พื้นที่รกร้าง หญ้าไม่งอกสักต้น สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์
ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เกิดความรู้สึกหดหู่ ที่นี่คือที่ใด เหตุใดจึงมีทิวทัศน์เช่นนี้? มองซากปรักหักพังเกลื่อนพื้น หรือว่าที่นี่เคยเกิดการต่อสู้? หรือว่าเป็ร่องรอยการทำลายที่นี่ซึ่งผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ทิ้งไว้หลังการต่อสู้?
คิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกใ
หากเป็เช่นนี้จริง ก็แข็งแกร่งมาก!
การต่อสู้ครั้งหนึ่งทำให้พื้นที่หมื่นหลี่พังทลายกลายเป็สถานที่รกร้าง
“สมกับเป็สถานที่วายชนม์ของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์!” มีเสียงถอนหายใจ ความสามารถขั้นดารา์ทำลายล้างพื้นที่หมื่นหลี่ได้ แล้วขั้นเทพ์ในตำนานจะแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวเพียงใด เกรงว่าคงกลายเป็เทพที่แท้จริง แต่การคงอยู่เช่นนั้นน่าจะไม่มีใครรู้...
ทุกคนมองพื้นที่รกร้างตรงเบื้องหน้า แยกแยะทิศทางไม่ออกและยิ่งไม่รู้ว่าจะไปทางใด
ในเวลานี้เอง มีเสียงเทพดังจากบนนภา
“พวกเ้าเป็ใคร ถึงกับเหยียบย่างสู่พื้นที่รกร้างแห่งนี้?”
น้ำเสียงทรงอำนาจเปี่ยมพลัง ดุจเทพยดาที่จับต้องไม่ได้ ทำให้คนไม่กล้าต่อต้าน แผ่อานุภาพกดดันลงมา
ทุกคนต่างหวาดกลัว
โม่เส้าชิงมีสีหน้าตึงเครียด จากนั้นรวบรวมความกล้าแล้วก้าวไปข้างหน้า เอ่ยอย่างเคารพนบนอบว่า “ผู้าุโ พวกเราคือคนของเขติญญา มาจากกลุ่มอิทธิพลแต่ละกลุ่ม เนื่องจากได้รู้ว่าที่นี่เป็สถานที่วายชนม์ของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ของเขติญญา เราจึงมาเซ่นไหว้โดยเฉพาะ”
โม่เส้าชิงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เสียงนั้นจึงพึมพำเบาๆ อีกครั้ง
“เซ่นไหว้หรือ?”
“ใช่ ผู้เข้มแข็งของเขติญญา พวกเราผู้เยาว์รุ่นหลังมาเซ่นไหว้”
ทุกคนเห็นโม่เส้าชิงออกหน้าก็ไม่ยอมสยบอยู่เื้ั ดังนั้น จึงพากันเอ่ยอย่างถูกต้อง
ทุกคนพูดกันเ้าทีข้าที พูดเสียชอบธรรม แต่กลับสุมหัวกันทำเื่ชั่วร้ายโดยไม่ละอาย
เสียงนั้นหัวร่อเ็าราวกับเย้ยหยัน
“ในเมื่อมาเซ่นไหว้ เหตุใดในอดีตจึงไม่เคยมา พานมาเอาวันนี้ ทั้งยังมากันมากมาย พวกเ้าไม่เหมือนมาเซ่นไหว้ แต่เหมือนมาปล้นสุสาน” เสียงนั้นเ็าขึ้นมาก ในน้ำเสียงแฝงการซักไซ้ สะกดให้ทุกคนไม่กล้าระบายลมหายใจ
แค่นเสียงดังฮึ มีอานุภาพน่ากลัว ทำเอาทุกคนใจนตัวสั่นสะท้าน ไม่กล้าส่งเสียง
ในเวลานี้เอง สายตาของเซียวเฉินเปล่งประกาย เขาก้าวเท้าออกมา
“ผู้าุโ ท่านพูดผิดแล้ว”
การส่งเสียงนี้ทำให้สายตาของทุกคนมองมายังเซียวเฉินที่ในเวลานี้แปลงโฉม
“เ้าถามข้าหรือ?”
