ลงจากเขาครั้งนี้ ไม่ได้มีคนติดตามมากมายเหมือนครั้งที่แล้ว และไม่ได้มีพิธีการอะไรมากมายเช่นกัน
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง อาลู่ก็ติดตามขบวนลงมาจากเขาแล้ว
อาลู่ยังคงขี่เ้าก้าง ดวงตาของเ้าก้างบัดนี้มองไม่เห็นโดยสิ้นเชิงแล้ว ทว่าแผลเน่าเปื่อยนั้นก็ไม่ได้รุนแรงขึ้นเช่นกัน ส่วนแผลอื่นๆ บนร่างกายล้วนหายดีแล้ว
อาลู่ตั้งใจดูแลมันมาก ดังนั้นนอกจากดวงตาที่บอดสนิทข้างหนึ่งของมัน ก็แทบจะดูไม่ออกโดยสิ้นเชิงว่าคือม้าตัวเดียวกันกับที่เ้าก้างปลาเคยเลี้ยง
กระทั่งบั้นท้ายมันก็ดูกลมขึ้น
วันนี้เ้านกอินทรีก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน
ทว่าอาลู่กลับไม่ให้มันเข้าใกล้ เพียงแต่ให้มันบินอยู่ห่างๆ
เสี่ยวอวี้ยามอยู่บนูเาเดิมทีก็รู้สึกเบื่ออยู่เล็กน้อย บางครั้งจะหาเื่ต่อยตีกับเฉินโย่วน้อยอยู่บ้าง ทว่ามันก็ไม่เคยจะตีชนะกับเขาสักที ไม่ง่ายนักกว่าจะได้ออกมาข้างนอกเช่นนี้ มันจึงรู้สึกดีใจนัก ปีกทั้งสองจึงบินขึ้นสูงและอยู่แสนไกล
อาลู่ได้ยินมาว่ายามรักษาการณ์นั้นแท้จริงแล้วมีกันอยู่ไม่น้อย ทว่าที่อาลู่เห็นด้วยสายตานั้นกลับมีเพียงเจ็ดถึงแปดคนเท่านั้น ส่วนหน่วยสืบข่าวในค่ายนั้นไม่เพียงต้องคอยคุ้มกันอยู่รอบๆ ค่ายเท่านั้น ยังต้องเข้าไปในทุ่งหญ้าลึก กระทั่งบางครั้งก็ไปไกลถึงนอกทุ่งหญ้า บางครั้งก็ถึงขั้นแฝงตัวไปกับกลุ่มพ่อค้าเพื่อคอยสืบข่าว
อาลู่นั้นจำคำของเหล่าปาได้ขึ้นใจ มองให้มาก ฟังให้มาก ทำให้มาก พูดให้น้อย
ตลอดเส้นทางที่ติดตามขบวนมาก็ไม่อยู่หน้าสุดของขบวน และไม่ได้อยู่ท้ายสุดของขบวน การเดินก็เพียงรักษาระดับความเร็วตามขบวนมาตลอด
เมื่อเหล่าคนที่เดินทางเริ่มลงจากูเาแล้วก็ต้องเดินเท้าอีกระยะหนึ่ง จึงจะมองเห็นกระท่อมไม้เล็กๆ ตำแหน่งกระท่อมไม้ของอาลู่ก็ช่างบังเอิญนักที่มีูเาเล็กๆ อยู่ตรงหน้าพอดี ทว่าูเาเล็กๆ นั้นก็คงจะดูเป็เพียงูเาสำหรับผู้ที่ไม่ตั้งใจมองเท่านั้น
ทุกคนเริ่มทยอยลงจากหลังม้า อาลู่ก็ลงจากหลังม้าตามเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้แนะนำตัวอะไรกัน ถึงอย่างไรก็รู้กันว่าเป็หน่วยลาดตระเวน ซ้ำยังเป็หน่วยลาดตระเวนของกองโจรอีกด้วย
ทุกคนสนทนาเื่สัพเพเหระกัน ทว่าในใจก็ยังรู้สึกพะว้าพะวัง สำหรับอาลู่แล้วเขารู้สึกว่าการออกไปจี้ปล้นนั้นจะสบายใจกว่าหน่อย
เมื่อถึงเวลาด่าก็ด่า ชั่วร้ายก็ชั่วร้ายใส่กันอย่างตรงไปตรงมา ทว่าเหล่าคนเช่นนี้ก็มักจะตายด้วยน้ำมือคนอื่นอยู่เสมอ
