มองจากไกลๆ จะพบหมอกหนาพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า! แม้อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ก็ยังสามารถััได้ถึงไอร้อนระอุในอากาศ!
ความปีติยินดีฉายอยู่ในดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋น!
พลังความร้อนระอุของไฟใต้พิภพนั้น มีส่วนช่วยไม่น้อยต่อพลังหยางที่เขา้าสำหรับการสร้างรากฐานร้อยวัน แม้ว่าจะไม่บริสุทธิ์เทียบเท่ากับพลังจากดวงอาทิตย์ในยามรุ่งอรุณ แต่ก็มีปริมาณที่มากกว่า ตราบเท่าที่อยู่ในนั้นก็จะสามารถดูดซับและรวบรวมพลังได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความช่วยเหลือของพลังไฟจากใต้พิภพ จะทำให้เวลาในการสร้างรากฐานร้อยวันสั้นลง!
“ลุงเฉวียน ูเาไฟลูกนี้ยังปะทุอยู่หรือ?”
“นายน้อย นี่เป็เพียงเศษซากเท่านั้น ตอนที่เกิดการปะทุรุนแรงที่สุด รัศมีร้อยลี้โดยรอบแทบไม่สามารถย่างกรายเข้าไปใกล้ได้เลย!” หลี่เฉวียนตอบด้วยความเคารพ!
ระหว่างทาง เขาได้เห็นท่าทีของคุณชายสี่จากจวนชิวอ๋อง และผู้าุโจ้าวจากสำนักิญญาเมฆาที่มีต่อนายน้อยของตนเองแล้ว หลังจากที่ได้ทราบเื่ความเป็อัจฉริยะของนายน้อยในสำนัก หลี่เฉวียนที่ก่อนหน้านี้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อยที่ทางตระกูลส่งตนเองมาที่สำนักิญญาเมฆาเพื่อแจ้งเื่การยกเลิกการหมั้นหมายกับ ‘นายน้อยที่ไร้ความสามารถ’ ของตระกูลว่าน ทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดไปโดยสิ้นเชิง!
นายน้อยไร้ความสามารถงั้นหรือ? ขยะชั้นสองชั้นสามงั้นหรือ? นี่มันคำใส่ร้ายป้ายสีนายน้อยของพวกเราโดยพวกคนโง่ตามืดบอดชัดๆ
นายน้อยคือสุดยอดอัจฉริยะที่จะปรากฏตัวสักครั้งในรอบหมื่นปีต่างหาก!
การมีคุณชายสี่จากจวนชิวอ๋องและผู้าุโจ้าวจากสำนักกระบี่ิญญาเมฆาติดตามมาด้วยเช่นนี้ ต่อให้เป็ตระกูลหลิ่ว ตระกูลหวัง หรือจวนเจิ้งอ๋องก็อย่าคิดฝันเลยว่าจะเข้ามายึดครองูเาไฟิญญาและทะเลสาบิญญาของตระกูลเซียวเราไปได้!
หลี่เฉวียนทั้งรู้สึกกระฉับกระเฉง ทั้งเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ แผ่นหลังแข็งแรงยืดตรงผึ่งผาย นำทางให้ทั้งสามท่านมายังที่นี่โดยไม่ติดขัดอะไร เมื่อนายน้อยของตนเองพูดว่าจะยังไม่กลับไปที่จวนทันที แต่จะไปยังจุดทีู่เาไฟปะทุก่อน!
เดิมทีทะเลสาบเถี่ยซีนั้นจะถูกล้อมรอบด้วยูเาทั้งสี่ด้าน และมีถนนใหญ่สองเส้นทิศเหนือกับทิศใต้ รวมถึงถนนเส้นเล็กหลายสายที่สามารถใช้ไปถึงทะเลสาบใหญ่บนยอดเขาได้โดยตรง แต่หลังจากเกิดเหตุูเาไฟปะทุ เถ้าและหินูเาไฟจำนวนมากที่พุ่งออกมาเป็วงกว้างก็ไม่เพียงแต่จะทำให้บริเวณสันเขาโดยรอบสูงขึ้นอีกหลายร้อยจั้งเท่านั้น ยังฝังกลบและปิดถนนทั้งถนนเส้นใหญ่ทางทิศเหนือและถนนเส้นเล็กหลายสายอีกด้วย ทำให้ตระกูลเซียวต้องใช้แรงงานคนจำนวนมากและใช้เวลาถึงครึ่งเดือนกว่าเพื่อจัดการให้ถนนเส้นทิศใต้กลับมาใช้งานได้โดยไว!
