ฮวาเชียนจือหัวเราะออกมาเสียงดัง “คิดจะเอายังไง?แน่นอนว่าคิดอยากให้เ้าตายยังไงล่ะ” พลางแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเสมือนว่ากำลังรออะไรอยู่
ซูฉีฉีถูกบุรุษร่างใหญ่กดตัวของนางเอาไว้จนไม่อาจขยับตัวได้นางทำได้เพียงแค่จ้องไปที่ฮวาเชียนจือด้วยสายตาเคียดแค้น “เ้าก็รู้อยู่แล้วว่าสำหรับท่านอ๋องข้าไม่ได้มีสถานะอะไรทั้งนั้นเหตุใดจึงต้องคิดจะจัดการข้าให้ถึงตายด้วย?”
แน่นอนว่านางไม่ยอมตายด้วยมือของสตรีผู้นี้เป็แน่แค้นอันใหญ่หลวงของนางยังมิได้ทำการชำระ
นักฆ่าที่บุกโจมตีครั้งก่อนนั้นจะต้องเป็ฝีมือของสตรีผู้นี้เป็แน่เชื่อว่าม่อเวิ่นเฉินเองก็สามารถตรวจสอบได้อย่างแน่นอน ทว่าเขากลับไม่คิดจะจัดการคงเป็เพราะเขาไม่อาจหักห้ามใจทำร้ายฮวาเชียนจือได้กระมัง
เพราะว่าเขายังคิดจะแต่งนางเข้ามาเป็ชายารองอยู่ร่วมกันยันแก่เฒ่านี่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ในใจของซูฉีฉีก็เ็ปเสมือนโดนเข็มทิ่มก็มิปาน
ในหัวสมองของนางยังมีคำพูดระหว่างม่อเวิ่นเฉินและเหวยอวี๊เฟิงดังก้องอยู่หัวใจของนางยิ่งเ็ปจนยากจะทน ทว่านางยังคงพยายามบังคับตนเองให้แสดงท่าทีนิ่งเฉยขณะจ้องกลับไปที่ฮวาเชียนจือ
“เหอะ ต่อให้เ้าจะไม่ได้มีสถานะอะไรแต่เ้าก็ได้ยึดครองตำแหน่งพระชายาเอาไว้”ฮวาเชียนจือเอ่ยออกมาเสียงเย็นนางตั้งใจแล้วว่าจะให้ซูฉีฉีหายสาบสูญไปจากโลกของม่อเวิ่นเฉินอย่างแน่นอน
นางก็ดูออกเช่นกันว่าม่อเวิ่นเฉินนั้นมิได้มีท่าทีสนิทสนมกับซูฉีฉีมากนักทว่าในคืนวันปีใหม่คนทั้งสองกลับอยู่ด้วยกันตลอดคืน ไม่พรากจากกันเลยนั่นก็ทำให้นางเข้าใจในความคิดของม่อเวิ่นเฉินแล้วเช่นกัน
ยังไงเสียซูฉีฉีก็เป็หมอเทวดาตอนนี้คนทั่วทั้งแผ่นดินไม่มีผู้ใดไม่รู้
กับม่อเวิ่นเฉินนั้นนางเองก็ถือว่ามีประโยชน์มากฮวาเชียนจือผู้นี้เป็คนที่คิดเล็กคิดน้อย ละเอียดรอบคอบต่อให้พวกเขานั้นจะไม่มีความสัมพันธ์รักใคร่กันแบบชายหญิงทว่าความสัมพันธ์อย่างอื่นก็ไม่อาจยอมรับได้เช่นกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ซูฉีฉีก็ไม่รู้ควรจะเอ่ยอันใดออกมาอีก นางรู้ว่าต่อให้ตนเองพูดอะไรออกไป ฮวาเชียนจือก็จะไม่รามือเป็แน่
นางยอมกระทั่งทำลายงานแต่งของตนเองอีกทั้งยังวางแผนอย่างรอบคอบในการจะสังหารตนทิ้งเพราะฉะนั้นจะต้องไม่มีทางล้มเลิกแผนการได้อย่างง่ายดายแน่นอน อีกทั้งดูจากท่าทางของนางแล้วเหมือนว่าจะมีความมั่นใจเป็อย่างมาก
บุรุษร่างใหญ่ที่กดซูฉีฉีเอาไว้นั้นมิได้ลงมือทำอะไรเขาเพียงแต่ยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น เสมือนกำลังรอฟังคำสั่งของฮวาเชียนจือ
ตรงปลายขอบฟ้านั้นมีเงาของคนผู้หนึ่งเหาะมาด้วยความเร็วสูงมุมปากของฮวาเชียนจือก็กระดกขึ้นเป็รอยยิ้มจางๆจากนั้นก็ส่งสัญญาณผ่านทางดวงตาไปให้กับบุรุษร่างใหญ่ผู้นั้น
