เนื่องจากหนีเจียเอ๋อร์สร้างเื่ ทำให้นายท่านหนีต้องเสียหน้า ดังนั้นในสองสามวันที่ผ่านมาเขาจึงหมางเมินเว่ยอี๋เหนียง ทั้งยังไปนอนที่เรือนของสวีซื่อแทน
ด้านสวีซื่อซึ่งไม่ชอบหน้าบุตรีอนุอยู่แล้ว จึงฉวยโอกาสเป่าหูสามี ว่าการที่หนีเจียเอ๋อร์ทำเช่นนี้ อาจเป็เพราะถูกิญญาร้ายเข้าสิง ฉะนั้นจึงควรจะเชิญหมอผีมาขจัดปัดเป่าิญญาร้าย
พอได้ยิน นายท่านหนีก็เริ่มเอนเอียงไปตามคำพูดนาง เพราะเดิมที บุตรสาวกับสวีเพ่ยหรานก็ยังรักกันดี แต่จู่ๆ นางก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ทั้งยังปฏิเสธการแต่งงานอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ...
เปลี่ยนแปลงไปในชั่วข้ามคืนเช่นนี้ หากมิใช่เพราะถูกิญญาร้ายเข้าสิง เขาก็นึกไม่ออกแล้ว ว่าเป็เพราะเหตุอันใด...
อีกทั้งยังมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น จนเขาต้องตกตะลึง
เมื่อคิดแบบนั้น นายท่านหนีจึงอนุญาตให้สวีซื่อดำเนินการทันที
...
ยามบ่าย สองวันให้หลัง
สวีซื่อได้เชิญหมอผีมายังจวน แล้วรีบนำทางไปยังเรือนของหนีเจียเอ๋อร์ พร้อมบ่าวรับใช้อีกจำนวนมาก
เมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามา บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งที่กำลังตากผ้าอยู่ ก็รีบวิ่งไปหาเสี่ยวเสวียนทันที
“พี่เสี่ยวเสวียน มาดูนี่สิ ทำไมมีคนมาที่เรือนของคุณหนูรองมากมายขนาดนี้! เราจะทำอย่างไรกันดี?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเสวียนก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าจะออกไปดูเอง”
พอนางออกมา ก็พบเข้ากับสวีซื่อและกลุ่มคนจำนวนมาก
เมื่อเห็นบุรุษแปลกหน้าสวมชุดนักพรตเต๋า เสี่ยวเสวียนก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี
สวีซื่อตรงเข้ามาผลักอีกฝ่าย แล้วร้องถาม “คุณหนูรองอยู่ไหน?”
สาวใช้ที่เซออกไป ตอบด้วยเสียงหวาดหวั่น “ฮูหยิน ตอนนี้คุณหนูรองกำลังพักผ่อน โปรดรอสักครู่ เดี๋ยวข้าน้อยจะ...”
ตอนนั้นเอง ระฆังในมือของนักพรตก็สั่นไหวทั้งๆ ที่ไม่มีลม
สวีซื่อชี้ไปยังระฆังอย่างตื่นตระหนก “ท่านนักพรต เกิดอะไรขึ้นเ้าคะ?”
เพียงนักพรตเขย่าแขน ไม่ช้าระฆังก็เงียบลง ดวงตาของเขากวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่ง “ฮูหยิน ท่านพูดถูกแล้ว ที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด มีิญญาร้ายสิงสู่อยู่จริงๆ!”
สวีซื่อถามต่อ “แล้วิญญาร้ายตนนั้นอยู่ที่ใดหรือเ้าคะ?”
นิ้วของนักพรตชี้ไปยังประตูตรงหน้า พลางตอบเสียงหนักแน่น “มันอยู่ข้างในนั้น!”
ได้ยินเช่นนั้น บรรดาบ่าวรับใช้ต่างก็หดคอด้วยความหวาดผวา
เสี่ยวเสวียนเบิกตากว้าง ทำท่าจะวิ่งเข้าไปด้านใน “คุณหนูรอง รีบออกมาจากเรือนเร็วเ้าค่ะ ในนั้นมีิญญาสิงอยู่!”
แต่ก็ถูกรั้งเอาไว้เสียก่อน
“อย่าผลีผลาม จะทำให้ิญญาร้ายรู้ตัวได้!” นักพรตกล่าว
สวีซื่อหันไปสั่งบ่าวทั้งหมดทันที “หลินมามา จับตัวนางบ่าวคนนี้ไว้ หากทำให้ิญญาร้ายรู้ตัว พวกเราจะตายกันหมด!”
เพียงประโยคเดียว ทำเอาทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
เสี่ยวเสวียนถูกบ่าวรับใช้สองคนจับตัวเอาไว้ จนไม่อาจขยับได้
จู่ๆ บานประตูที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดอย่างแรง แล้วหนีเจียเอ๋อร์ก็ค่อยๆ ก้าวผ่านธรณีประตูออกมา
ทันใดนั้น ระฆังในมือนักพรตก็ดังขึ้นอีกครั้งทั้งๆ ที่ไม่มีลม
นักพรตเต๋าตะเบ็งเสียงพลัน “ทุกคนระวัง มีิญญาร้ายสิงอยู่ในร่างของคุณหนูรอง!”
ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างก็เบิกตากว้างด้วยความใ
สวีซื่อก้าวถอยหลังไปซ่อนตัวอยู่หลังนักพรต “ท่านนักพรต เราจะจัดการอย่างไรดี ถึงจะไล่ิญญาร้ายออกไปได้?”
