ลั่วหยิ่งและคนอื่นๆ เหงื่อตก
“เหนียงเหนียง ของขวัญที่มอบให้ผู้อื่นไปแล้วไหนเลยจะเรียกคืนเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ” ลั่วหยิ่งพูดแล้วเดินไปทางเซวียนหยวนเช่อเพื่อขอที่พึ่งพิง
องครักษ์อีกหกคนเห็นเช่นนั้นต่างก็เดินไปทางนั้นเช่นเดียวกัน
เฟิ่งเฉี่ยนถลึงตามองคนทั้งเจ็ดคนด้วยโทสะ กระทั่งประสานสายตากับดวงตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของเซวียนหยวนเช่อ นางจึงได้แต่ระงับโทสะทั้งที่ไม่เต็มใจ
เฮอะ ช่างเป็การแกว่งเท้าหาเสี้ยนจริงๆ!
หลุมพรางที่ตนเองขุดเอาไว้ ต่อให้ร้องไห้ก็ต้องะโลงไป!
รับเงินทอนคืนมาพร้อมกับหอบสิ่งของที่จับจ่ายซื้อไปกองพะเนิน คนทั้งหมดจึงเดินกลับไปขึ้นรถม้า
ระหว่างทางเฟิ่งเฉี่ยนดึงตัวลั่วหยิ่งไว้กระซิบกระซาบถาม “ประหลาดนัก! ข้าเป็ฮองเฮา ไฉนจึงมีเงินน้อยเช่นนี้ เช่นนั้นบรรดาเหม่ยเหรินในวังมิใช่ได้น้อยกว่าข้าอีกหรือ เช่นนั้นบนตัวพวกนางไฉนจึงมีเครื่องประดับทองหยกใส่เต็มตัวเล่า”
ลั่วหยิ่งมองนางด้วยแววตาประหลาด ดูเหมือนนางถามคำถามที่ไร้สมอง “ย่อมต้องเป็สิ่งของที่ฝ่าาทรงประทานให้พ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนพูดอย่างไม่เข้าใจ “เช่นนั้นเหตุใดข้าจึงไม่มีเล่า”
ลั่วหยิ่งหางตากระตุก พูดทั้งไม่เต็มใจว่า “เหนียงเหนียงไม่รู้จริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยน “รีบพูดมา! หากข้ารู้จะถามเ้าหรือ”
ลั่วหยิ่งไอแค่กๆ และตอบด้วยความระมัดระวัง “นั่นเป็เพราะ...เหนียงเหนียงมักจะไม่เป็ที่โปรดปรานเมื่ออยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ฝ่าาเสมอ”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วแน่น
เขาพูดความจริงนะ!
เมื่ออยู่เบื้องพระพักตร์ฝ่าา ฮองเฮามักจะไม่เป็ที่ชื่นชอบของฝ่าาเสมอ หากได้ประทานรางวัลจึงจะแปลก!
แม้จะได้รับความะเืใจอยู่บ้าง แต่นางยังคงขอคำชี้แนะอย่างคนร้อนตัว “เช่นนั้นเหม่ยเหริน[1]เ่าั้ได้รางวัลได้อย่างไรกัน”
ลั่วหยิ่งใคร่ครวญแล้วตอบว่า “ลี่เหม่ยเหรินมีความเชี่ยวชาญเื่การร่ายรำ ทุกครั้งที่จัดงานเลี้ยงในวังนางมักจะโดดเด่นเหนือผู้อื่น ดังนั้นจึงได้พระราชทานรางวัลมากที่สุด อินเหม่ยเหรินน้ำเสียงไม่เลว ได้พระราชทานรางวัลไม่น้อยเช่นกัน ยังมีหรงเหม่ยเหริน นางเล่านิทานเป็ มักจะทำให้ไทเฮาหัวเราะฮ่าๆ เสมอ ดังนั้นนางมักจะได้รางวัลอยู่เป็ประจำ ยังมี...”
ได้ยินลั่วหยิ่งร่ายยาวเป็หางว่าว เฟิ่งเฉี่ยนสรุปได้ว่า คิดจะทำให้ฝ่าาทรงพระเกษมสำราญ อยากได้รางวัลที่ฝ่าาประทานให้ก็ต้องมีความสามารถหลากหลาย ชัดเจนเหลือเกินว่านี่นอกจากขายศิลปะแล้วยังต้องขายร่างกายด้วย!
บรรดาเหม่ยเหรินในยุคสมัยโบราณช่างน่าขมขื่นนัก มีชีวิตเฉกเช่นนกน้อยในกรงทองของวังหลวงอันหรูหรา แต่สิ่งที่ต้องทำกลับไม่ต่างอะไรกับหญิงคณิกาในหอโคมเขียว ช่างไม่มีศักดิ์ศรี!