ทั้งคนและม้าทั้งสี่กำลังจะวิ่งมาถึงทางขึ้นเขาถนนเส้นทิศใต้ตรงเชิงเขา ซึ่งห่างจากปากทางเข้าแค่หกสิบเมตร “หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงะโดังขึ้น ชายร่างกำยำสองคนกระโจนออกมาจากศาลาพักที่ถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายตรงปากทางเข้า!
“กุบกับ กุบกับ!” เซียวหลิงอวิ๋นที่ขี่ม้าเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ไม่หยุดเพราะเสียงะโของอีกฝ่ายแต่อย่างใด!
ตลอดทางที่ผ่านมา จ้าวเหวินจัวและชิวเทียนฉี่ค่อยๆ ชินกับการที่มีเซียวหลิงอวิ๋นนำหน้าแล้ว! ในเมื่อเซียวหลิงอวิ๋นไม่หยุด ทั้งคู่ก็ไม่สนใจเช่นกัน ขี่ม้าเคียงข้างเซียวหลิงอวิ๋นขนาบทั้งทางซ้ายและขวา สามคนกับม้าสามตัวเดินเคียงข้างกัน ทำให้หลี่เฉวียนรู้สึกลังเลเล็กน้อย ก่อนจะขี่ม้าตามไปโดยทิ้งระยะห่างห้าเมตร!
ดวงตาของชายร่างกำยำทั้งสองฉายความดุร้ายออกมา หากไม่ใช่เพราะผู้มาเยือนทั้งหมดขี่ม้าเกล็ดดำที่หาได้ยากในแคว้นมู่อวิ๋น รวมถึงท่าทีที่สงบนิ่งและเยือกเย็นของทั้งสามแล้ว หากเป็คนกลุ่มอื่น พวกเขาก็คงจะด่าทอเสียงดังและขับไล่อีกฝ่ายออกไป!
“พวกเ้าทั้งสี่ ูเาจิงหั่วหลิงซานแห่งนี้ถูกตระกูลหลิ่วของพวกเรา รวมถึงจวนเจิ้งอ๋อง ตระกูลโจว ตระกูลเจียง และตระกูลโหวอีกหลายตระกูลเข้ายึดครองแล้ว นอกจากคนของพวกเราทั้งหกตระกูล บุคคลภายนอกห้ามเข้ามาเด็ดขาด!” ชายร่างกำยำทางซ้ายพูดอย่างโอหัง!
ตระกูลหลิ่วร่วมมือกับจวนเจิ้งอ๋องและกลุ่มทรงอำนาจรวมหกกลุ่มร่วมกันเข้ายึดครองูเาลูกนี้ไว้ นอกจากราชวงศ์แล้ว เขาไม่คิดว่าจะมีตระกูลอ๋องหรือตระกูลโหวใดในแคว้นมู่อวิ๋นแห่งนี้กล้าเข้ามาแย่งชิงอีก!
นี่จึงเป็อีกเหตุผลหนึ่งที่ถึงแม้พวกเขาจะมองออกว่าเซียวหลิงอวิ๋นกับคนอื่นๆ นั้นไม่ธรรมดา แต่ก็ยังคงความโอหังอย่างเต็มเปี่ยม
ูเาจิงหั่วหลิงซาน? ดูเหมือนจะตั้งชื่อใหม่ตามหินผลึกไฟ(จิงหั่ว) อย่างนั้นสินะ!
