ชิงซีไม่มีท่าทีใกับคำกล่าวของอวิ๋นจื่อ ราวกับเมื่อครู่นี้เป็การพูดคุยเื่ดินฟ้าอากาศ
“อาจื่อ เ้าควรคิดทบทวนให้ดี”
ดวงตาสีเข้มของอวิ๋นจื่อดูแน่วแน่มาก “ชิงซี ข้าตัดสินใจแล้ว อย่างไรเสียข้าก็ต้องกลับไปที่วังหลวงให้ได้”
ชิงซีพยักหน้า “ในเมื่อเ้าตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก ข้ายังคงสนับสนุนเ้า แต่ไม่สามารถให้สัญญาได้ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร สุดท้ายแล้วทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเ้า”
อวิ๋นจื่อจับมือชิงซีและมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ดวงตาของอวิ๋นจื่อเต็มไปด้วยความสดใสแต่ก็มีความแน่วแน่แฝงอยู่
ใบหน้าของชิงซียังคงสงบนิ่งเช่นเดิม และประกายแสงในดวงตาของนางก็ไม่ไหววูบแม้แต่น้อย
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ขอบคุณชิงซีอีกครั้ง”
…
หนึ่งเดือนต่อมา
เมืองหยงโจว
ณ จวนตระกูลมู่ เรือนตะวันตก
อวิ๋นจื่อสวมกระโปรงสีฟ้าน้ำทะเล เสื้อคลุมแขนกว้างผ้าโปร่ง พร้อมผ้าคาดเอวประดับมรกตเข้าชุด การแต่งการเช่นนี้ช่วยขับเสน่ห์ของหญิงสาวผู้บอบบบางให้ดูงดงามสูงส่งยิ่งขึ้น
“ช้าลงหน่อย เดินช้ากว่านี้” เสียงของมามาดังขึ้นอีกครั้ง
อวิ๋นจื่อปรับจังหวะการเดินของตัวเองด้วยความตั้งใจ นางอยู่ในวังหลังั้แ่เยาว์วัย ถูกสั่งสอนให้วางตนอย่างสงบเสงี่ยม เปี่ยมด้วยมารยาท ไม่เร่งรีบ และสง่างาม ใน่หลายปีที่ผ่านมา การสั่งสอนเ่าั้ได้ทำให้นางมีกลิ่นอายที่สูงส่งและสง่างามราวกับองค์หญิงโดยไม่รู้ตัว กลิ่นอายเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะกับหอคณิกาอย่างแน่นอน
นางจำเป็ต้องเปลี่ยน นางต้องมีกิริยานุ่มนวล อ่อนช้อย น่ารัก ไม่เคร่งขรึม และไม่ก้าวร้าว
อวิ๋นจื่อก้าวเดินช้าๆ ในใจก็ท่องคำพูดของมามา
ไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน แต่ในที่สุดฝีเท้าของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
แม้แต่มามาก็ยังแสดงสายตาพึงพอใจ
“แม่นางน้อยผู้นี้เก่งจริงๆ เข้าใจทุกอย่างได้เร็วมาก” มามากล่าวอย่างมีความสุข
อวิ๋นจื่อยิ้มเบาๆ “มามา ข้าพักได้หรือยัง?”
มามาพยักหน้าและจ้องเข้าไปในดวงตาของอวิ๋นจื่อ สีหน้าของนางเศร้าหมองลงก่อนจะพึมพำว่า
“ดูเหมือนข้าคงจนปัญญาที่จะทำให้สายตาของเ้าดูเย้ายวนมากขึ้น”
อวิ๋นจื่อนั่งลงอย่างสบายๆ และกล่าวว่า “อะไรกัน? มีหญิงสาวที่เ็าและเย่อหยิ่งมากมายในหอคณิกา ข้าไม่ได้มีท่าทีห่างเหินเสียหน่อย ก็แค่เ็าเท่านั้น”
เมื่อมามาได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของนางก็สว่างวาบขึ้นในทันที นางพิจารณาใบหน้าของอวิ๋นจื่อก่อนจะกล่าวว่า “คำพูดของเ้ามีเหตุผล ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามของเ้า ข้าสามารถทำให้เ้าโดดเด่นได้อย่างแน่นอน”
ทันทีที่มามาพูดจบ สาวรับใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงานอวิ๋นจื่อว่าประมุขตระกูลมู่มาหานาง
อวิ๋นจื่อพยักหน้าและยังคงนั่งด้วยท่าทีสงบนิ่ง นางถอดกำไลหยกที่ข้อมือซ้ายด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ก่อนจะยื่นให้มามาและกล่าวว่า “มามา ขอบคุณท่านที่ดูแลข้ามาตลอดทั้งเดือน ปี้เหยียนไม่มีสมบัติอันใดติดตัวเลย กำไลหยกนี้เป็สมบัติของท่านแม่ ปี้เหยียนปรารถนาที่จะตอบแทนน้ำใจท่าน มามาโปรดรับไว้เถอะ”
มามาไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบ แต่กลับกล่าวว่า “แม่นาง ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยินดีรับไว้ แต่ตระกูลมู่จ่ายเงินให้ข้ามากพอแล้ว เ้าไม่จำเป็ต้องให้อะไรข้าอีก นอกจากนี้หญิงชราอย่างข้าจะใช้ของมีราคาเช่นนั้นได้อย่างไรกัน เอาคืนไปเร็วเข้า!”