มือของบุรุษผู้นั้นที่เดิมจับซูฉีฉีอยู่ก็ปล่อยออกโดยไม่สนใจนางแม้แต่น้อยจากนั้นก็เดินไปพร้อมกับบุรุษอีกคนไปยังเบื้องหน้าของฮวาเชียนจือ ก่อนจะหยิบเอาเชือกเส้นบางขนาดเท่านิ้วคนเส้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อของตน แล้วเริ่มลงมือจับฮวาเชียนจือมัดไว้กับซากต้นไม้
ซูฉีฉีที่อยู่ด้านข้างที่เห็นภาพตรงหน้านั้นก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อยนางมิได้สังเกตเงาของคนที่กำลังเหาะมาทางนี้
ฮวาเชียนจือที่เมื่อครู่มีสีหน้าเย่อหยิ่งนั้นตอนนี้กลับแสดงสีหน้าน่าสงสารออกมาก่อนจะมองไปที่ซูฉีฉีพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นรอบดวงตา “ขอร้องพวกท่าน...อย่าทำอย่างนี้...” ดูแล้วน่าสงสารเป็อย่างยิ่ง
ใน่พริบตาเดียวนั้นซูฉีฉีก็รู้แล้วว่านาง้าจะทำอะไร ช่างเป็แผนการที่แยบยลจริงๆ ไม่เสียไพร่พลแม้แต่คนเดียวก็สามารถทำให้ซูฉีฉีนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจมีทางรอดเหลืออยู่ได้อีก
ในที่สุดนางก็มองไปยังทิศทางอันไกลโพ้นพลางเห็นเงาของคนกำลังเข้าใกล้มากขึ้นทุกทีซูฉีฉีเองก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่มานั้นคือม่อเวิ่นเฉิน
ชุดคลุมสีแดงสดนั้นมิอาจปกปิดไอสังหารและความอาฆาตที่แผ่ออกมาจากตัวเขาได้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีโทสะเป็อย่างมาก แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลนักแต่ซูฉีฉีก็ยังคงรู้สึกได้ถึงมันอย่างชัดเจน ทำให้ในใจของนางเองก็จมดิ่งลึกลงไปด้วยเช่นกัน วินาทีนี้ต่อให้นางอธิบายอะไรออกไปก็คงไม่เป็ผลเสียแล้ว
บุรุษร่างใหญ่ทั้งสองคนนั้นได้เริ่มลงมือแล้วใบหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้ายเสียงร้องะโของฮวาเชียนจือนั้นยิ่งแ่เบาลงไปเรื่อยๆทว่าม่อเวิ่นเฉินที่อยู่ห่างไกลออกไปนั้นได้ยินมันอย่างชัดเจน
ซูฉีฉีสีหน้าราบเรียบขณะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนางปล่อยให้ลมที่พัดโหมกระหน่ำนั้นโบกสะบัดฉายกระโปรงของตนอย่างแรงพัดใส่หน้าของนางจนสร้างความเ็ป มือของนางนั้นยังคงกำเข็มทองไว้เล่มหนึ่งทว่านางกลับไม่อาจขยับตัวได้
ภาพตรงหน้านี้ทำให้นางไม่อาจยอมรับได้
ฮวาเชียนจือ เ้านี่ร้ายจริงๆ
เสื้อคลุมตัวนอกของฮวาเชียนจือนั้นได้ร่วงหล่นลงกับพื้นแล้วทว่าบุรุษร่างใหญ่ทั้งสองนั้นกลับไม่กล้าลงมือจริงๆพวกเขาทำเพียงแค่เล่นละครเท่านั้น
ม่อเวิ่นเฉินที่อยู่กลางอากาศนั้นปรากฏความเยือกเย็นดุจน้ำแข็งขึ้นในดวงตาเขามิได้หันไปมองบุรุษทั้งสองที่กำลังรังแกฮวาเชียนจืออยู่ในตอนแรกแต่กลับมองดูซูฉีฉีที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมอย่างเงียบสงบจนน่ากลัวแทน
สีหน้าของเขานั้นเยือกเย็นมากขึ้นเขานั้นคาดเดาได้แล้วว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องโถงในวันนั้นเป็ใคร จะต้องเป็ซูฉีฉีอย่างแน่นอน
คำพูดที่เขาเอ่ยกับเหลยอวี๊เฟิงนางได้ยินมันอย่างชัดเจนถึงได้กล้าทำเื่อันตรายเช่นนี้ขึ้นกระมัง