“เอ๋ ไม่ใช่ว่าที่นี่เป็พื้นที่ของเซียวโหวหรอกหรือ? ทั้งหกตระกูลที่ว่า รวมถึงเซียวโหวด้วยหรือไม่?” เซียวหลิงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามกลับ
“ฮ่าๆๆ ตระกูลเซียวหรือ? ตระกูลเซียวไม่อยู่ในนั้นอยู่แล้ว ูเาจิงหั่วหลิงซานนี้เป็สิ่งที่ตระกูลเซียวโหวขายให้พวกเราทั้งหกตระกูลโดยสมัครใจ!” ชายร่างกำยำหัวเราะเยาะเซียวโหว!
ขายให้โดยสมัครใจงั้นหรือ? น่าขัน น่าจะถูกบังคับให้ขายมากกว่า! เซียวหลิงอวิ๋นพูดประชดประชันในใจ!
เมื่อยืนยันได้แล้วว่าไม่มีคนของตระกูลเซียวอยู่ในูเาลูกนี้!
เซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่คิดจะเสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป!
จึงหันไปทางจ้าวเหวินจัวและกล่าว “ท่านลุงจ้าว ครั้นข้าจัดการกับคนที่อยู่ตรงปากทางพวกนี้เสร็จ ท่านลุงก็เริ่มลงมือได้เลย”
จ้าวเหวินจัวล้วงมือไปหยิบธงเล็กเก้าผืนในแขนเสื้อของเขาออกมาแล้วพยักหน้า “อืม!”
“ส่วนลุงเฉวียน รออยู่ข้างนอกนี่แหละ ฝากดูแลด้วย” เซียวหลิงอวิ๋นลงจากหลังมาโดยที่ไม่หันหน้ากลับมา!
“รวมม้าของข้าด้วย!” ชิวเทียนฉี่มองไปยังหลี่เฉวียนที่อยู่ด้านหลังและยิ้มกว้าง จากนั้นก็ลงจากหลังม้าด้วยเช่นกัน เดินตามหลังเซียวหลิงอวิ๋นไป!
“เฒ่าชิว หากมีผู้ใช้พลังิญญาหลงหน้ามืดตามัวเข้ามาแทรกแซง ก็จัดการมันให้พิการไปเลย!” จ้าวเหวินจัวกล่าว!
“ฮ่าๆๆ เฒ่าจ้าว วางใจข้าได้เลย... จะไม่ให้เสียชื่อสำนักของตนเองแน่นอน!” ชิวเทียนฉี่หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกำหมัดแน่นทั้งสองข้างจนเกิดเสียงดังกร๊อบแกร๊บ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง!
สีหน้าของชายร่างกำยำทั้งสองเปลี่ยนไป!
พวกเขากล่าวอ้างถึงชื่อของตระกูลโหวและเจิ้งอ๋องไปแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงแต่จะไม่ถอย กลับลงจากหลังม้าและเดินตรงมาเข้ามาแทน! ยิ่งเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างคนแซ่จ้าวกับคนแซ่ชิวแล้ว ทั้งคู่ต่างก็ใมาก และกำลังจะหันหลังกลับ!
“ฟิ่ว!” เซียวหลิงอวิ๋นพุ่งตัวออกไปราวกับเสือดาวตัวหนึ่ง!
“เปรี้ยงๆ!” เสียงกำปั้นกระแทกเนื้อดังขึ้นสองครั้งซ้อน ชายร่างกำยำทั้งสองคนราวกับผ้าขี้ริ้วที่ถูกโยนขึ้นไปในอากาศ ลอยละลิ่วปลิวไปถึงสามเมตรก่อนที่จะตกลงมา พ่นเืออกมาสองคำโต ศีรษะเอียงพับไปด้านหนึ่งแล้วหมดสติไป!
กำปั้นเพียงสองหมัดสามารถซัดนักยุทธ์ระดับเจ็ดสองคนจนกระอักเืและหมดสติ!
ตัวของเซียวหลิงอวิ๋นนั้นว่องไวปานสายฟ้า พุ่งตัวไปยังศาลาตรงปากทางเข้า!