เสียงนั้นแปรเปลี่ยนทันควัน อานุภาพกดดันอันน่ากลัวขุมหนึ่งกดทับลงบนร่างของเซียวเฉิน พลังกดดันมหาศาลกดเขาจนร่างงอ สีหน้าซีดขาว เขามีความสามารถแค่ขั้นเสวียนฟ้าจะต้านทานได้อย่างไร แต่เขากลับยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างดื้อรั้น เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาอย่างหยิ่งทะนง
“ผู้เยาว์แค่พูดตรงๆ เท่านั้น ในเมื่อผู้าุโขั้นดารา์วายชนม์แล้ว เหตุใดจึงไม่ส่งต่อโชควาสนาให้แก่ผู้มีวาสนา ให้คนสืบทอดสมบัติ สานต่อปณิธานที่ยังไม่ลุล่วง? หรือว่าคิดจะฝังทุกอย่างลงใต้ดิน ไม่ยินยอมส่งต่อให้ชนรุ่นหลัง?”
เสียงของเซียวเฉินกังวานมีพลัง ต่อให้คนที่เผชิญหน้าด้วยอาจเป็ผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ เขาก็ไม่ยอมสยบ
เขามีความหยิ่งทะนงของเขา
เสียงนั้นเอ่ยอย่างเ็า “ผู้เยาว์คงไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ พวกเ้านึกว่าอาศัยความสามารถอันน้อยนิดแล้วจะได้รับสืบทอดโชควาสนาของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์หรือ เพ้อฝันจริงๆ ไม่กลัวว่าจะละโมบมากไปจนต้องตายบ้างหรือ?”
เซียวเฉินยิ้ม “ผู้าุโรู้ได้อย่างไรว่าในบรรดาพวกเราไม่มีใครสามารถสืบทอดโชควาสนา?”
“เดิมทีก็เป็เช่นนี้”
เสียงนั้นหยิ่งผยอง
สายตาที่ทุกคนมองเซียวเฉินมีแววดูแคลนอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะคนของเขติญญา
เ้าหมอนั่นไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?
ถึงกล้าปะทะกับเสียงนั้นตรงๆ คงรังเกียจว่าชีวิตของตนเองจะยืนยาวเกินไปจริงๆ!
ส่วนเสิ่นเล่ยก็แอบตึงเครียดแทนเซียวเฉิน เขาปะทะกับผู้าุโท่านนั้นแล้วจะไม่เกิดเื่ขึ้นจริงๆ หรือ?
ขณะที่คนกลุ่มนั้นนึกว่าเซียวเฉินต้องตายแน่ๆ เสียงนั้นพลันหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า น่าสนใจ หลายปีมานี้ เ้าเป็คนแรกที่กล้าปะทะกับผู้าุโอย่างข้า ชั่วชีวิตนี้ ข้าชิงชังพวกคอยดูสีหน้าแล้วประจบประแจง หน้าไหว้หลังหลอกที่สุด ข้าชอบนิสัยของเ้า เอาเถอะ ข้าจะชี้ทางให้พวกเ้าสักสาย จะได้มาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโชควาสนาของพวกเ้า”
สิ้นเสียง พวกโม่เส้าชิงก็มีสีหน้าไม่น่ามอง
ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า
บรรดาคนที่เพิ่งเอ่ยปากเมื่อครู่มองเซียวเฉินด้วยสายตาชิงชังรังเกียจ
พวกเขาเป็บุคคลผู้มีพร์ของกลุ่มอิทธิพลสูงสุดในเขติญญา บัดนี้ เซียวเฉินถึงกับตัดหน้าพวกเขาที่โบราณสถานของผู้าุโ ผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ ทุกสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อครู่มิเป็การปูทางให้เซียวเฉินหรือ?
จะให้พวกเขาทนได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้ผู้าุโมีความรู้สึกที่ดีต่อเซียวเฉิน หากพวกเขามุ่งเป้าไปที่เซียวเฉิน มิเป็การขัดขวางผู้าุโหรือ คนที่มีสมองสักหน่อยคงไม่ทำแบบนั้นแน่ มิฉะนั้นจะเป็การแส่หาที่ตาย
หลังจากเห็นเซียวเฉินปลอดภัย ใบหน้าของเสิ่นเล่ยก็มีรอยยิ้ม
เ้าหมอนี่มักจะทำให้คนทั้งใและยินดี
อีกทั้งสร้างปาฏิหาริย์ แปรร้ายเป็ดีได้เสมอ
“ผู้าุโโปรดบ่งบอก” เซียวเฉินยิ้ม ไม่มีแรงกดดันแล้ว เขารู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก
ตูม!
