เคอโยวหรานพลันตั้งสมาธิเข้าสู่มิติวิเศษของหมาป่าเงิน จากนั้นร้องตะคอกเสียงดังลั่นว่า “ท่านอาจารย์พิษช่วยชีวิตด้วยเ้าค่ะ ศิษย์พี่อินจะวางยาข้าให้ตาย ศิษย์ว่านอนสอนง่ายตัวน้อยๆ ของพวกท่านจวนจะสิ้นใจประเดี๋ยวนี้แล้วเ้าค่ะ”
เซียนพิษเงยหน้าขึ้นจากทุ่งสมุนไพรพิษ เอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “แม่นางน้อย ไยเ้าต้องกลัวเขาด้วย? จี้หยกที่อาจารย์มอบให้เ้าเล่า? เหตุใดถึงไม่ใช่สิ่งนั้น?”
“จี้หยก?” เคอโยวหรานพลันนึกถึงป้ายคำสั่งของสำนักพิษ นางรีบหยิบมันออกมาจากมิติวิเศษแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์เ้าคะ ป้ายคำสั่งนี้เอาไว้ทำสิ่งใดหรือเ้าคะ?”
เซียนพิษถึงกับกุมขมับอยู่ในมิติวิเศษ “ไอ้หยา ศิษย์ผู้โง่เขลาของข้า ป้ายคำสั่งของสำนักพิษคือสิ่งล้ำค่า
เ้ากำป้ายคำสั่งไว้ในมือ ไม่ว่าอินจิ่วผู้นั้นจะวางยาอันใด ล้วนแต่ไม่เป็ผลต่อเ้าและคนรอบข้างของเ้า
เอาให้เ้าไปแล้วแท้ๆ แต่กลับใช้ไม่เป็ เ้าว่าเ้าทำให้อาจารย์เช่นข้าขายหน้าเกินไปแล้วหรือไม่”
์ ป้ายคำสั่งนี้เป็ของดีจริงๆ!
เคอโยวหรานยินดีเพราะเื่เหนือความคาดหมาย เหตุใดนางถึงไม่ศึกษาสักหน่อยว่ายังเอามาใช้เช่นนี้ได้? กลับทิ้งป้ายคำสั่งไว้ในมิติวิเศษจนฝุ่นจับไปหมด
ทางด้านอินจิ่วในยามนี้ พิษที่เขาใช้ไม่มีผลใดต่อเคอโยวหรานแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ยามตนวางยา ศิษย์น้องเล็กผู้นี้ยังเผยสีหน้าตาตื่นตระหนก ทั่วทั้งร่างตึงเครียด ทว่ายามนี้กลับนั่งพิงเก้าอี้ไต้ซืออย่างผ่อนคลายยิ่งนัก
อินจิ่วยกยิ้มชั่วร้าย ไม่เลวทีเดียว เห็นทีตาเฒ่าพิษจะสอนสั่งนางไปไม่น้อย
“ศิษย์น้องหญิง พวกเรามาหารือกันดีหรือไม่? แบ่งกำไรของโรงสุราฟู่หยวนสามต่อเจ็ดเป็อย่างไร”
“ได้เลยเ้าค่ะ! ข้าเจ็ดท่านสาม เช่นนั้นก็ตกลงกันอย่างเบิกบานใจ ศิษย์น้องหญิงขอขอบคุณศิษย์พี่ไว้ ณ ที่นี้เ้าค่ะ”
มือทั้งสองข้างของเคอโยวหรานกำเข้าหากันอยู่ในชายแขนเสื้อพลางลูบไล้จี้หยกของสำนักพิษ ยามนี้นางรู้สึกไร้สิ่งใดให้กังวลจริงๆ
อินจิ่วพลันตบที่เท้าแขน เหยียดกายนั่งตัวตรงแล้วตะคอกด้วยความโมโห “ข้าบอกเ้าเมื่อใดว่าเ้าเจ็ดข้าสาม? เ้าสามข้าเจ็ดต่างหากเล่า”
สิ้นคำกล่าว ยามนี้อินจิ่วพบว่าพิษระเหยที่ตนเพิ่งใช้ไปเมื่อครู่ไม่เกิดผลแม้แต่นิด
เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงก็ตระหนักได้แล้วเช่นกัน ภายในเวลาไม่กี่ชั่วอึดใจและพูดคุยกันแค่ไม่กี่ประโยคนี้ นายท่านของพวกเขากับศิษย์น้องหญิงผู้นี้ได้ประลองกันไปหลายครั้งแล้ว
แน่นอน นึกไม่ถึงว่าผู้ที่พ่ายแพ้จะเป็นายท่านของพวกเขา นี่มันอัศจรรย์เกินไปแล้วกระมัง?