“เหนียงเหนียง หากท่านปรารถนาจะได้รับรางวัล ทางที่ดีที่สุดก็โอนอ่อนผ่อนตามฝ่าาสักหน่อย อย่างัดข้อกับฝ่าาอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ” ลั่วหยิ่งพูดด้วยเจตนาดี
เฟิ่งเฉี่ยนกลับเลิกคิ้วไม่ยี่หระ “ไม่ทำตัวเหลวไหลเมื่อมียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์แม้ตกอับยากจน ไม่ยอมสยบต่ออำนาจและอิทธิพล! เปิ่นกงจะลดตัวลงไปเพื่อเงินจำนวนน้อยนิดได้อย่างไร”
ลั่วหยิ่งประสานมือเป็หมัด “เหนียงเหนียงท่านช่างเป็ผู้มีอุดมการณ์ยิ่งนัก! กระหม่อมเลื่อมใสพ่ะย่ะค่ะ! เพียงแต่เกรงว่าชีวิตของเหนียงเหนียงจะค่อนข้างลำบากในสองปีข้างหน้านี้”
คิดมาถึงตรงนี้ เฟิ่งเฉี่ยนพลันรู้สึกว่าอนาคตของตนนั้นแสนจะมืดมน แต่ในชั่วพริบตาก็กระแอมกระไอแล้วพูดว่า “แน่นอนละ ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ ต้องเข้มงวดกับตนเองเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคและลบล้างการถูกหยามเกียรติ! เช่นนั้นตามที่เ้าเห็น เปิ่นกงควรทำเช่นไรจึงจะได้รับรางวัลภายในเวลาเร็วที่สุดหรือ”
ลั่วหยิ่งถึงกับงงงัน...เหนียงเหนียง จริยธรรมของท่านหล่นหายเสียแล้ว!
บทสนทนาของคนทั้งสองถูกเซวียนหยวนเช่อที่ยืนอยู่เบื้องหน้าได้ยินหมดทุกประโยค มุมปากของเขายกขึ้นเป็รอยยิ้ม
เฟิ่งเฉี่ยนขึ้นมาบนรถม้า ยังไม่ทันรอให้เซวียนเหยียนเช่อนั่งลง นางก็พุ่งเข้าไปข้างหน้าขวางเขาเอาไว้ “ช้าก่อน!”
เซวียนหยวนเช่อชะงักงัน เขาขมวดคิ้วมองนาง เห็นนางหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อเพื่อเช็ดที่นั่งของเขาอย่างขะมักเขม้นจากนั้นหันมายิ้มตาหยีกับเขา “เสร็จแล้ว เช็ดสะอาดแล้ว! ฝ่าา ท่านนั่งได้แล้ว!”
เซวียนหยวนเช่อถลึงตาใส่นาง นี่คือวิธีการประจบเพื่อให้ได้รางวัลจากเขาหรือ
เฟิ่งเฉี่ยนลอบดูแคลนตัวเองที่ต้องมาประจบสอพลอ แต่เพื่อเงินแล้วนางตัดสินใจที่จะพยายาม ถือเสียว่าเป็การเอาใจ บอส ก็แล้วกัน
“ฝ่าา ท่านร้อนหรือไม่”
“ฝ่าา ท่านหนาวหรือไม่”
“ฝ่าา ท่านกระหายน้ำหรือไม่”
“ฝ่าา ท่านหิวหรือไม่”
“ฝ่าา ข้าร้องเพลงให้ท่านฟังดีหรือไม่”
“...เห็นทางรถไฟ มาถึงทะเลแม่น้ำนับหมื่นลี้ ข้ายืนอยู่บนคลื่นน้ำคว้าจันทร์ หวังเพียงโลกมนุษย์มีสันติสุข ข้าอยากจะมีชีวิตต่ออีกห้าร้อยปี...ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกห้าร้อยปี...ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกห้าร้อยปีจริงๆ...”
ดังนั้น ภายในรถม้าจึงมีเสียงร้องเพลงดังออกมาเรื่อยๆ ลั่วหยิ่งและองครักษ์อีกหกคนถูกทรมานจนแทบไม่อาจเดินให้ตรงทางได้ ทั้งคนและรถม้าต่างเดินคดไปเคี้ยวมา กระทั่งภายในรถม้าบังเกิดเสียงตวาดดังลั่น สรรพสิ่งบนโลกนี้จึงกลับมาเงียบสงบดังเดิม
“ไสหัวไป--!”
ภายในรถม้า เฟิ่งเฉี่ยนขดกายนั่งกอดเข่าอยู่ในมุมๆ หนึ่งของรถม้า นางส่ายหน้าและทอดถอนใจเป็พักๆ
ล้วนกล่าวว่าอยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือ คำพูดนี้ไม่ผิดแม้แต่น้อย!
นางพยายามถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่ได้ผลอีก ในทางตรงข้ามกลับถูกผู้อื่นรังเกียจ ยิ่งพยายามยิ่งปวดใจจริงๆ!
เซวียนหยวนเช่อนั่งพักสายตาอยู่ตรงกลางรถม้า ได้ยินเสียงนางทอดถอนใจจึงขมวดคิ้วพูดเสียงเย็นว่า “เงียบๆ หน่อย!”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบถลึงตาใส่เขา ไม่ให้รางวัลก็แล้วไปเถิด ยังชักสีหน้าใส่อีก!
