“เ้าดูิ่ข้า!”
ขันทีเฒ่าถลึงตาอย่างโกรธจัด “ไอ้สุนัขถูกตอน” ประโยคนี้เป็คำดูิ่เขาไม่ใช่หรือ? เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาอำมหิต แต่แล้วสายตาของเขาพลันสะท้อนประกายเย้ยหยัน เ้าถือดีนักใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นข้าจะเล่นงานจุดอ่อนของเ้า
“หึหึ ด่าข้าว่าไอ้สุนัขถูกตอน แล้วเ้าล่ะ? ก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าแม้แต่น้อย เ้าก็แค่สัตว์เดรัจฉานตัวกระจ้อยที่ไม่มีใคร้า ทำไม? ยังคิดจะรอเด็กเสี่ยวเตี๋ยคนนั้นกลับมาอีกหรือ?”
เมื่อเขากล่าวประโยคนี้จบลง ดวงตาของเด็กชายตัวน้อยพลันเป็ประกาย แต่กลับได้ยินคำพูดอันร้ายกาจของขันทีผู้นั้นกล่าวตามมา
“เลิกเพ้อฝันได้แล้ว นางหนีไปพึ่งอำนาจคนอื่นแล้ว ไม่มีใครคิดถึงเ้าอีก เ้าคิดว่านางดูแลเ้าจากใจจริงอย่างนั้นหรือ? นางก็แค่เห็นว่าอย่างน้อยเ้าก็เป็ถึงพระโอรส ติดตามเ้าอาจมีโอกาสได้ดิบได้ดีบ้าง แต่ดูตอนนี้สิ ผ่านมาสองปีแล้วฝ่าายังไม่เคยคิดถึงเ้าเลย ก็เห็นอยู่แล้วว่าเ้าไม่มีประโยชน์อันใดอีก ทำไมยังไม่คิดจะปล่อยให้นางจากไปอีกหรือ?”
ในที่สุดคำพูดของขันทีเฒ่าก็ทำให้เด็กชายตัวน้อยความรู้สึกไวผู้นี้โกรธจัด เขาถลึงตาใส่อีกฝ่าย เสียงของเด็กน้อยแหบแห้ง
“เสี่ยวเตี๋ยไม่มีทางเป็แบบนั้น นางบอกว่าไม่มีทางจากข้าไป”
เสด็จแม่เคยช่วยเหลือเสี่ยวเตี๋ยไว้มากมาย นางจะทิ้งเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?!
“ฮ่าๆๆ นกฉลาดย่อมรู้จักเลือกกิ่งไม้ใช้พักพิง ไม่เห็นจะผิดตรงไหน หรือว่านางต้องอยู่รอความตายกับเ้าอย่างนั้นหรือ? รีบดื่มยาเดี๋ยวนี้ บางทีหากพระชายาพอใจ อาจไว้ชีวิตน้อยๆ ของเ้าก็ได้!”
ประโยคนี้ทำให้ั์ตาของเด็กชายตัวน้อยสะท้อนประกายเสียใจ อีกทั้งยังมีความเ็าและความคับแค้นใจ
เขาจ้องเขม็งมองไปที่ขันทีเฒ่าที่ทาผงแป้งสีขาวเบื้องหน้า เขารู้สึกแค้น แค้นทุกคน
ตอนที่พระชายาผู้เป็เสด็จแม่ของเขาสิ้นใจ เขาถูกคนอื่นใส่ร้ายจนถูกส่งเข้าตำหนักเย็น เหตุการณ์พลิกผันในชั่วข้ามคืน เขาต้องเผชิญหน้ากับความอบอุ่นและความเ็าจนถึงที่สุด
ส่วนคนที่ทางฝ่ายในส่งมารับใช้เขานั้น บางส่วนมาเพื่อหาทางทรมานเขาทุกวิถีทาง เมื่อเขาาเ็สาหัสแล้ว อีกฝ่ายจะกลายเป็แพะรับบาปพร้อมถูกพาตัวไป ส่วนผู้ที่ทำดีกับเขาจะเสียชีวิตอย่างลึกลับด้วยสาเหตุต่างๆ นานา แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเสี่ยวเตี๋ยที่เคยได้รับพระกรุณาจากเสด็จแม่ของเขาจะจากไปภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียว
ในชั่วพริบตา แม้จะมีจิตใจมุ่งมั่นหนักแน่นมากเพียงใด เด็กชายตัวน้อยพลันรู้สึกคับแค้นและหวาดกลัวกับโลกใบนี้อย่างอดไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเกิดความรู้สึกลังเลสับสนจากการถูกกลั่นแกล้ง รวมทั้งเหตุการณ์ที่มีคนใกล้ชิดจากไป ในเวลานี้ ทว่าเด็กน้อยผู้นี้ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ เขาจึงไม่ได้ะเิความคับแค้นภายในใจออกมา คาดไม่ถึงว่าสถานการณ์เช่นนี้ยังรุนแรงไม่พอ คนเหล่านี้ยังบังคับให้เขากินยาอย่างเปิดเผยเช่นนี้
ส่วนทางด้านกงอี่โม่ที่แอบฟังอยู่ ตอนแรกนางรู้สึกกังวลแทนเด็กน้อยผู้นั้น ทว่าเมื่อเห็นว่าเด็กชายผู้นั้นเป็ใครแล้ว ความคิดที่อยากเข้าไปช่วยจึงจางหายไป เวลานี้นางรู้สึกเพียงมีเพลิงโกรธพลุ่งพล่านอยู่ในใจ คนสารเลว เป็เขานี่เอง กงเจวี๋ย คนที่ต่อให้กลายเป็เถ้าถ่านนางก็จำได้ดี แค่ตอนนี้อีกฝ่ายมีขนาดตัวเล็กลงเท่านั้น
เวลานี้เขากำลังเม้มปากแน่น ใบหน้าเริ่มเห็นเค้าโครงความหล่อเหลาบางส่วนแล้ว ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ทว่ามือที่กำชายแขนเสื้อไว้แน่นกลับเป็สิ่งสะท้อนว่าเขากำลังหวาดกลัวและวิตกกังวล ใช่ แม้เขาจะมีบุคลิกลักษณะโดดเด่นเพียงใด ทว่าเขาเพิ่งอายุหกขวบเท่านั้น รูปร่างอ่อนแอผอมแห้งของเขาทำอะไรไม่ได้เลย
ถึงสภาพในตอนนี้จะน่าสงสารมากเพียงใด แต่ไม่อาจซ่อนความโหดร้ายของบุคคลผู้นี้ในอนาคต ความทรมานเ่าั้ยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของนาง เป็ปมในใจที่นางไม่อาจลืมเลือนตลอดชั่วชีวิตนี้
ดวงตาของกงอี่โม่สะท้อนประกายดุดัน นางกำลังครุ่นคิด ก่อนที่บุคคลผู้นี้จะมีโอกาสสังหารนาง นางควรลงมือกำจัดเขาก่อนหรือเปล่า?
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวกงเจวี๋ย* ไม่ยอมเชื่อฟัง ขันทีเฒ่าผู้นั้นจึงเริ่มร้อนใจ การกระทำครั้งนี้ถือเป็การลงมืออย่างลับๆ เขาไม่อาจปล่อยเวลาให้ล่วงเลยได้อีกต่อไป ดังนั้น เขาจึงก้าวพรวดขึ้นไปด้านหน้า จับมือและเท้าของกงเจวี๋ยไว้ คาดไม่ถึงว่าขันทีผู้นี้มีวิชาติดตัว แม้ว่ากงเจวี๋ยจะเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาบ้าง ทว่าตอนนี้เขาอายุยังน้อย อีกทั้งร่างกายผอมแห้งไร้เรี่ยวแรง ขันทีเฒ่าจู่โจมเพียงสองสามครั้งก็สามารถรัดตัวเสี่ยวกงเจวี๋ยไว้แน่น
แม้จะเป็เช่นนี้ ยาในชามก็ยังกระฉอกไปมากกว่าครึ่ง ขันทีเฒ่าโกรธจัด ดวงตาสะท้อนประกายโเี้
“ในเมื่อพูดดีๆ ไม่ฟัง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเจอเช่นนี้”
ขณะที่เอ่ยปาก เขาลงมือเตะต่อยเสี่ยวกงเจวี๋ย อีกทั้งยังตั้งใจเล็งจุดที่ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก แต่กลับสร้างความเ็ปได้มากเป็พิเศษ แม้จะถูกเล่นงานถึงขั้นนี้แล้ว ทว่าเสี่ยวกงเจวี๋ยที่มีอายุเพียงหกขวบกลับกัดฟันแน่น ไม่ยอมร้องออกมาแม้แต่คำเดียว
เมื่อได้ระบายอารมณ์โกรธแล้ว ขันทีเฒ่าจึงบีบปลายคางอีกฝ่ายไว้ ปากยังคงด่าทอต่อไป พร้อมทั้งพยายามกรอกยาที่เหลือไม่ถึงครึ่งอย่างเต็มที่
ไม่!