ส่วนเหล่าคนตรงหน้าในตอนนี้ล้วนแต่ดูสุภาพ ยามพูดจาก็เสียงเบา ท่าทางการเคลื่อนไหวก็เฉียบขาดหมดจด ไร้ซึ่งความลังเล อาลู่เห็นแล้วก็มั่นใจว่ายามพวกเขาจับมีด มือก็คงนิ่งสงบไม่แพ้ท่าทางในยามนี้
เพียงแต่ตัวเขานั้นก็ยังคงต้องฝึกฝนอีกมาก
อาลู่นั้นไม่ได้สนทนากับใคร
นายท่านสามตกลงให้เขาเข้าหน่วยลาดตระเวนได้ เขาก็นับว่าเป็คนของนายท่านสาม ซ้ำนายท่านสามยังเคยเอ่ยปากทักทายเขา แม้คนอื่นจะไม่ได้มีท่าทีเกรงใจเขานัก แต่ก็ไม่อาจทำอะไรยุ่มย่าม
“เ้ายังเป็เด็กใหม่ ภารกิจวันนี้ก็มอบที่ง่ายที่สุดให้เ้าก็แล้วกัน เ้ารับผิดชอบเส้นทางต้าเจ๋อแล้วกัน คอยไปสืบข่าวมา หลัง่บ่ายก็กลับมาที่นี่เสีย” ชายหนุ่มร่างผอมที่เป็หัวหน้ากล่าวกับอาลู่
อาลู่เห็นชายหนุ่มกางแผ่นหนังสัตว์ออกมา ตรงกลางแผ่นหนังมีจุดอยู่จุดหนึ่ง จากนั้นก็เป็พื้นที่สี่ด้านขยายออกไป อาลู่เดาว่าจุดตรงกลางนั้นน่าจะเป็ูเากระดูก ทว่าในทีแรกเขายังคิดว่าูเากระดูกนั้นจะเป็เทือกเขาที่เชื่อมต่อกับูเาลูกอื่นเสียอีก ทว่าบนภาพูเากระดูกนั้นกลับตั้งโดดเดี่ยวอยู่ลำพังลูกเดียว
อาลู่พยักหน้าเบาๆ
ทว่าเมื่อเขาลองสังเกตชายหนุ่มที่มาด้วยกัน ยามที่พูดถึงต้าเจ๋อ สีหน้าของชายหนุ่มคนอื่นๆ ก็ดูเปลี่ยนไป
อาลู่นั้นสายตาเฉียบแหลม
แม้คนเหล่านี้จะเป็หน่วยลาดตระเวนที่สี่หน้าล้วนนิ่งสุขุมกันมาตลอด ทว่าใบหน้าและร่างกายกลับยังมีปฏิกิริยาที่อาลู่ยังสังเกตเห็นได้
ต้าเจ๋อ นี่คือสถานที่ใดกัน
อาลู่มองที่ชายหนุ่มร่างผอมสูง หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของพวกเขาชี้ไปยังทิศทางด้านหน้า
รอจนอาลู่ขี่ม้ามาไกลแล้ว อาโต่ว ชายหนุ่มที่ยืนข้างชายหนุ่มร่างผอมสูงถามขึ้นอย่างสงสัย “หัวหน้า ไฉนจึงส่งเ้าเด็กนั่นไปตายที่ต้าเจ๋อเล่า ที่นั่นมีงูเหลือมั์ แม้แต่พ่อค้าแถวนี้ก็มีแค่เพียงคนเสียสติเท่านั้นจึงจะสัญจรเส้นทางนี้”
“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูหนาวแล้ว เ้างูเหลือมนั่นมันก็อยู่ของมันไม่เคลื่อนไหว ขอเ้าเด็กนั้นแค่อย่าไปแหย่มันก็พอ ทว่าหากเกิดเื่อะไรขึ้น ก็คิดซะว่าเ้าเด็กนั้นโชคร้ายก็แล้วกัน” อาสุ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
อากู่ผู้เป็หัวหน้าไม่ได้กล่าวอะไร เสียงก้าวเดินไปยังสนามหญ้าเขียวตรงหน้าตน คิดในใจว่าฤดูหนาวสิ้นสุดแล้ว เ้างูเหลือมก็น่าจะเริ่มหาอาหารแล้วเช่นกัน......