นักพรตกวาดเท้าเป็รูปหยินหยาง ทำทีเป็นับนิ้วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบ “ผีตนนี้ เป็ผีผู้ชายที่ตายในกองเพลิงเมื่อปีก่อน ความเคียดแค้นของเขานั้นมากมายเหลือคณนา”
สวีซื่อตัวสั่นเทา “เช่นนั้น เราต้องปล่อยให้เขาสิงร่างของคุณหนูรองตลอดไปเลยหรือ?”
นักพรตถอนหายใจ และพูดเสียงเศร้า “ิญญาร้ายตนนี้ตายในกองไฟ หากฮูหยิน้าขับไล่ ก็ย่อมไม่มีทางอื่น นอกจากต้องเผาเท่านั้น”
ความเงียบ พลันเข้าปกคลุมไปทั่วพื้นที่
นี่คุณหนูรองจะต้องถูกเผาทั้งเป็ อย่างนั้นหรือ?
พอได้ยิน หนีเจียเอ๋อร์ก็ตระหนักได้ในทันใด ว่านี่คือแผนการของสวีซื่อ หญิงสาวจึงคิดหาทางที่จะเปิดโปงเล่ห์กลของนักพรตเต๋าผู้นี้
ด้านเสี่ยวเสวียนที่กำลังจะอ้าปาก เตรียมแก้ต่างให้เ้านายตน กลับถูกหลินมามาตบหน้าจนเืกบปาก ดังนั้นจึงไม่มีบ่าวคนใด กล้าช่วยออกหน้าให้หนีเจียเอ๋อร์อีก
หญิงสาวเดินตรงไปทางเสี่ยวเสวียนด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว แต่ทุกครั้งที่นางขยับตัว เสียงระฆังก็จะดังไม่หยุด ทำให้บ่าวจำนวนมากพากันวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปคนละทิศละทาง ด้วยความหวาดกลัว
จนหลินมามาจำต้องะโปราม “พวกเ้า กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
สวีซื่อจึงสั่งว่า “พวกเ้า ไปจับคุณหนูรองเอาไว้”
จากนั้น ก็หันไปบอกนักพรตเต๋า “ท่านนักพรต ได้โปรดช่วยพวกเราสังหาริญญาร้ายด้วย”
ว่าแล้ว ก็ชำเลืองมองหนีเจียเอ๋อร์ พร้อมยกยิ้มเย้ยหยัน และหันไปพูดกับบ่าวรับใช้ “ทุกคนจงฟัง นายท่านหนีได้มอบอำนาจให้ข้าจัดการเื่นี้แล้ว ดังนั้นหากพวกเ้าไม่อยากตาย ก็จงฟังคำสั่งข้า”
น้ำเสียงที่หนักแน่นของนาง ทำให้ไม่มีบ่าวคนใดกล้าทักท้วง จำต้องผูกร่างของหนีเจียเอ๋อร์ไว้กับท่อนซุง และเติมฟืนแห้งลงไป
พอนายท่านหนีได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จึงเข้ามาดู เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ก็ทำเอาพูดไม่ออก แต่เพื่อป้องกันมิให้เว่ยอี๋เหนียงได้รับรู้เื่เหล่านี้ เขาจึงสั่งให้บ่าวขังนางเอาไว้ในห้อง
หนีเจียเอ๋อร์ถูกมัดเอาไว้เป็เวลานาน จนรู้สึกเ็ปไปทั้งร่าง แต่เจ็บกายยังไม่เท่าเจ็บใจ เมื่อเห็นว่าบิดาตนเข้าข้างสวีซื่อ
หญิงสาวกำหมัดแน่นจนเส้นเืปูดโปน รู้สึกปวดร้าว ประหนึ่งถูกเข็มนับพันทิ่มแทงใจ
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ ใกล้จะถึงเวลาเผานาง เพื่อขจัดิญญาร้ายแล้ว...
หนีจวิ้นหว่านรีบเข้ามายืนข้างๆ สวีซื่อ ก่อนกระซิบเบาๆ “ท่านแม่ นางสาวใช้ชั้นต่ำเสี่ยวเสวียนหนีไปแล้ว บางที...”
ได้ยินเช่นนั้น สวีซื่อก็เริ่มร้อนรน กลัวว่าสาวใช้ผู้นั้นจะไปตามโจวชิงหวามาช่วยหนีเจียเอ๋อร์ จึงไม่รีรออีกต่อไป นางขยิบตาให้หนีจวิ้นหว่าน ซึ่งบุตรสาวก็เข้าใจได้ทันที
นายท่านหนีขมวดคิ้ว พลางถามด้วยความสงสัย “ฮูหยิน เกิดอะไรขึ้น?”
สวีซื่อจึงตอบว่า “นายท่าน ตกกลางคืนิญญาร้ายจะมีพลังเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราควรจะลงมือเสียแต่บัดนี้”
ขาดคำ จู่ๆ เสียงหมาหอนก็ดังขึ้น จึงยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับคำพูดของนางเข้าไปใหญ่
ส่วนนายท่านหนีเมื่อได้ยินแบบนั้น ก็เบิกตากว้างด้วยความใ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสลับกับหนีเจียเอ๋อร์ ก่อนพยักหน้าเป็เชิงเห็นด้วย
หลังได้รับการเห็นชอบ สวีซื่อก็ยืนขึ้น “ท่านนักพรต เรามาเริ่มพิธีขจัดิญญาร้ายเถอะเ้าค่ะ!”
แต่นักพรตเต๋าไม่ใส่ใจคำพูดอีกฝ่าย เพียงเดินวนรอบๆ ตัวหนีเจียเอ๋อร์ราวหนึ่งก้านธูป จากนั้นก็ะโออกมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“เร็วเข้า ข้าสะกดิญญาร้ายได้แค่ชั่วครู่เท่านั้น รีบจุดไฟ เร็ว!”