ดวงตาราวกับหยกสีน้ำหมึกของเด็กน้อยเบิกกว้าง ั์ตาสะท้อนประกายไม่ยอมแพ้แกมหวาดกลัว แม้เขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทว่าเขารู้ว่าไม่มีทางเป็ของดีอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าเสี่ยวกงเจวี๋ยจะพยายามดิ้นรนมากเพียงใด เขาก็ดิ้นไม่หลุดเสียที สุดท้ายจึงได้แต่กลืนมันลงไปอย่างจนปัญญา เขาแค้นที่เขาตัวเล็กและอ่อนแอเกินไป เขาอ่อนแอเกินไปจริงๆ
เพราะเหตุใด? ทั้งที่เขาสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว เพราะเหตุใดคนเหล่านี้ยังคิดทำร้ายเขาอีก?! ทำร้ายเสด็จแม่ของเขาไปแล้วยังไม่พออีกหรือ?!
กงอี่โม่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดมองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ ขณะที่เสี่ยวกงเจวี๋ยถูกซ้อมอยู่นั้น นางถึงกับขยับตัวเพราะรู้สึกทนไม่ได้ เมื่อเห็นเขาถูกจับกรอกยา ความรู้สึกมากมายต่างประเดประดังเข้ามา กงเจวี๋ยเอ๋ย คาดไม่ถึงว่าเ้าจะมี่เวลาที่น่าอนาถถึงเพียงนี้ด้วยเช่นกัน
ก่อนตายในชาติที่แล้ว นางถูกบุรุษผู้นี้ทรมานอย่างหนัก ยิ่งนางกรีดร้องโอดครวญ เขาก็ยิ่งพอใจ เขาต้องเป็พวกจิตวิปริตอย่างแน่นอน แต่จากการสันนิษฐานอาจเป็เพราะเขาถูกทรมานอย่างหนักตอนวัยเยาว์ เมื่อเติบโตขึ้นจึงมีจิตใจผิดปกติเช่นนี้
ทว่าตอนนี้เขาเป็เพียงเด็กน้อยที่ไม่มีพิษไม่มีภัยคนหนึ่งเท่านั้น
ในใจของกงอี่โม่มีความคิดแบ่งออกเป็สองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคิดว่านางต้องปล่อยให้ผู้ที่สังหารนางถูกกำจัดไปั้แ่ตอนนี้ ส่วนอีกฝ่ายกลับรู้สึกว่าเขาเป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง สภาพของเขาในตอนนี้ก็น่าเวทนาพอแล้ว อีกทั้งชาตินี้เขายังไม่เคยทำเื่เลวร้ายใดๆ จึงไม่ควรนำเื่ในชาติก่อนมาคิดบัญชีกับเขาในชาตินี้ ความคิดของนางกำลังขัดแย้งกันเอง
เมื่อเห็นว่ากรอกยาลงไปแล้ว ขันทีเฒ่าจึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เขามองเด็กน้อยกุมลำคอตนเองพร้อมขดตัวอย่างทรมานอยู่บนพื้น ท่าทางน่าเวทนาราวกับสุนัขตัวหนึ่ง เขาพลันรู้สึกสะใจ เป็ลูกเป็หลานฮ่องเต้แล้วอย่างไร ตอนนี้ก็ถูกเขาบีบหรือขยี้ได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?