อวิ๋นจื่อสะอื้นไห้ “มามา ในวันข้างหน้าปี้เหยียนต้องเข้าไปอยู่ในหอคณิกาแล้ว หลังจากนี้คงจะต้องพบเจอกับเื่ยากลำบากไม่น้อย ข้าเองก็ไม่มีญาติที่ใดอีก ให้มามาเก็บไว้ดีกว่า อย่าปฏิเสธข้าเลย”
มามาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับกำไลหยกมา “เอาเถิด แม่นาง”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าก่อนจะขอตัวจากไป
ณ จวนตระกูลมู่ เรือนตะวันออก
ดูเหมือนว่าห้องโถงใหญ่จะจุดกำยานไว้ อวิ๋นจื่อไม่ได้กลิ่นเครื่องหอม แต่รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมาก
ทันทีที่นางเดินเข้ามา ชิงซีก็ลุกขึ้นทักทายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“เ้ามาอยู่ที่นี่กว่าหนึ่งเดือนแล้ว เริ่มคุ้นเคยกับเรือนตะวันตกแล้วหรือยัง?”
อวิ๋นจื่อยิ้ม “พอคุ้นเคยบ้างแล้ว”
ชิงซีรินชาให้นางและกล่าวว่า “อาจื่อ ข้าต้องไปจากเมืองหยงโจวพักหนึ่ง”
อวิ๋นจื่อรับถ้วยชาและมองอีกฝ่ายราวกับ้าจะถามบางอย่าง
ไปจากเมืองหยงโจว?
เพื่อความปลอดภัยหรือ?
หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลมู่?
ชิงซีถามสั้นๆ ว่า “เ้ารู้ต้นกำเนิดของชางอู๋หลิงหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อส่ายหน้า
ชิงซีกล่าวว่า “มีข่าวลือว่าูเาจิ่วอี๋มีเหวชางอู๋ ซึ่งรวบรวมแก่นแท้ของ์และปฐี รวบรวมความงามของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จนกลายเป็แดน์ ชางอู๋หลิงมาจากก้นบึ้งของเหวชางอู๋”
ทันทีที่อวิ๋นจื่อได้ยินเช่นนี้ ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจนาง
นี่เกี่ยวข้องกับคำทำนายเมื่อสิบหกปีก่อนหรือไม่?
อวิ๋นจื่อไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ชิงซีมองอวิ๋นจื่ออย่างลึกซึ้ง ดูเหมือนนางจะมีคำพูดนับพันคำ แต่สุดท้ายนางก็กล่าวออกมาเพียงประโยคเดียว “ชางอู๋หลิงทั้งสามพันคนตายหมดแล้ว”
ถ้วยชาในมือของอวิ๋นจื่อตกลงไปที่พื้นพร้อมกับเสียง “เพล้ง” ชาร้อนกระเซ็นไปทั่ว
ในห้องโถงใหญ่ที่เงียบสงบ เสียงของเครื่องเคลือบดินเผาชั้นดีที่แตกละเอียดนั้นดังเสียดหูเป็พิเศษ
ชางอู๋หลิงทั้งสามพันคนตายหมดแล้ว!
นั่นคือชางอู๋หลิงที่อยู่กับนางมาสิบปี! แม้ว่าพวกเขาจะทรยศนาง แต่สุดท้ายการที่พวกเขาตายไปเช่นนี้ก็ทำให้นางยากที่จะทำใจยอมรับ
ในความเป็จริงนางให้อภัยพวกเขาแล้ว แต่ในใจของนางแค่ไม่อยากยอมรับเท่านั้น
เมื่อเดือนที่แล้วนางเรียกพวกเขามาทีู่เาจิ่วอี๋
ตอนนั้นนางยังรู้สึกมีความสุขอยู่เลยที่พวกเขายังรอดชีวิต
แล้วเหตุใดตอนนี้พวกเขาถึงตาย?
นางสามารถอดทนต่อความผิดหวังจากการสูญเสียครอบครัวและบ้านเมืองได้ ดังนั้นยังมีเื่ใดที่นางจะทนไม่ได้อีก
นางให้อภัยพวกเขาแล้ว เมื่อได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้ นางก็รู้สึกทุกข์ทรมานเป็อย่างมาก
นี่เป็ความเ็ปอันแสนเงียบงัน
แม้แต่สถานที่อย่างหอคณิกา นางก็ยังไม่หวั่นเกรง
แต่เหตุใดเื่นี้ถึงสร้างความเ็ปใจให้กับนางมากขนาดนั้น?
อวิ๋นจื่อพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสงบสติอารมณ์
บางทีตอนนี้อาจเป็่เวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของนาง
ตราบใดที่นางผ่านมันไปได้ทุกอย่างก็จะดีเอง
ใช่ ทุกอย่างย่อมดีขึ้น
อวิ๋นจื่อเกิดความสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว วันนั้นในูเาจิ่วอี๋ ประมุขตระกูลมู่เป็ผู้ช่วยเหลือและปกปิดที่ซ่อนของชางอู๋หลิง
ตระกูลมู่คงไม่ได้เป็ต้นเหตุของเื่นี้ใช่หรือไม่?
แม้ว่านางจะไม่เชื่อเช่นนั้น แต่นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองดูหญิงสาวชุดเขียวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
ในที่สุดอวิ๋นจื่อก็สงบสติอารมณ์ได้
นางมองเข้าไปดวงตาของหญิงสาวชุดเขียวและกล่าวด้วยความผิดหวัง “เื่แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
ชิงซีกะพริบตาราวกับเด็กที่ทำความผิดก่อนจะกล่าวเสียงต่ำว่า “อาจื่อ ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ไม่ต้องกังวล ตระกูลมู่จะคอยสนับสนุนเ้าเสมอ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้