พบว่ายังมีอีกสี่คนที่อยู่ในศาลา
เป็นักยุทธ์ระดับเจ็ดสามคน และนักยุทธ์ระดับเก้าหนึ่งคน!
ผู้ที่อยู่ที่ศาลานี้เพื่อคอยเฝ้าทางเข้าทั้งหกคนมาจากจวนเจิ้งอ๋อง ตระกูลหลิ่ว ตระกูลหวัง ตระกูลหลิว ตระกูลโจว และตระกูลเจียง ทั้งห้าตระกูลโหว แต่ละตระกูลจะส่งคนมาคอยเฝ้าหนึ่งคน
นักยุทธ์ระดับเก้าจากจวนเจิ้งอ๋องคำรามออกมาเสียงดัง จากนั้นก็ชักดาบยาวออกมา พร้อมกับเรียกอีกสามคนที่เหลือให้ะโออกมาจากศาลาด้วยกัน
เซียวหลิงอวิ๋นใช้ก้าวลวงิญญาเพื่อหลบหลีกการฟันด้วยดาบยาวของนักยุทธ์ระดับเก้าซึ่งพุ่งเข้าหาเขาเป็คนแรก แล้วตัวของเขาก็ลอยผ่านอีกฝ่ายไปราวกับปุยฝ้าย “ชิ้ง” พร้อมด้วยเสียงชักดาบดังก้องกังวาน ดาบใหญ่เหล็กดำถูกชักออกจากฝักแล้วพุ่งเข้าไปหาทั้งสามคนที่อยู่ข้างหลังทันที!
ทั้งสามคนได้เห็นสภาพน่าสยดสยองของพวกพ้องไปแล้ว เมื่อเห็นเซียวหลิงอวิ๋นพุ่งเข้ามา พวกเขาต่างก็ไม่กล้าชะล่าใจ ทั้งหมดเปล่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกัน แล้วดาบยาวสองเล่มกับอีกหนึ่งง้าวก็ฟันลงไปที่ศีรษะของเซียวหลิงอวิ๋น!
รอยยิ้มเย็นะเืปรากฏขึ้นที่มุมปาก เซียวหลิงอวิ๋นไม่หลบไปไหน! มือซ้ายเปล่งแสงสีเขียวออกมา คว้าง้าวที่ฟันเข้ามาอย่างรุนแรงเอาไว้ได้ ส่วนมือขวาก็ฟาดฟันดาบใหญ่ออกไป จนเกิดเสียงดัง ‘โช้งเช้ง’ สองครั้ง ดาบใหญ่เหล็กดำฟันกับดาบยาวของอีกฝ่ายจนหักเป็สองท่อนทันที ดาบยังคงพุ่งต่อไปจนเกิดเสียงดัง ‘ฉัวะๆ’ ขึ้นสองครั้ง แล้วปลายดาบก็พุ่งผ่านร่างของชายฉกรรจ์ทั้งสองคนจนถูกผ่ากลายเป็สี่ท่อน เืพุ่งกระฉูดออกมาเป็สาย!
‘ปึก!’ ราวฟันลงบนแผ่นหนังเหนียวๆ ชายฉกรรจ์ที่ฟันดาบง้าวต้องใเมื่อพบว่าดาบง้าวอันคมกริบของตนเองกลับทิ้งเอาไว้เพียงรอยบุ๋มตื้นๆ ที่ิับนมือที่เปล่งแสงสีเขียวของอีกฝ่าย!
เสี้ยววินาทีต่อมา ก่อนที่ใบดาบจะถูกยกขึ้น อีกฝ่ายก็กำนิ้วมือทั้งห้าเข้าหากัน นักยุทธ์ผู้นี้รู้สึกได้ว่าดาบง้าวในมือของตัวเองถูกจับยึดไว้แน่นราวกับถูกคีมเหล็กหนีบ ดึงอย่างไรก็ไม่ออก!