“หึ อยากไม่เจียมตัวเอง ก็เลยต้องเจ็บตัวแบบนี้ วางใจได้ ยานี้ไม่ทำให้เ้าตายหรอก ก็แค่ทำให้เ้ากลายเป็ใบ้เท่านั้น ต่อไปเ้าก็เป็คนพิการไปตลอดชีวิตเสียเถอะ กล้ากล่าวว่าพระชายาเสียนเฟยใส่ร้ายเ้า สมควรแล้วที่ถูกจับกรอกยา”
เมื่อกล่าวจบจึงเตะอย่างแรงอีกสองที ถ่มน้ำลายตามมาอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
คำพูดของเขาทำให้เสี่ยวกงเจวี๋ยตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ดวงตาสีน้ำหมึกคู่นั้นสะท้อนประกายอาฆาต เขาเคยคาดเดาว่าเสียนเฟยเป็คนใส่ร้ายเขา และเคยกล่าวสิ่งนี้กับเสี่ยวเตี๋ย คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้ประโยคนี้ของเขาไปขออาศัยบารมีคนอื่น นี่คือจิตใจมนุษย์ นี่คือวังหลัง มีเพียงผู้ที่โเี้ที่สุดจึงจะสามารถมีชีวิตรอดต่อไป
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินจากไปไกลแล้ว กงอี่โม่จึงะโออกมา นางพลันคิดถึงเื่บางอย่าง... ภายหลังมีเสียงเล่าลือว่ายมราชกระหายเืผู้กุมกองกำลังสำคัญอยู่ในมืออย่างเซ่อเจิ้งอ๋อง ตอนอายุสี่ขวบถูกส่งเข้าตำหนักเย็น เขาถูกคนวางยาจนกลายเป็ใบ้ ใช้ชีวิตอย่างน่าอนาถ ภายหลังเมื่อเติบใหญ่มีอำนาจอยู่ในมือแล้ว เขาพบหมอเทวดา จึงรักษาอาการที่คอจนหายดี
ทว่ากงอี่โม่รู้เป็อย่างดี แม้ว่าคอของเขาจะหายดีแล้ว ทว่าเวลาเอ่ยปากกลับเ็ปราวกับถูกมีดกรีดแทง ส่วนเสียงที่เปล่งออกมาเป็เสียงบาดหูไม่น่าฟัง ภายหลังเมื่อซูเมี่ยวหลันรู้เื่ราวเหล่านี้แล้ว นางจึงมักตุ๋นน้ำแกงผีผามาให้เขาอยู่เสมอ เพื่อให้เขารู้สึกดีกับนาง
ช่วยหรือไม่ช่วย?
ช่วยเขา นางรู้สึกไม่ใคร่ยินดีนัก แต่หากไม่ช่วย นางก็รู้สึกทนไม่ได้อยู่เหมือนกัน
หากเหตุการณ์ดำเนินต่อไปเหมือนชาติที่แล้ว กงเจวี๋ยจะต้องถูกทรมานอยู่ในตำหนักเย็นอีกหลายปี เมื่ออายุสิบสามปีจึงจะได้ออกไปจากที่นี่ ถึงตอนนี้นางไม่ช่วยเขา เขาก็ไม่ตายอยู่ดี
ทว่าเมื่อเห็นเด็กน้อยกุมลำคอตัวเองอยู่เบื้องหน้า ร่างผอมบางขดตัวงอเป็ก้อนเล็กๆ เพราะความเ็ปทรมานตรงลำคอ ส่งเสียงครางราวกับเ้าแมวน้อยผู้น่าสงสาร สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจริงๆ นางจึงขยับเท้าเดินออกมาจากมุมมืด
กงเจวี๋ยััได้ว่ามีคนเดินเข้ามาหาเขา ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือท่าทีระแวดระวัง
* เสี่ยวกงเจวี๋ย คำว่า เสี่ยว หมายถึงเด็กหรือคนมีอายุน้อย ผู้ใหญ่จึงมักจะเติมคำว่าเสี่ยวในชื่อของเด็กเพื่อเป็การแสดงความเอ็นดู