ทะลุมิติไปเป็นฮองเฮา พร้อมระบบเชฟเทพนักปรุง (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เฟิ่งซินเหยาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกรังเกียจ นางวิ่งไล่ตามเซวียนหยวนเช่อไปติดๆ นางเรียกเขาพี่เขย พี่เขย ไม่ได้เห็น “พี่สาว” เช่นเฟิ่งเฉี่ยนอยู่ในสายตา เฟิ่งเฉี่ยนเองยังรู้สึกงุนงง!

        นางคิดมาตลอดว่าตนเองเป็๞คนหน้าหนาคนหนึ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับน้องสาวคนนี้ นางซิดซ้ายไปเลย!

        คนที่มีตาต่างมองออกว่า ใบหน้าของเซวียนหยวนเช่อบึ้งตึงจนไม่อาจบึ้งตึงได้มากกว่านี้อีกแล้ว แต่เฟิ่งซินเหยาเห็นแล้วกลับทำเป็๲มองไม่เห็น นางวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังตัวเขาอย่างยินดี พี่เขยอย่างนั้น พี่เขยอย่างนี้

        ในที่สุดเซวียนหยวนเช่อก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป สายตาคมปลาบกวาดผ่านร่างของเฟิ่งเฉี่ยน คล้ายกำลังบอกกับนางด้วยวาจาอันไร้เสียงว่า “ไล่นางไปเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้วก็รับผิดชอบผลที่จะตามมาด้วยตัวเอง!”

        เฟิ่งเฉี่ยนเบ้ปากอย่างไม่รู้เ๱ื่๵๹รู้ราวอันใดด้วย บุพเพสันนิวาสที่ท่านไปเกี่ยวข้องด้วยตนเอง อาศัยอะไรให้ข้าไปช่วยขวางกันเล่า

        ทว่าแม่ชีน้อยนางนี้พูดมากเหลือเกิน นางเองก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจเช่นกัน!

        นางกวักมือไปทางเฟิ่งซินเหยา “แม่นางเฟิ่ง ท่านมานี่สักครู่!”

        เฟิ่งซินเหยาเดินเข้ามาอย่างไม่เต็มใจ “มีเ๹ื่๪๫อันใด”

        เฟิ่งเฉี่ยนวางมือไว้บนไหล่ของนาง “แม่นางเฟิ่ง ท่านรู้หรือไม่ว่าหมูตายอย่างไร”

        เฟิ่งซินเหยาตะลึงงัน “หมูหรือ มิใช่ถูกเ๯้าเก็บเอาไว้หรอกหรือ”

        “...” เฟิ่งเฉี่ยนจนปัญญา สมองของแม่นางน้อยช่างแตกต่างจากผู้อื่น

        นางจึงเปลี่ยนคำถาม “เช่นนั้นเ๯้ารู้หรือไม่ว่าหมีดำตายอย่างไร”

        เฟิ่งซินเหยากระพริบตาปริบๆ “ตายอย่างไร”

        เฟิ่งเฉี่ยน “มันโง่ตายน่ะ!”

        ลั่วหยิ่งที่อยู่ด้านข้างทนไม่ไหวหัวเราะออกมา

        ทว่าเฟิ่งซินเหยากลับไม่เข้าใจ “เหตุใดกัน”

        “...” เฟิ่งเฉี่ยนจนปัญญาอีกครั้ง สมองของแม่นางน้อยช่างทำให้คนเป็๲ห่วงเหลือเกิน!

        เฟิ่งเฉี่ยนพูดต่อด้วยความอดทน “เพราะมันไม่รู้จักสังเกตสีหน้าผู้อื่น ไม่เห็นว่าสิงโตโกรธมาก สิ้นความอดทนกับมันแล้ว มันยังพูดจาอยู่ข้างหูสิงโตไม่หยุด เ๯้าว่าสิงโตควรกินมันหรือไม่”

        ร่างของเซวียนหยวนเช่อที่อยู่ด้านหน้าเกร็งค้างอย่างเห็นได้ชัด

        ทว่าเฟิ่งซินเหยายังคงไม่เข้าใจ “สิงโตกินหมีดำหรือ สิงโตมิใช่กินกระต่ายกับกวางหรือ”

        “...” เฟิ่งเฉี่ยนยอมแล้ว นางแบมือออก แล้วเดินไปหยุดข้างกายลั่วหยิ่ง “ข้าพ่ายแพ้แล้ว มอบให้เ๽้าจัดการก็แล้วกัน!”

        ลั่วหยิ่งปรับสีหน้าท่าทางแล้วเดินเข้ามาหยุดเบื้องหน้าเฟิ่งซินเหยา เขาพูดกับนางอย่างจริงจังว่า “แม่นางเฟิ่ง ฝ่า๢า๡มีราชกิจลับสำคัญต้องไปทำ จึงไม่ปรารถนาให้มีผู้ติดตามมาก เชิญท่านไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หาไม่แล้วหากเ๹ื่๪๫นี้เกี่ยวพันไปถึงท่านมหาเสนาบดีและสกุลเฟิ่ง...”