ทันทีที่ความใแวบเข้ามาในหัว และกำลังจะปล่อยมือแล้วหนีไป ขาข้างหนึ่งพลันเตะเข้าที่ท้องของตัวเองอย่างแรง ในขณะที่กำลังเปล่งเสียงร้องโอดโอยออกมา ชายฉกรรจ์ระดับเจ็ดผู้นี้ก็มีอาการเกร็งที่ใบหน้า ลอยถอยหลังกระเด็นไปไกลถึงแปดเมตรก่อนจะลงไปคุกเข่ากับพื้น เซียวหลิงอวิ๋นหมุนดาบใหญ่ในมือขวาแล้วฟาดลงไปที่ดาบง้าวในมือซ้าย ดาบง้าวก็ลอยเป็เส้นโค้งในอากาศ พร้อมกับเสียงดัง ‘ฉัวะ’ ชายฉกรรจ์ระดับเจ็ดที่คุกเข่าอยู่ตรงพื้นศีรษะหลุดกระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศ!
เซียวหลิงอวิ๋นหันหลังกลับมา มองไปที่นักยุทธ์ระดับเก้าซึ่งกำลังเงื้อดาบเข้ามาสังหารเขาด้วยสายตาเย็นะเืราวของมีคม!
เมื่อสายตาของทั้งคู่สอดประสานกัน นักยุทธ์ระดับเก้าก็ใจสั่นและหยุดก้าวเดินอย่างกะทันหัน! สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นซากศพของพวกพ้องทั้งสามคนที่ตายอย่างน่าสยดสยอง ทำให้เกิดความกลัวที่ไม่อาจควบคุมได้แผ่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเขา!
นักยุทธ์ระดับเจ็ดสามคนที่อยู่ตรงหน้า ถูกเด็กหนุ่มคนนี้ฆ่าตายภายในเวลาเพียงสามชั่วอึดใจเท่านั้น ชั่วขณะต่อมา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัวก็เบิกกว้างอย่างกะทันหัน เด็กหนุ่มคนนี้... น่าจะมีพลังยุทธ์แค่ระดับหกเท่านั้น เขาทำได้อย่างไร?
“กลัวแล้วหรือ? ในเมื่อกล้าจะแย่งูเาิญญาและทะเลิญญาของคนอื่นไป ก็ควรเตรียมใจที่จะถูกต่อต้านและสังหารเสีย ตายไปเป็เพื่อนกับคนอื่นๆ ซะ!” คำพูดของเซียวหลิงอวิ๋นยังคงก้องอยู่ในอากาศ เท้าของเขาถีบพื้นลงไปเพื่อร่นระยะเข้าใกล้จนเหลือแค่หนึ่งชุ่น แล้วใช้ดาบใหญ่เหล็กดำในมือแทงไปที่อีกฝ่าย!
นักยุทธ์ระดับเก้ารู้สึกได้เพียงว่าภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด ไม่ทันไรอีกฝ่ายก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ใบดาบยังมีคราบเืของพวกพ้องของเขาติดอยู่ สะท้อนแสงสีเืภายใต้แสงแดดยามบ่ายอย่างน่าพิศวง ทั้งเงาและแสงสลับกันไป ทำให้ตาของเขาพร่ามัวไปหมด
ด้วยกระบวนดาบที่รวดเร็วมาก ทำเอาเหงื่อกาฬผุดขึ้นมาที่หน้าผาก เขารีบถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็ฟาดฟันดาบยาวในมือออกไป เมื่อเผชิญหน้ากับการแทงครั้งนี้ นักยุทธ์ระดับเก้าคิดว่าตัวเองคงไม่มีทางหนีรอดแล้วอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เดิมพันด้วยชีวิตของตนเอง ต่อให้ตนจะถูกแทงทะลุหัวใจก็ตาม ก่อนตายก็จะต้องฟันอีกฝ่ายให้ขาดเป็สองท่อนให้จงได้!
เซียวหลิงอวิ๋นหมุนข้อมือตัวเอง ปลายดาบใหญ่ก็จู่ๆ ก็มุดลงไป ตัวของเขากระเด้งลอยขึ้นไปในอากาศ หัวชี้พื้น เท้าชี้ฟ้า ตีลังกาในอากาศหนึ่งรอบเพื่อหลบการฟาดฟันที่รุนแรงของอีกฝ่าย แสงดาบพุ่งไปราวกับสายฟ้า ชี้ไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย!