“ซูฉีฉี ข้ามองเ้าผิดไปแล้ว”
เขาตีลังกากลางอากาศก่อนจะรีบลงมายืนขั้นกลางระหว่างซูฉีฉีและฮวาเชียนจือม่อเวิ่นเฉินนั้นได้ดึงดาบยาวในมือของตนออกมาแล้ว ก่อนจะฟันบุรุษทั้งสองให้ล้มลงไปกองกับพื้นโลหิตพุ่งกระจายไปรอบทิศ ไหลอาบลงที่พื้นดินทั่วบริเวณ
เขามิได้มองไปที่ซูฉีฉีอีกแต่กลับเอ่ยทิ้งประโยคนั้นเอาไว้
ซูฉีฉีที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมนั้นเหมือนจะคาดเดาเื่นี้ได้อยู่ก่อนแล้วทว่าเมื่อได้ยินประโยคนั้นก็ยังรู้สึกเจ็บจนหายใจได้อย่างยากลำบาก นางมิได้อธิบายแม้แต่คำเดียวนางก็ไม่พูดออกมา
ฮวาเชียนจือนั้นพิงเข้ากับอ้อมกอดของม่อเวิ่นเฉินด้วยท่าทีน่าสงสารลำตัวของนางสั่นเทาขณะที่ดวงตาของนางเอ่อคลอด้วยน้ำตาเครื่องประทินโฉมงดงามบนใบหน้านั้นได้ถูกหยดน้ำตาชำระไปหมดแล้ว
“พี่เวิ่นเฉิน” นางร้องไห้พลางเอ่ยเรียกม่อเวิ่นเฉินเบาๆ “ช่างเถิด ข้าก็มิได้รับาเ็อะไร...อย่าลงโทษพระชายาเลย...”
ถ้าหากม่อเวิ่นเฉินมิได้นึกไปถึงว่าผู้ที่อยู่หลังประตูในวันนั้นเป็ซูฉีฉีแล้วในเวลานี้เขาจะต้องคิดพิจารณาถึงเหตุการณ์นี้อย่างรอบคอบเป็แน่
แต่เมื่อเขาคิดไปถึงว่าซูฉีฉีนั้นได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับเหลยอวี๊เฟิงแล้วด้วยนิสัยของนางจะต้องไม่ยอมปล่อยเื่นี้ไปอย่างแน่นอนนางทำเื่อย่างนี้ขึ้นนั้นเป็การกระทำที่สมเหตุสมผลเป็อย่างยิ่ง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมิได้คิดอะไรมากนัก
ม่อเวิ่นเฉินกอดฮวาเชียนจือไว้แน่นั้แ่ต้นจนจบนั้นก็มิได้หันไปมองซูฉีฉีแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนจะสบถออกมาเสียงเย็น “ให้นางกลับไปที่โรงซักล้างดั่งเดิมก็แล้วกัน”
เมื่อคิดว่าซูฉีฉีได้ทำเื่เช่นนี้ขึ้นใจของเขาก็เ็ปมากเช่นกัน แม้ว่าเขาจะมิได้ทำอะไรให้นางมากมายดั่งเช่นที่นางทำทว่าเพื่อซูฉีฉีเขาเองก็ได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปมากมาย
ท้ายที่สุดแล้วระหว่างพวกเขาแม้แต่ความเชื่อใจเพียงน้อยนิดก็ยังไม่มี
วันนี้ที่เหลยอวี๊เฟิงเอ่ยออกมานั้นเขาก็ทำเพียงแค่ตอบกลับตามนั้นเท่านั้นถ้าหากพูดว่าเมื่อตอนเริ่มแรกนั้นเป็เพราะว่าการพนัน ตอนนี้ก็เหลือเพียงเพราะว่าเขารู้สึกหวั่นไหวกับนางไปตั้งนานแล้ว
ที่แลกกลับมานั้นกลับไม่ใช่ความรักที่ลึกซึ้งแต่กลับเป็ความไม่เชื่อใจ
“ม่อเวิ่นเฉิน” ในที่สุดซูฉีฉีก็ไม่อาจนิ่งเงียบต่อไปได้อีก
ม่อเวิ่นเฉินที่โอบฮวาเชียนจือขณะเดินไปด้านหน้านั้นหยุดฝีเท้าลงทว่ายังคงไม่หันกลับมา
ซูฉีฉีนั้นค่อยๆ ก้าวเท้าไปด้านหน้า นางรู้สึกว่าเท้าของตนนั้นทุกย่างก้าวนั้นหนักอึ้งลมพัดอย่างแรงทำให้ร่างกายของนางโคลงเคลงเล็กน้อยเมื่อไหร่กันที่นางนั้นอ่อนแอจนต้านทานไม่ได้แม้แต่แรงของลมพัดกัน
นางยิ้มออกมาอย่างเ็ป ก่อนจะยืนอยู่เบื้องหน้าม่อเวิ่นเฉิน “ดาบเสวียนหยวนของท่านไม่อยากได้แล้วหรือ?”