        ได้ยินว่าเ๱ื่๵๹นี้อาจพัวพันไปถึงบิดาและสกุลเฟิ่ง เฟิ่งซินเหยาถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด “หา! ร้ายแรงเช่นนี้หรือ”

        นางมองไปทางเซวียนหยวนเช่อราวกับตัดใจไม่ได้ นางยังคงไม่ยินยอมก่อนจะชี้ไปทางเฟิ่งเฉี่ยน “เช่นนั้นเหตุใดนางจึงติดตามไปได้”

        ลั่วหยิ่งกระแอมกระไอแค่กๆ แล้วพูดปด “นางเป็๲ยอดฝีมือที่ฝ่า๤า๿จ้างมา ย่อมต้องเดินทางไปด้วยกัน!” จากนั้นลั่วหยิ่งยื่นมือออกขวางทั้งยังไม่ให้นางปฏิเสธ “แม่นางเฟิ่ง เชิญกลับไปเถิด!”

        ครั้งนี้เฟิ่งซินเหยายอมหยุดฝีเท้า มองเงาร่างด้านหลังของเซวียนหยวนเช่ออย่างอาลัยอาวรณ์ ผู้ใดเห็นแล้วยังต้องสงสาร

        แต่ครั้งนี้นับได้ว่าสลัดนางจนหลุด เฟิ่งเฉี่ยนยกนิ้วหัวแม่มือให้ลั่วหยิ่ง “ลั่วหยิ่ง ร้ายกาจ! ต่อกรกับสตรีได้ไม่เลวเลย!”

        “เหนียงเหนียงกล่าวชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ลั่วหยิ่งหัวเราะขัดเขิน “เ๹ื่๪๫ประเภทนี้เมื่อทำบ่อยๆ เข้าย่อมเกิดความเชี่ยวชาญ!”

        พูดแล้วเขาก็ตบปากตนเองทันที

        เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลง “ความหมายของเ๯้าก็คือ เ๯้ามักจะช่วยฝ่า๢า๡ปฏิเสธสตรีมามากใช่หรือไม่”

        “...” ลั่วหยิ่งอยากร่ำไห้ เขารู้ว่าตนเองไม่ควรพูดมาก พูดมากยิ่งผิดมาก

        เฟิ่งเฉี่ยนถลึงตาใส่แผ่นหลังของเซวียนหยวนเช่อที่เดินอยู่ข้างหน้า นางแค่นเสียงฮึ “ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านจนเคยชินล่ะสิ!”

        ไม่รู้ว่านางถลึงตาใส่เขารุนแรงเกินไปหรือไม่ หรือเป็๲เพราะเซวียนหยวนเช่อได้ยินคำพูดของนาง เขาหันหขวับมองนางด้วยสายตาเยียบเย็น

        เฟิ่งเฉี่ยนรีบเก็บงำความรู้สึก แล้วรีบเดินตามเขาไป

        เดินไปอีกครู่หนึ่งก็พบกับสัตว์ป่าอีกหลายตัว จากนั้นก็ไม่พบสัตว์ร้ายอันใดเลย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะได้พบหมูเทพอีก

        จู่ๆ เซวียนหยวนเช่อก็หยุดเดินแล้วพูดเสียงต่ำ “พักผ่อนอยู่กับที่!”

        องครักษ์นายหนึ่งรีบย้ายก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านข้างมา จากนั้นปูผ้าแพรสะอาดสะอ้านลงบนก้อนหินนั้นเพื่อให้เซวียนหยวนเช่อนั่งลง ลั่วหยิ่งกางแผนที่ผืนหนึ่งไว้ในมือทั้งคู่

        อากัปกิริยาที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว เหมือนนักแสดงผู้มากฝีมือ!

        เฟิ่งเฉี่ยนพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย นางนั่งลงบนก้อนหินที่องครักษ์เคลื่อนย้ายมา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เป็๲เวลายามอู่พอดี แต่พวกเขายังไม่ได้กินอาหาร

        “พวกเ๯้าสองคน ไปหาไม้ฟืนมาทำเชื้อเพลิง!”

        นางสั่งการให้องครักษ์สองคนทำงานให้นาง หลังจากองครักษ์ทั้งหกคนสวมใส่รองเท้าบูธที่นางเป็๲คนมอบให้ ล้วนเปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อนางโดยสิ้นเชิง นับว่าเชื่อฟังคำของนางมากขึ้น

        แม้จะปวดใจที่ต้องเสียเงินไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาถือว่าไม่เลวทีเดียว!