กระบวนท่าของเซียวหลิงอวิ๋นในครั้งนี้ทำให้ชิวเทียนฉี่ที่อยู่ด้านหลังถึงกับเบิกตากว้าง!
ยอดเยี่ยมมาก ท่านี้เป็ท่าที่พัฒนามาจากการหลบหลีกการโจมตีด้วยอาคมสามนัดรวด ในการทดสอบทดสอบความเร็วขั้นที่สองในวันแรกของงานประลองใหญ่นี่นา เ้าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถฝึกฝนทักษะการต่อสู้จนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!
ดาบยาวแม้ฟาดโดนแต่อากาศ แต่ก็ทำให้นักยุทธ์ระดับเก้ารู้สึกเย็นวาบขึ้นในใจทันที แย่แล้ว! เมื่อเผชิญกับกระบวนดาบแปลกประหลาดที่พุ่งมาจากเหนือหัวเช่นนี้ ทำให้เขาไม่มีเวลาป้องกันได้อีก ต้องรีบหมอบลงไป แล้วอาศัยแรงเฉื่อยของดาบยาวที่ฟาดไปอากาศ หมอบลงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!
แต่เซียวหลิงอวิ๋นที่ลอยอยู่ในอากาศราวกับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ดาบใหญ่เหล็กดำในมือของเขาก็พุ่งออกจากมือไปทันที พร้อมกับเสียง ‘ฉึก’ ที่ดังขึ้น ใบดาบของดาบใหญ่แทงทะลุศีรษะนักยุทธ์ระดับเก้า แล้วตรึงเขาเอาไว้กับพื้น
ในขณะเดียวกัน ตัวเซียวหลิงอวิ๋นก็ร่อนลงมายืนที่พื้นอย่างสง่างาม เดินไปที่ด้านหลังของนักยุทธ์ระดับเก้า ดึงดาบใหญ่เหล็กดำออกมา เช็ดคราบไขมันสมองที่อยู่บนใบดาบด้วยเสื้อ แล้วเดินผ่านศาลาขึ้นไปบนูเาอย่างรวดเร็ว!
ฆ่าคนหกคนติดต่อกัน ใช้เวลาแค่เพียงสิบกว่าชั่วอึดใจเท่านั้น ในระหว่างนั้นทั้งความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่เหนือชั้น และความแม่นยำในการชิงความได้เปรียบ ทำให้ชิวเทียนฉี่ที่อยู่ด้านหลังทั้งรู้สึกทึ่งและตกตะลึงอย่างมาก!
เซียวหลิงอวิ๋นในการประลองรอบสิบคนของสำนัก ได้ทำให้ผู้าุโหลายคนต้องประหลาดใจมาแล้ว แต่ชิวเทียนฉี่ไม่คาดคิดว่าในสนามรบเืเช่นนี้ การต่อสู้ของเซียวหลิงอวิ๋นนั้นจะน่าประทับใจยิ่งกว่า!
เ้าหนุ่มคนนี้เป็นักยุทธ์โดยกำเนิด เมื่อใดที่เขาเปิดเส้นลมปราณได้สำเร็จและกลายเป็ผู้ใช้พลังิญญา ตัวเขาก็จะกลายเป็ผู้ใช้พลังิญญาโดยกำเนิด ที่จะทำให้ศัตรูต้องรู้สึกหนาวสั่นอย่างแน่นอน!
ด้วยพลังการต่อสู้ของหลิงอวิ๋นเวลานี้ ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ใช้พลังิญญา แต่เป็นักยุทธ์ระดับเก้าสองถึงสามคน ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรสำหรับเขาเลย!
หลังจากหายใ ชิวเทียนฉี่ก็ก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ด้วยความโล่งอก
แล้วเดินตามเซียวหลิงอวิ๋นขึ้นเขาไปด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย!