ไม่เคยเห็น บอส ที่ไหนจะเขี้ยวลากดินถึงเพียงนี้!
เขาพลันลืมตาขึ้นพรึ่บแล้วมองมาทางนาง เฟิ่งเฉี่ยนทำเป็กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ไม่ชี้
เซวียนหยวนเช่อจ้องนางครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นว่า “หากครั้งนี้เ้าสร้างความชอบครั้งใหญ่ได้ หลังจากกลับวัง เจิ้นจะประทานรางวัลให้เ้าเอง!”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นจึงมีสีหน้าสดใสขึ้นทันที “ให้รางวัลมากน้อยเท่าใด มีหนึ่งพันสองร้อยตำลึงหรือไม่”
เซวียนหยวนเช่อหน้าตึงทันที มุมปากของเขากระตุกเพียงเล็กน้อย เขาหลับตาลงอีกครั้งไม่ยอมพูดจา
เฟิ่งเฉี่ยนยังรอคำตอบของเขาอยู่ รออยู่นาน ไม่มีคำตอบ
นางเบ้ปากด้วยความโมโห นางพูดอะไรผิด เหตุใดจึงมีโทสะอีกแล้ว
เฮอะ จิตใจของบุรุษ งมเข็มในมหาสมุทร!
หลังจากเร่งเดินทางมาตลอดทั้งวัน คนทั้งหมดเดินทางมาถึงป่าหมอกดำในที่สุด
ที่เรียกสถานที่แห่งนี้ว่าป่าหมอกดำ เป็เพราะสถานที่แห่งนี้มักจะถูกปกคลุมอยู่ภายใต้หมอกสีดำตลอดเวลา มีเพียงเวลาสองชั่วยามหลังยามอู่[2]ของทุกวันเท่านั้นที่ม่านหมอกจะสลายตัว เวลาที่เหลือผืนป่าแห่งนี้จะถูกปกคลุมจนมองไม่เห็นอะไรเลย หากเลือกเข้ามาในป่าหมอกดำในเวลาที่นอกเหนือจากยามอู่ มีความเป็ไปได้อย่างยิ่งว่าจะหลงทางอยู่ในป่าหมอกดำแห่งนี้ และยังมีสัตว์ร้ายที่มักจะออกมาปรากฏตัวในเวลานี้เพื่อหาเหยื่อเป็อาหารให้พวกมันอีกด้วย
เฟิ่งเฉี่ยนและพวกมาถึงป่าหมอกดำในเวลายามซื่อ[3]พอดิบพอดี หมอกเพิ่งจะสลายตัว ยังมีเวลาอีกสองชั่วยามกว่าหมอกจะกลับมาปกคลุมอีกครั้ง พวกเขาตัดสินใจทิ้งรถม้าและเดินเท้าเข้าไปในป่าหมอกดำเพื่อทำเวลา
ฉวยโอกาสที่เซวียนหยวนเช่อและคนอื่นๆ ไม่ทันสังเกต เฟิ่งเฉี่ยนฉวยโอกาสที่ทุกคนไม่ทันได้สังเกตนำเอาเครื่องปรุงส่วนหนึ่งเก็บเข้าไปในลิ้นชักสำหรับเก็บเครื่องเทศของตน
สถานที่แห่งนี้เป็ป่ารกร้างแห่งหนึ่ง ต้นไม้ใหญ่หนาแน่นปกปิดท้องฟ้าสีเทาอึมครึม มีเสียงนกและสัตว์อื่นร้องเป็ครั้งคราว ทว่ากลับทำให้ดูแล้วยิ่งน่ากลัว
เฟิ่งเฉี่ยนสวมเสื้อคลุมกันลมสีม่วงที่มู่ชิงเซียวให้มา ตามติดอยู่ข้างหลังเซวียนหยวนเช่อ นับแต่เริ่มเดินเข้ามาในป่าหมอกดำ ท่าทีของเซวียนหยวนเช่อเปลี่ยนเป็ระแวดระวังและเตรียมพร้อมทันที ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดเขาจะกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อสังเกตร่องรอยที่เหลืออยู่ มองออกว่าเขามีประสบการณ์ในการออกนอกพื้นที่ ติดตามเขาทำให้หลบเลี่ยงภยันตรายที่ไม่จำเป็ไปได้มาก!
เดินไปได้ราวๆ หนึ่งก้านธูป มีเสียงการต่อสู้ดังมาจากด้านหน้าปนเปกับเสียงร้องคำรามของสัตว์ป่า เซวียนหยวนเช่อเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้นทันที
[1] เหม่ยเหริน คือ ตำแหน่งพระสนมในองค์จักรพรรดิ ขั้น 4 ชั้นเอก เหม่ยเหริน แปลว่า ผู้มีความงดงาม
[2] ยามอู่ คือ่เวลา 11.00-12.59 น.
[3] ยามซื่อ คือ ่เวลาระหว่าง 9.00-11.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้