อาลู่นั้นไม่ได้ยินสิ่งที่เหล่าชายฉกรรจ์สนทนากันแม้แต่น้อย
เขายังควบม้าไปยังเส้นทางที่จะไปต้าเจ๋อ ่บ่ายจึงจะกลับไปยังจุดเดิม และเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไปถึงต้าเจ๋อแล้วจริงๆ เขายังต้องไปจนสุดเส้นทางสายนี้เพื่อเด็ดหญ้าต้าเจ๋อกลับมาเป็หลักฐาน
เด็กหนุ่มจึงเร่งควบม้าตลอดเส้นทาง
ภาพเบื้องหน้าจากทุ่งหญ้าที่ร่วงโรยจนแทบไม่เหลือต้นหญ้า ตลอดจนถึงท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยหญ้าสูงราวฝ่ามือ ยิ่งไกลเท่าใดต้นหญ้าก็ยิ่งงอกงาม จนสุดท้ายจึงเห็นเป็ป่าเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ช่างงดงามนัก
จากทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ทันใดก็มีป่าเพิ่มขึ้นมา จากพุ่มหญ้าสูงราวความสูงคนยืน ต่อด้วยพุ่มไม้สูงราวคนยืนต่อตัวกันสองคน จนเป็สามคน อาลู่บนหลังม้าราวกับกำลังเดินเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง
ช่างเป็โลกที่เงียบงันนัก
สีเขียวละลานตาไปทุกหนทุกแห่ง ทว่าทันใดกลับมีกลิ่นแปลกๆ เป็กลิ่นสาบเน่าเหม็นโชยมา
อาลู่สั่งให้ม้าหยุด จากนั้นจึงล้วงนกหวีดบนอกตนออกมา แล้วออกแรงเป่าทีหนึ่ง
จากนั้นจึงนั่งรอบนหลังม้าต่ออีกครู่หนึ่ง
ทันใดเสียงนกร้องก็ดังขึ้น
เสียงกังวานใสดังแมลงแว่วมา ต่อมาจึงเห็นร่างของเ้านกบินโผมาหา
ใบหน้าเล็กๆ ของเ้านกตัวั์ ดูแล้วเปลี่ยนไปเป็ความดีใจราวกับกำลังยิ้ม
อาลู่ยื่นมือไปลูบหัวมันทีหนึ่ง
“เสี่ยวอวี้ อีกประเดี๋ยวข้าจะเข้าไปในป่า แต่ข้ารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เ้าช่วยดูลาดเลาให้ข้าหน่อยเถิด”
เ้าอินทรีกระพือปีกทั้งสองข้างเป็ความหมายว่าทราบแล้ว
อาลู่บังคับเ้าก้างให้เดินเข้าไปในป่า แสงแดดลอดทิวไม้เข้ามารำไร บนเส้นทางยังมีดอกไม้มากมาย ชวนให้สดชื่น ดอกไม้เ่าั้เมื่ออยู่ใต้แสงตะวันก็งดงามชวนให้มองเป็พิเศษ
อาลู่คิดอยากเด็ดไปให้อาโย่วสักช่อ ทว่าครั้งนี้นั้นเขาเพิ่งจะมาเป็ครั้งแรก เพียงดูๆ ไปก่อนย่อมดีกว่า เพราะน้องสาวนั้นไม่ว่าเจออะไรก็จ้องจะเอาเข้าปากไปเสียหมด ถ้าหากดอกไม้นี่มีพิษก็ต้องแย่แน่