คล้ายกับอิ่งอีกับอิ่งซานจะััได้ถึงบางสิ่ง? ต่างพากันขมวดคิ้วและยืนนิ่งไม่ไหวติงดุจขุนเขาอยู่ข้างกายเคอโยวหราน
ทั้งสองคนลอบรู้สึกว่า วันนี้พวกตนมิได้ปกป้องผู้เป็นาย แต่คือผู้เป็นายที่ปกป้องพวกตน
อีกทั้งความรู้สึกเช่นนี้ยังเด่นชัดอย่างยิ่ง ภายในใจของพวกเขาทั้งสองต่างรู้สึกไม่ค่อยดี ตนยังคงอ่อนแอเกินไป หลังกลับไปจะต้องขอให้นายน้อยสามช่วยเพิ่มระดับการฝึกฝนให้ยากขึ้นจึงจะดี
หลังจากอินจิ่ววางยาพิษระเหยจนหมด หางตาดอกท้อพลันเลิกสูงขึ้นก่อนจะกระเด้งกายขึ้นจากเก้าอี้โดยพลัน
เพราะเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุนแรงมากเกินไป ถึงขั้นพลอยทำให้เก้าอี้ไต้ซือพลิกคว่ำเสียแล้ว
อินจิ่วไม่แยแสเก้าอี้ที่ล้มอยู่บนพื้น เขาชี้นิ้วมือสั่นเทาไปทางเคอโยวหรานทันใด
“จะ...เ้า...เ้า...เ้ามีป้ายคำสั่งของสำนักพิษได้อย่างไร”
ประโยคนี้มิใช่ประโยคคำถาม แต่เป็ประโยคยืนยัน
เคอโยวหรานฉีกยิ้มกว้าง “ศิษย์พี่เพิ่งจะรู้ตัวหรือเ้าคะ? ไอ้หยา คงต้องโทษว่าเป็ความผิดของข้า น่าจะบอกศิษย์พี่ให้รู้ั้แ่เนิ่นๆ ดูเถิดว่าท่านต้องสิ้นเปลืองยาพิษไปตั้งมากมายถึงเพียงนี้ ศิษย์น้องเช่นข้ารู้สึกผิดอยู่บ้างจริงๆ เ้าค่ะ”
“เ้ายังจะรู้สึกผิดอีกหรือ? เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าเ้าจงใจ” อินจิ่วขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากเงยหน้ากระอักเืขึ้นฟ้าเสียจริง
นึกไม่ถึงว่าตาเฒ่าพิษจะเอาของสำคัญถึงเพียงนี้ของสำนักพิษให้กับแม่นางน้อยเช่นนี้ ช่างไม่กลัวว่านางจะทำป้ายคำสั่งหายเลยหรืออย่างไร?
เพื่อให้ได้มาซึ่งป้ายคำสั่งของสำนักพิษ ตนต้องพยายามมานานปีขนาดนี้ ตนไม่ได้เห็นแม้แต่เงา เคยเห็นเพียงแผนภาพของป้ายคำสั่งในคำเล่าขานเท่านั้น
การเปรียบเทียบคนกับคนเช่นนี้ เหตุใดถึงจวนจะทำให้ผู้อื่นโมโหเจียนตายเสียแล้ว?