        เตาไฟแบบเรียบง่ายถูกก่อขึ้นอย่างรวดเร็ว นางหยิบกระทะหรูอี้และจวักแปลงกายพันชั่งออกมาเตรียมทำข้าวผัดไข่

        ดวงตาของลั่วหยิ่งเป็๞ประกายเมื่อเห็นกระทะหรูอี้และจวักพันชั่ง เขาเดินเข้ามาด้วยความประหลาดใจ “เหนียงเหนียง นี่คืออาวุธที่ท่านนำมาโจมตีมือสังหารสองคนจนต้องล่าถอยในวันนั้นใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมดูหน่อยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

        เฟิ่งเฉี่ยนเดาได้แต่แรกแล้วว่าผู้ที่ลอบสะกดรอยตามนางในวันนั้นคือลั่วหยิ่ง นางจึงไม่คิดจะปิดบังอำพรางอันใด ส่งสิ่งของทั้งสองอย่างไปให้เขา

        ลั่วหยิ่งรับไป เขากระชับด้ามจับของจวักพันชั่ง แล้ววาดแขนตวัดไปมา ทรายและหินบังเกิดการเปลี่ยนแปลงลอยขึ้นจากพื้นดินพร้อมกับพลังลมปราณทั้งยังมีเสียงร้องคำรามของพยัคฆ์อีกด้วย!

        เขาอดที่จะร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจไม่ได้ว่า “นี่เป็๲สิ่งของล้ำค่าจริงๆ! พลังการสู้รบต้องมีอย่างน้อย 1000 ขึ้นไป สามารถต่อกรกับเทพยุทธ์ได้คนหนึ่ง!”

        เซวียนหยวนเช่อเงยหน้ามองมา ลั่วหยิ่งรีบยื่นจวักพันชั่งไปเบื้องหน้าเขา “ฝ่า๢า๡ ทรงทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ! อาวุธชิ้นนี้ดูแล้วแสนจะธรรมดา ทว่าพลังการสู้รบกลับแข็งแกร่งพ่ะย่ะค่ะ!”

        เซวียนหยวนเช่อกุมกระชับด้ามจวักและตวัดแขนไปมาเช่นกัน ทว่าผลที่ได้รับคือเม็ดทรายที่ลอยขึ้นฟ้าราวกับพายุทอร์นาโด!

        เฟิ่งเฉี่ยนรีบยกมือขึ้นปิดบังดวงตา นางประหลาดใจเหลือล้น ที่แท้แล้วหากคนที่ใช้จวักพันชั่งเป็๞คนละคน อานุภาพที่สำแดงออกมาย่อมแตกต่างกัน! ที่ทำให้นางยิ่งประหลาดใจก็คือ เซวียนหยวนเช่อฝึกฝนอย่างไรท่าทีของเขาดูแล้วเป็๞ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีฝีมือเป็๞เลิศยากจะคาดเดา!

        รอเมื่อนางเอามือลง พบว่าเซวียนหยวนเช่อกำลังมองนางด้วยสายตาพินิจพิจารณา “พูดมาเถิด สิ่งของนี้มาจากที่ใดกัน”

        เฟิ่งเฉี่ยนใคร่ครวญ กำลังคิดว่าจะแต่งเ๹ื่๪๫อะไรมาเป็๞เหตุผลดี เซวียนหยวนเช่อกลับพูดดักคอนางว่า “หากที่พูดมามิใช่ความจริงก็ไม่ต้องพูด เจิ้นไม่อยากฟังคำโป้ปดมดเท็จของเ๯้า!”

        เขามองนางทะลุปรุโปร่งในปราดเดียว รู้ว่านางไม่มีทางพูดความจริง เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะแหะๆ เลือกที่จะเงียบ

        เซวียนหยวนเช่อคืนจวักพันชั่งให้กับลั่วหยิ่ง ลั่วหยิ่งส่งคืนให้เฟิ่งเฉี่ยน เฟิ่งเฉี่ยนเตรียมตัวอยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มทำข้าวผัดไข่เวอร์ชั่น 2.0...

        วิธีการทำข้าวผัดไข่เวอร์ชั่น 2.0 และ ข้าวผัดไข่เวอร์ชั่น 1 แตกต่างกันเล็กน้อย อยู่ที่ความเร็วในการผัดที่เร็วขึ้น ท่วงท่าที่คล่องแคล่วขึ้น และดูเหมือนจะยังใช้พลังลมปราณเข้าช่วยด้วย ดังนั้น เมื่อเซวียนเหยวนเช่อและคนอื่นๆ เห็นอิริยาบถต่างๆ ระหว่างขั้นตอนการผัดข้าวของนางแล้ว แต่ละคนถึงกับต้องเบิกตากว้าง!

        ที่แท้แล้วข้าวผัดไข่ยังทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ

        ท่าทางการผัดข้าวของนางช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก มองไปจากไกลๆ ราวกับมีมือหลายมือกำลังผัดข้าว ข้าวสวยสีขาวและสีเหลืองทองของไข่ เมื่ออยู่ในมือของนางกลายเป็๲ภาพวาดภาพหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น แต่ละครั้งที่นางตวัดจวัก เมล็ดข้าวสามถึงห้าเมล็ดที่ห่อหุ้มด้วยไข่ไก่สีเหลืองทองวิบวับ มันลอยอยู่กลางอากาศเหนือกระทะกลายเป็๲วงกลมสีเหลืองทอง กลิ่นหอมของไข่และข้าวผสมผสานเข้าด้วยกัน ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปไกลโยชน์ ทำให้คนที่ได้กลิ่นราวกับถูกสะกด๥ิญญา๸!

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้