ตลอดเส้นทางนั้นไม่เจออุปสรรคอะไร แม้กระทั่งกระต่ายป่าก็ยังไม่เจอสักตัว ทว่าเมื่อเป็เช่นนี้อาลู่กลับยิ่งรู้สึกกังวล
บนทุ่งหญ้าปกติอย่างน้อยยังพอเห็นหนูป่าวิ่งมาสักตัวสองตัวเป็ครั้งคราว ดังนั้นป่าที่สมบูรณ์เช่นนี้ สัตว์เล็กๆ ย่อมจะต้องมีมากกว่าที่ใด กระทั่งริมแม่น้ำยังต้องพบรอยเท้ามนุษย์และรอยเท้าสัตว์
ทว่าตลอดเส้นทางในป่านี้ นอกจากตัวเขาเองแล้วก็ไม่เห็นจะมีสัตว์เล็กตัวใดอีก
แม้ที่นี่จะชื่อต้าเจ๋อ แต่กลับมีเพียงพื้นดินที่ชุ่มชื้นกว่าปกติเท่านั้น นอกนั้นไม่ได้มีหนองน้ำอะไรดังชื่อ
อาลู่นั้นระแวดระวังไปตลอดเส้นทาง
ไม่นานนักก็มีหมอกค่อยๆ ผุดพรายขึ้นมา
ต้นไม้เขียวขจีในป่า เมื่อมีหมอกผุดขึ้นมาเพิ่ม อาลู่ก็พลันสูดหายใจลึก แท้จริงมันก็ดูงดงามไม่หยอก
ทว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มกลับดูเคร่งขรึมเสียยิ่งกว่าเดิม
ยังดีที่เขาพอจะยังได้ยินเสียงเรียกของเสี่ยวอวี้อยู่บ้าง
เพียงแต่บัดนี้ทัศนวิสัยนั้นเริ่มจะไม่ค่อยดีนัก
ยิ่งนานเข้า หมอกก็ยิ่งหนาขึ้น
จวบจนต้นไม้ด้านหน้าเขา ยิ่งไกลก็ยิ่งบางตาลง ทันใดก็เห็นเป็พื้นราบขึ้นมา
บริเวณรอบข้างของพื้นราบนั้น มีหญ้าต้าเจ๋องอกงามเรียงราย เห็นเป็ต้นหญ้าไหวเอนเบาๆ
ต้นสูงของมันไม่มีแม้ใบ เป็เพียงดอกกลมๆ มีขนปุกปุยสีขาว ดูแล้วงดงามนัก
หญ้าต้าเจ๋อก็คือหญ้าที่หัวหน้าหน่วยบอกให้เขานำกลับไป
ทว่าเมื่อมองต้นหญ้าที่ไหวเอน เขาก็ตระหนักได้ว่าที่นี่ไม่มีลมเสียหน่อย เหตุใดมันจึงไหวเอนได้เล่า
ทันใดก็หญ้าก็ไหวแรงขึ้น จากตอนแรกที่ไหวเพียงน้อยๆ ไม่นานก็ไหวรุนแรงราวกับฆ้องถูกตีก็ไม่ปาน ซ้ำลำต้นยังดูเหมือนจะค่อยๆ สูงขึ้น
พื้นราบนั้นพลันมีศีรษะหนึ่งโผล่ขึ้นมา ศีรษะสีเขียวมรกตดูมันวาวสะท้อนแสงค่อยๆ โผล่ออกมาให้เด็กหนุ่มเห็น ลำตัวที่ยาวเฟื้อยของมันเลื้อยตามมาด้วยความรวดเร็ว
อาลู่ั้แ่เห็นต้นหญ้าไหวเอนก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในมือจึงพลันกำบังเหียนม้าแน่น ทว่าเขาก็ยังไม่ได้ดึงให้เ้าก้างล่าถอยกลับไป ด้วยเขารู้ว่าหากกลับเข้าไปในป่า เ้าก้างก็คงจะวิ่งได้ไม่ไวนัก ส่วนเสี่ยวอวี้ก็คงจะบินได้ไม่ถนัด อยู่ในพื้นราบโล่งเช่นนี้เห็นจะปลอดภัยกว่า