ั้แ่ได้ยินคำว่า ‘เ้ามีป้ายคำสั่งของสำนักพิษ’ เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงต่างตกอยู่ในสภาวะนิ่งงัน ได้แต่อ้าปากกว้างจนมิอาจหุบเข้าหากันเสียแล้ว
เมื่อนึกถึงยามนั้นที่คนในสำนักพิษเข่นฆ่ากันจนมืดฟ้ามัวดินเพราะป้ายคำสั่งนี้ นายท่านต้องพยายามทำทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถและใช้เวลากว่าหกปีถึงจะกำราบให้สงบลงได้
เดิมคิดว่าสร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ถึงเพียงนี้ เซียนพิษย่อมต้องส่งมอบป้ายคำสั่งนี้ให้นายท่านกระมัง!
อีกทั้งแทบทุกคนในสำนักพิษต่างคิดว่านายท่านเป็เพียงผู้เดียวที่คู่ควรป้ายคำสั่งนี้
กลับนึกไม่ถึงว่ารอไปรอมา ไม่เอ่ยถึงเื่มีศิษย์น้องหญิงโผล่ขึ้นมา แต่เซียนพิษยังมอบป้ายคำสั่งให้นาง เพราะเหตุใดกัน?
เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงคิดไม่ตก อินจิ่วก็คิดไม่ตกเช่นกัน แต่ในเมื่อคิดไม่ตก เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงไปหาตาเฒ่าพิษเพื่อสอบถามให้ชัดเจน ไม่มีทางลงมือแย่งชิงมาอย่างแน่นอน
เพราะหากเ้าสำนักคนก่อนมิได้มอบให้กับมือ ป้ายคำสั่งชิ้นนี้ก็จะกลายเป็สิ่งของไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์อันใด
อย่าว่าแต่ป้องกันพิษ กระทั่งประโยชน์ประกายอื่นก็ยังไม่มี ดูไม่ต่างอันใดกับจี้หยกธรรมดาทั่วไปชิ้นหนึ่ง
ขณะเคอโยวหรานกำลังลูบไล้ป้ายคำสั่ง เซียนพิษที่อยู่ในมิติวิเศษยังพูดพล่ามถึงเื่ราวกับเกี่ยวกับป้ายคำสั่งอีกไม่น้อย
หมอเทวะไม่ยอมเป็รองเช่นกัน เขายังเล่าเื่เกี่ยวกับป้ายคำสั่งของสำนักหมออีกมากมาย ทำให้ยามนี้เคอโยวหรานยิ่งรู้สึกไร้สิ่งใดให้ต้องกังวลกว่าเดิม
ครั้นเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืด เคอโยวหรานไม่อยากมัวเสียเวลาอยู่ที่นี่จึงเอ่ยออกไปว่า
“ศิษย์พี่เ้าคะ พวกเราอย่ามัวเสียเวลากับเื่แบ่งกำไรของโรงสุราฟู่หยวนอยู่เลย ข้าสร้างโรงงานทำเต้าหู้แล้ว แต่ละวันสามารถผลิตออกมาจำนวนมาก
มิสู้พวกเรามาร่วมมือกัน ใช้หมู่บ้านเถาหยวนเป็ใจกลาง จัดการกระจายผลิตภัณฑ์จำพวกเต้าหู้กับเต้าฮวยไปยังตำบล อำเภอ และเมืองโจวฝู่ต่างๆ เป็อย่างไรเ้าคะ?”
อินจิ่วทอดมองเคอโยวหรานด้วยความตกตะลึงครู่หนึ่ง ใคร่ครวญถึงความเป็ไปได้ของหัวข้อสนทนานี้ก่อนจะเอ่ยว่า
“มิสู้ศิษย์น้องหญิงขายเคล็ดลับกับโรงงานให้ข้า เมื่อเป็เช่นนี้เ้าก็จะได้สบายใจขึ้นสักหน่อยมิใช่หรือ?”
