจยาว รู้สึกว่าตนกำลังจะล้มลงหมดสติ ผู้อื่นมองไม่ออก แต่เย่เฟิงรู้ถึงวิกฤตอันตรายของศึกนี้
สาเหตุที่เขาสามารถเอาชนะตู๋กูหลงมีหลายประการ หากไม่มีเหตุผลเหล่านี้เพียงพอ ป่านนี้เย่เฟิงคงตกตายไปแล้ว
ประการที่หนึ่ง เย่เฟิงมีพลังป้องกันที่เหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกัน ทำให้เขาไม่ตายแม้ถูกเคล็ดวิชาดับ์สะบั้นของตู๋กูหลงโจมตี
ประการที่สอง หากเย่เฟิงไม่ตัดสินใจใช้กลยุทธ์มัจฉาตายตาข่ายขาด[1] ตนคงไม่มีโอกาสแทงหอกนั้นออกไปได้
ประการที่สาม ตู๋กูหลงประมาทเลินเล่อเกินไป หากตู๋กูหลงไม่คิดแต่จะฆ่าเย่เฟิงลูกเดียว ก็คงไม่ติดกับกลยุทธ์มัจฉาตายตาข่ายขาด และยิ่งไม่มีทางถูกหอกของเย่เฟิงฆ่าตาย
ประการที่สี่ หากิญญาาวิหคเทพะขั้นฟ้าไม่มอบความสามารถะและรักษาตัวเองให้เย่เฟิง แม้เย่เฟิงจะมีร่างกายแข็งแรงทนทาน แต่ก็ไม่มีทางรับมือกับเคล็ดวิชาดับ์สะบั้นของตู๋กูหลงและใช้หอกนั้นได้
นอกจากนี้หากเย่เฟิงไม่ทะลวงขั้นพลัง และฝึกทักษะหอกปลิดชีวีกระบวนที่ 3 หอกปลิดชีวี เขาก็ไม่มีทางเอาชนะตู๋กูหลงได้อย่างแน่นอน
เหตุผลเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เย่เฟิงสังหารตู๋กูหลงผู้มีระดับการบ่มเพาะมากกว่าสามขั้น
ความแข็งแกร่งของตู๋กูหลงมิอาจปฏิเสธได้ ในมุมมองผู้อื่น เย่เฟิงในเวลานี้ยังคงด้อยกว่าตู๋กูหลงมาก แต่เพราะถูกความถือดีของตนบดบัง จนทำให้ความตายมาสู่ตู๋กูหลง แม้แต่ิญญาาก็ยังไม่ทันได้ปลดปล่อย
าแทั่วร่างของเย่เฟิงได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แม้แต่เนื้อที่แหว่งไปบ้างก็ยังฟื้นฟูกลับคืนเหมือนเดิม และด้วยการรักษาเร็วเพียงนี้ ทำให้เย่เฟิงฟื้นตัวได้เจ็ดถึงแปดส่วนในเวลาไม่นาน
นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของิญญาาวิหคเทพะ ไม่ใช่ยารักษา แต่ด้วยความสามารถในการรักษาและความะที่ิญญาามอบให้ก็มีประสิทธิภาพมากกว่ายาทั่วไปเสียอีก
ครั้งนี้หากิญญาาที่เย่เฟิงปลุกไม่ฝืนชะตาฟ้าเช่นนี้ เกรงว่าคงถูกตู๋กูหลงฆ่าตายไปแล้ว
“ลำดับต่อไป ข้าจะประกาศรายชื่อผู้ได้สิบอันดับแรกของงานประลองครั้งนี้”
ขณะนั้นที่อัฒจันทร์หลักมีผู้าุโคนหนึ่งค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน สายตากวาดมองทั่วลานประลอง ก่อนพูดขึ้นว่า “อันดับที่ 10 หลิ่วหลิน อันดับที่ 9 เซี่ยเชียนชิว อันดับที่ 8 จ้าวเฉิน อันดับที่ 7 เซี่ยโหวิ อันดับที่ 6 เจียงเผิง อันดับที่ 5 ฉินเยียนหราน อันดับที่ 4 นักดาบแขนเดียว!”
ผู้าุโคนนั้นประกาศอันดับที่ 10 ถึงอันดับที่ 4 ก่อน เนื่องจากมีคนตกตายและได้รับาเ็จากศึกก่อนหน้านี้ ชื่อของพวกเขาจึงตกหล่น อย่างเช่น หลิ่วหลิน เซี่ยเชียนชิว จ้าวเฉิน และเซี่ยโหวิ สี่คนนี้ตกรอบในศึกชิงสิบอันดับแรก แต่ด้วยเหตุผลข้างต้น ตามผลคะแนนของสี่คนนี้จึงได้รับการจัดอันดับใหม่และได้อยู่ในสิบอันดับแรก
บรรยากาศในลานประลองเงียบเชียบ ทุกคนต่างรอคอยผู้าุโคนนั้นที่จะประกาศสามอันดับแรก
“อันดับที่ 3 นี่จ้านเทียน!”
“อันดับที่ 2 อวิ๋นเจี๋ย!”
“เย่เฟิง ผู้ชนะเลิศอันดับที่ 1 แห่งงานประลองสำนักยุทธ์ในครั้งนี้!”
เสียงนี้ดังกังวานไปทั่วลานประลอง ปลุกใจเหล่าผู้คนให้ฮึมเหิม
เย่เฟิง อันดับที่ 1 !
วินาทีนี้เย่เฟิงกลายเป็จุดสนใจของทุกคนอีกครั้ง แสงโชติ่ที่เขาปลดปล่อยในงานประลองสำนักยุทธ์ได้กลบทุก ๆ คนจนมิด จึงสมควรแล้วที่เขาได้รับอันดับที่ 1
เย่เฟิงได้รับอันดับที่ 1 ในขณะเดียวกันชื่อของเขาก็จะถูกสลักไว้บนที่สูงสุดของแท่นศิลาเทียนเสวียน
“งานประลองสำนักยุทธ์จบลงเพียงเท่านี้ ผู้ที่ได้สามอันดับแรกจะเป็ตัวแทนสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเข้าร่วมงานชุมนุมหวงปั่งที่ราชวงศ์จ้าวจะจัดขึ้นในอีกสามเดือน” ผู้าุโคนนั้นกล่าวช้า ๆ ทำผู้คนชะงักนิ่งไปชั่วขณะ
งานชุมนุมหวงปั่งเป็ยุครุ่งเรืองของอาณาจักรจ้าว เมื่องานชุมนุมหวงปั่งมาถึง ทุก ๆ กองกำลังจากทั่วสารทิศของอาณาจักรจ้าวจะมาเข้าร่วมงานนี้
ถึงเวลานั้นคนรุ่นเยาว์อายุยังไม่ 20 ปีบริบูรณ์จากทั่วทั้งอาณาจักรจ้าวจะเริ่มการประลองฝีมือ และตัดสินว่าใครคือผู้แข็งแกร่งที่สุด
ยุครุ่งเรืองเช่นนี้ คุ้มค่าที่จะให้ทุกคนรอคอย
“วูบ ๆ!” ขณะที่ผู้คนกำลังอารมณ์เดือดพล่าน จู่ ๆ ที่เหนือลานประลองมีลำแสงจากฟากฟ้าพุ่งลงมาเยือนลานประลองแห่งนี้