ทว่าเพียงชั่วพริบตา หัวของมันก็มาชูสูงอยู่ตรงหน้าอาลู่เสียแล้ว
เ้าของหัวสีมรกตนั้นอ้าปากกว้างราวกับอยากจะเขมือบศีรษะเด็กหนุ่มเข้าไป
กลิ่นเหม็นสาบรุนแรงพลันปะทะเข้ากับหน้าของอาลู่
ทว่าบัดนี้ตัวที่ว่องไวกว่าเ้างูั์นั่นกลับเป็เสี่ยวอวี้
เสี่ยวอวี้ฟังคำที่อาลู่สั่ง จึงคอยคุ้มกันอาลู่อยู่ั้แ่แรก แม้ในทีแรกมันจะดูไม่ได้เอาจริงเอาจังนัก นั่นก็เพราะมันไม่คิดว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นจริงๆ ดังเช่นเ้างูั์ที่โผล่มาอยู่ตรงหน้าอาลู่ในตอนนี้
สำหรับนกอินทรีแล้ว งูคือศัตรูตามธรรมชาติของมัน และเป็อาหารที่โอชะที่สุด
เสี่ยวอวี้นั้นแม้จะยังไม่โตเต็มวัย ทว่ามันก็ถูกสั่งสอนเื่พวกนี้มาั้แ่เด็ก มันจึงตัดสินใจบินดิ่งลงมา ก่อนจะอ้าปากแล้วจิกเข้ากับตาเ้างูั์ มันอ้าปากหนึ่งครั้งดวงตาก็หายไปหนึ่งดวง
อาลู่ไม่ได้ตื่นตระหนก เพียงง้างมีดขึ้นแทงลึกลงไปในหัวเ้างูราวเจ็ดชุ่น สำหรับงูนั้นหัวคือส่วนที่อ่อนแอที่สุดของร่างกายมัน
อาลู่ปักมีดได้แม่นยำนัก ซ้ำยังมือนิ่ง เพียงปักมีดลงไป เืสดๆ ก็พลันพวยพุ่งออกมา อาบไปทั้งร่างของเด็กหนุ่ม
ส่วนเ้าก้างนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าม้าตัวใด มันเรียนรู้การกระทืบมาจากเ้ามืด ยามเ้างูนั่นร่วงลงพื้น มันก็ยกเท้าขึ้นกระทืบซ้ำทันที
เพียง่เวลาสั้นๆ เ้างูั์ก็อ่อนปวกเปียกราวกับคราบงูเท่านั้น
ทว่ายามร่างมันร่วงลงพื้น กลับมีเสียงหนักๆ ดังขึ้น
อาลู่หายใจเฮือกใจใหญ่
แม้ว่าเื่จะจบลงแล้ว แต่ในใจเขาก็ยังหวาดหวั่นนัก เพราะหากว่าเขาพลาดแม้เพียงก้าวเดียว เส้นทางเดียวที่เหลือให้เดินย่อมเป็เส้นทางแห่งปรโลก
ยังดีที่เขามีชีวิตรอด
เขายังยืนอยู่ที่เดิมทั้งร่างอาบย้อมไปด้วยเื มองเ้างูั์ค่อยๆ หยุดเคลื่อนไหว ไม่นานนักหมอกหนาที่เคยมีก็ค่อยๆ สลายไป
นอกเขตชายป่านั้น ในระยะสายตาที่เขามองเห็น แท้จริงแล้วยังมีตลาดอยู่แห่งหนึ่ง มีกำแพงสูง แล้วควันที่มนุษย์ก่อขึ้น มีทั้งเสียงไก่ร้องและเสียงหัวเราะ
อาลู่หายใจแรงสองสามที ก่อนจะเช็ดเืบนมือให้แห้ง แล้วก้มลงไปเด็ดดอกหญ้าต้าเจ๋อขึ้นมากำใหญ่
หญ้าต้าเจ๋อสีขาวทั้งปุกปุยและนุ่มนิ่ม
น้องสาวต้องชอบมากเป็แน่