เห็นเบื้องหน้ามีรอยแยกห้วงอากาศปรากฏขึ้นเป็สาย พริบตารอยแยกก็เปิดกว้าง จากนั้นกลายเป็มิติบิดเบี้ยวเหมือนรูหนอนที่ทะลุไปมิติอื่น ทอดสายตามองไป มีประตูมิติบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นทั้งหมดสามสิบหกบาน ประตูแต่ละบานแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่ง
“นี่คือประตู์สามสิบหกบาน ในประตูแต่ละบานมีโชควาสนานับพันนับหมื่น สิ่งที่แต่ละคนจะได้ประสบก็แตกต่างกัน ต่างคนต่างมีโชควาสนาของตน แต่ก็อันตรายอย่างยิ่ง จะได้โชควาสนานั้นมาหรือไม่ต้องดูความโชคดีของพวกเ้า แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือนพวกเ้านะ หากมีอันตรายจะไม่มีใครช่วยพวกเ้าได้ เป็หรือตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา”
“เข้าหรือไม่เข้า พวกเ้าตัดสินใจเลือกเอาเอง”
ประโยคเดียวทำเอาทุกคนสีหน้าแปรเปลี่ยน
มีอันตรายถึงชีวิตหรือ...
เซียวเฉินลังเล แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเข้าไปฝึกวิชาในนั้น ถึงอย่างไร นี่คือโชควาสนาของผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ คู่ควรให้เขาลองเสี่ยงชีวิต ต่อให้มีอันตรายถึงชีวิต เขาก็ไม่กลัว
เซียวเฉินถ่ายทอดเสียงไปหาเสิ่นเล่ย “เ้าคิดอย่างไร...”
“ถึงอย่างไรก็มีอันตรายถึงชีวิต ข้าเคารพการเลือกของเ้า ข้าจะเข้าไป หากเ้าไม่ไปก็รอข้า ไม่ช้าข้าจะออกมา”
เสิ่นเล่ยอึ้งนิดๆ จากนั้นยิ้ม แล้วถ่ายทอดเสียงไปหาเซียวเฉินเช่นกัน
“ข้าไม่กลัว ข้าจะเข้าไป แต่จะไม่เข้าไปกับเ้า”
เซียวเฉินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
เขาผงกศีรษะบอกว่าแล้วเจอกัน จากนั้นก้าวเท้าเดินเข้าประตู์บิดเบี้ยวบานหนึ่งตรงเบื้องหน้า
หลังเซียวเฉินเข้าไป พวกโม่เส้าชิงก็มีสีหน้าน่าเกลียด มีฐานะเป็ถึงบุคคลผู้มีพร์ของกลุ่มอิทธิพลสูงสุดของเขติญญา หากเวลานี้ยอมรับความพ่ายแพ้ กลับไปต้องกลายเป็เื่ขำขันของคนอื่นแน่ ดังนั้น ทุกคนจึงกัดฟันเดินเข้าไป เงาร่างหลายสิบสายเหินเข้าไปในประตูทันที เวลานี้ เสิ่ยเล่ยก็ก้าวเข้าประตู์บิดเบี้ยวบานหนึ่งเช่นกัน
วิ้งวิ้ง!
เมื่อเซียวเฉินปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็ก้าวเข้าสู่พื้นที่รกร้างอีกแห่งหนึ่ง ยามนี้ พื้นที่รกร้างเป็ท้องฟ้าพร่างดาว ไร้ดวงตะวัน
นี่คือโลกแห่งท้องนภาและดาราราย
“ไม่รู้ว่าข้าจะเจออะไรที่นี่...” เซียวเฉินพึมพำ
แต่ในเวลานี้เอง เซียวเฉินพลันรู้สึกถึงกลิ่นอายอันตราย
เซียวเฉินอาศัยแสงดาวมองเห็นสัตว์ปิศาจตัวหนึ่งเดินออกมาจากเทือกเขาตรงเบื้องหน้า
ยามนี้ วานรั์เปล่งแสงิญญาทั่วร่าง ดวงตาสาดประกายดุร้าย เย็นเยียบ และแหลมคม
“วานรั์ค้ำยันฟ้า...”