“ย่อมได้เ้าค่ะ! หนึ่งแสนตำลึงเงิน ข้าจะยกทุกอย่างให้ท่าน” เคอโยวหรานเอ่ยอย่างตรงไปตรงมายิ่งนัก
มิใช่กระมัง? ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? มีพิรุธยิ่งนัก
เมื่อคิดเช่นนี้ อินจิ่วกลับไม่กล้าตอบรับเคอโยวหรานเสียแล้ว เขาอดถามออกไปมิได้ว่า
“นอกจากเงินหนึ่งแสนตำลึง ศิษย์น้องหญิงยังมีเงื่อนไขอื่นใดอีกหรือไม่?”
เคอโยวหรานส่ายหน้า “ไม่มีเ้าค่ะ ข้าก็แค่ขายเคล็ดลับให้ศิษย์พี่ ส่วนท่านจะหาวัตถุดิบได้หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับศิษย์น้องหญิงเช่นข้าแล้ว
แน่นอนว่าหากศิษย์พี่หาวัตถุดิบไม่ได้ ท่านก็สามารถมาซื้อจากศิษย์น้องหญิงเช่นข้า เพียงแต่ราคาวัตถุดิบนี้ ยังคงเป็กำไรห้าส่วนจากการขายอาหารจำพวกเต้าหู้ที่ศิษย์พี่ขายได้เ้าค่ะ”
“ไอ้หยา...” เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงถึงกับอดโพล่งออกมาในเวลาเดียวกันมิได้
ศิษย์น้องหญิงผู้นี้ของนายท่านช่างเก่งกาจยิ่งนัก อ้อมไปตั้งไกลยังวกกลับมาที่เดิมจนได้
แท้จริงแล้ววัตถุดิบทำเต้าหู้คือสิ่งใดกันแน่? ยังจะเป็ของที่หายากจริงๆ เช่นนั้นหรือ? เคอโยวหรานผู้นี้หามาได้ นายท่านของตนก็น่าจะหามาได้เช่นกันกระมัง?
ไม่เพียงแต่เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงที่คิดเช่นนี้ เพราะอินจิ่วก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เขายกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยว่า
“หนึ่งแสนตำลึงมากเกินไป ข้าให้เ้าได้มากที่สุดห้าหมื่นตำลึง เป็อย่างไร? จะขายหรือไม่?”
“ขาย เหตุใดจะไม่ขาย? มือหนึ่งยื่นเคล็ดลับมือหนึ่งยื่นเงิน เป็อย่างไรเ้าคะ?”
มุมปากของเคอโยวหรานยกยิ้มบาง ในยุคสมัยเช่นนี้ แค่อาหารการกินของครอบครัวชาวนาก็ยังเป็ปัญหา ผู้ใดจะไปปลูกถั่วเหลืองกัน?
หากมิใช่ว่าภายในมิติวิเศษของนางมีวัตถุดิบมากพอ ตนก็คงไม่มีวัตถุดิบไปตั้งนานแล้ว ยังจะจัดหาให้โรงสุราฟู่หยวนทุกวันได้อย่างไร?
เอาเงินค่าเคล็ดลับจำนวนหนึ่งมาจากอินจิ่วเสียก่อน รอกระทั่งเขาหาซื้อถั่วเหลืองไม่ได้แล้วกลับมาหาตน ถึงยามนั้นยังต้องหารือเื่อื่นกันสักหน่อย เหอๆ...
นอกจากนี้ตนยังมีลู่ทางหาเงินอีกตั้งมากมาย มิได้มีแค่เต้าหู้เพียงอย่างเดียว
หากภายหน้าเต้าหู้ถูกศิษย์พี่ผูกขาดเอาไว้ นางก็ยังไปทำอย่างอื่นได้ ไม่หมดหนทางทำกินเป็พอ
อินจิ่วมักรู้สึกว่าภายในใจของศิษย์น้องหญิงผู้นี้มีแผนการไม่ธรรมดา แต่กลับนึกไม่ออกว่ามีสิ่งใดไม่ชอบมาพากล