เมื่อเื่มาถึงขั้นนี้เหตุใดจึงไม่พูดทั้งหมดออกมาให้ชัดเจนกัน ในเมื่อเขามิเชื่อใจในตัวนางอธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เดิมคิดว่าหลังจากนี้สองสามีภรรยาจะได้อยู่รักใคร่กันจนแก่เฒ่าแต่ท้ายที่สุดแล้วกลับเป็เพียงแค่การพนัน เป็แค่การเล่นละครเท่านั้น
ร่างของม่อเวิ่นเฉินนิ่งเกร็งขึ้น ดวงตาสีดำสนิทที่นิ่งเรียบไร้อารมณ์ของเขานั้นก็จมลึกลงไปมากขึ้นก่อนจะมองซูฉีฉีอย่างเ็า ในที่สุดนางก็พูดเื่ทั้งหมดออกมา
และเพราะว่าเื่เหล่านี้ นางถึงได้กระทำต่อฮวาเชียนจืออย่างโหดร้ายเช่นนี้กระมัง
นางไม่ได้มองไปที่ม่อเวิ่นเฉินแต่กลับมองไปที่ฮวาเชียนจือ “ดีมาก เ้าชนะแล้วทว่าสักวันหนึ่งเ้าจะต้องเสียใจ”
ตอนนี้หัวใจของนางนั้นได้ตายไปแล้วทว่านางกำลังพยายามบังคับตัวเองให้เผชิญหน้าต่ออย่างกล้าหาญ จากนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อเตรียมหมุนตัวจากไป
โรงซักล้างแล้วอย่างไรครั้งนี้นางจะไม่จมอยู่กับความเศร้าโศกอีก นางจะต้องตั้งสติให้ดี
“อ๊า...”
ในขณะที่นางหมุนตัวนั้นฮวาเชียนจือที่อยู่ในอ้อมกอดของม่อเวิ่นเฉินก็ส่งเสียงร้องอย่างเ็ปออกมา เข็มทองที่เด่นเป็สง่าเล่มหนึ่งได้ปักเข้าไปบนลำคอของฮวาเชียนจือแล้ว
“ซูฉีฉี”ม่อเวิ่นเฉินหลุบตาลงต่ำขณะะโออกมาอย่างมีโทสะและก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เข็มทองนั้นมีเพียงซูฉีฉีเท่านั้นถึงจะมีได้
หลังจากที่ฮวาเชียนจือกรีดร้องอย่างเ็ปแล้วกลับยิ้มเย็นออกมาเมื่อเห็นว่าม่อเวิ่นเฉินกำลังจ้องไปที่ซูฉีฉีรอยยิ้มนั้นไม่มีผู้ใดเห็น ทันใดนั้นก็มีมีดสั้นปรากฎขึ้นในมือของนางก่อนที่จะออกแรงแทงไปทางซูฉีฉีที่อยู่เบื้องหน้า
ซูฉีฉีนั้นไม่รู้ว่าเหตุใดม่อเวิ่นเฉินถึงมีโทสะขึ้นมากะทันหันในวินาทีที่นางหมุนตัวนั้นก็เห็นมีดสั้นกำลังพุ่งมาทางตนเข็มทองที่อยู่ในมือนั้นก็ถูกซัดออกไปอย่างไม่ลังเล
“พี่เวิ่นเฉิน ช่วยข้าด้วย” ฮวาเชียนจือร้องออกมาอย่างโหยหวนอีกครั้งมีดสั้นที่กำอยู่ในมือนั้นได้ถูกเก็บไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของม่อเวิ่นเฉินมีประกายปรากฎขึ้นแวบหนึ่งก่อนจะสะท้อนเห็นเพียงเข็มทองในมือของซูฉีฉี เขาคิดที่จะใช้มือรับทว่าดาบที่อยู่ในมือนั้นกลับยกขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ
เขารู้ถึงความโหดของซูฉีฉีกระทั่งกับเขาแล้วยังทำเช่นนี้ นับประสาอะไรกับศัตรูเพราะฉะนั้นเขาเองก็มิได้คิดอะไรมากนัก และในขณะที่ดาบได้ถูกยกขนานขึ้นนั้นฮวาเชียนจือก็ขยับร่างกายของตนเบาๆ ทำให้ข้อมือของม่อเวิ่นเฉินก็ขยับตามไปด้วย...
“อ๊ะ...”ซูฉีฉีร้องออกมาอย่างเ็ปเบาๆเข็มทองในมือได้ทิ่มเข้าไปบนแขนของม่อเวิ่นเฉินแล้วและในขณะเดียวกันนั้นดาบในมือของม่อเวิ่นเฉินเองก็ได้แทงเข้าทะลุหัวใจของตน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้