มู่หรงอวี้อุ้มนางไปตรงที่ที่มีแท่นหิน ก่อนจะวางนางลง “ขาพลิกหรือ?”
การอุ้มในครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้มู่หรงอวี้ยิ่งนัก
ััช่างอ่อนนุ่ม แ่เบา เขารู้สึกว่าทุกตำแหน่งบนตัวขององค์รัชทายาทนุ่มนิ่มไปหมดราวกับสตรี
รวมกับหน้าตาอันงดงามขององค์รัชทายาท ดวงตาเรียวหยาดเยิ้มคู่นั้น ริมฝีปากบางราวกับย้อมสีแดงไว้ แก้มอมชมพูระเรื่อสีลูกท้อ รูปร่างอ้อนแอ้นบอบบาง ความคิดที่แสนน่ากลัวพลันผุดขึ้นมา หรือความจริงแล้วองค์รัชทายาทจะเป็สตรี?
เมื่อเห็นว่าเขาจะดูที่เท้าขวาของตน มู่หรงฉือรีบหดเท้ากลับไป “ไม่ต้องหรอก แค่นี้เล็กน้อย”
“ข้อเท้าพลิกหาใช่เื่เล็กน้อย หากาเ็ไปจนถึงกระดูก จะต้องรักษาตัวครึ่งเดือนถึงจะสามารถเดินได้เป็ปกติ”
มู่หรงอวี้จับเท้าขวาขององค์รัชทายาท ถึงแม้จะสวมถุงเท้าขาวอยู่ แต่กลับเหมือนเท้าเรียวเล็กของสตรี
ชั่วขณะหนึ่ง จู่ๆ เขาก็อยากจะถอดถุงเท้าออกมาดูว่าเท้าขององค์รัชทายาทงดงามถึงเพียงนั้นจริงหรือไม่
“เจ็บๆ… ท่านเบาๆ หน่อย…” นางสูดปาก คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
“เปิ่นกงค่อยกลับไปทายาที่ตำหนักก็ได้ ไม่กี่วันก็หายแล้ว” นางหมุนเท้าขวาเรียวเล็กข้างนั้นเบาๆ
“เปิ่นกงไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว”
นางรีบสวมรองเท้า ในสายตาของเขา การกระทำของนางลุกลี้ลุกลนราวซุกซ่อนสิ่งใดไว้
ตอนนี้เอง การทดสอบก็จบลง หรงจ้านผู้ดูแลคฤหาสน์หนึ่งในใต้หล้ามายืนตรงกลางลานหันหน้าไปทางทิศเหนือ แล้วเอ่ยออกมาเสียงดัง “ขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วม การทดสอบในวันนี้ได้จบลงเพียงเท่านี้ สามท่านที่ผ่านการทดสอบจะได้เป็สมาชิกของคฤหาสน์หนึ่งในใต้หล้า ซึ่งจะประกอบไปด้วยคุณชายไป๋จอมโจรผู้เป็หนึ่งในใต้หล้า คุณชายหยางจอมคาถาหนึ่งในใต้หล้า และแม่นางซูนักเลียนเสียงหนึ่งในใต้หล้า นับแต่นี้ไปทั้งสามจะได้รับทุกอย่างที่คฤหาสน์หนึ่งในใต้หล้ามอบให้กับสมาชิกทุกคน”
เมื่อหรงจ้านพูดจบทั่วทั้งคฤหาสถ์ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น
คุณชายไป๋ คุณชายหยาง และแม่นางซูประสานมือคำนับแก่ทุกคน
มู่หรงฉือปลอบใจตัวเอง จอมคาถาเป็คนเก่งหาคนเทียบได้ยาก เป็คนที่นาง้าอยู่พอดี จอมโจรเองก็ไม่แย่ ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะสามารถใช้งานเขาได้
ในตอนนี้เองที่มู่หรงอวี้เดินมา ฝีเท้าหนักแน่นมั่นคงทั้งยังโดดเด่นท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย
นางแอบพูดเบาๆ แย่แล้ว เขาคิดจะทำอะไรอีก?
สายตาของทุกคนต่างมองไปที่เขา คนผู้นี้คือใครกัน?
ดูท่าทางแล้วไม่ธรรมดา น่าจะเป็บุคคลที่มีหน้ามีตาพอควรเลยทีเดียว
“คุณชายไป๋ คุณชายหยาง แม่นางซู ข้าน้อยนับถือความสามารถของพวกท่านยิ่งนัก” มู่หรงอวี้พยักหน้าอย่างให้เกียรติ ไม่ได้ถือตัวว่าตนเป็ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนอันสูงส่งที่มองทุกคนตามลำดับชั้น “ความกระหายในความรู้ความสามารถของข้าน้อยเรียกร้อง จึงขอเชิญพวกท่านทั้งสามไปเป็แขกที่จวนอวี้หวางอย่างจริงใจได้หรือไม่”
“ที่แท้ก็เป็ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนนี่เอง ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว” คุณชายหยางรีบโค้งคำนับมู่หรงอวี้อย่างให้เกียรติ
คุณชายไป๋กับแม่นางซูทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองหน้ากันไปมา
ไม่เพียงแต่สีหน้าของหรงจ้านจะดำคล้ำ มู่หรงฉือเองก็โมโหจนบนใบหน้ามีเมฆดำปกคลุม ราวกับพายุฝนตั้งเค้า
มู่หรงอวี้ที่สมควรตาย! กล้าดีอย่างไรมาแย่งคนของนางไปต่อหน้าต่อตา!
มู่หรงอวี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่เพียงแต่เปล่งประกายแต่ยังทำให้โลกทั้งใบขาดสีสัน พระอาทิตย์กับพระจันทร์ก็ไร้แสงไป
ท่าทางอันสูงส่งนั้นพาให้บรรยากาศแลดูน่าเกรงขามยิ่งใหญ่ ประหนึ่งเขาสามารถเอาชนะทุกอย่างได้ภายในเสี้ยววินาที
“คุณชายทั้งสองท่านและแม่นางซู คืนนี้จวนอวี้หวางจะจัดงานเลี้ยง เปิ่นหวางเป็เกียรติยิ่งนักที่ได้ต้อนรับพวกท่าน”
เสียงแหบกังวานของเขาทำให้ผู้คนต่างรู้สึกดี
ประชาชนไม่พอใจกับฮ่องเต้ที่เลอะเลือนไม่สนใจไยดีราษฎร แต่กลับให้เกียรติท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ดูแลราชสำนัก ตั้งใจว่าราชการเป็อย่างดี ในตอนนี้เขาแสดงท่าทางให้เกียรติผู้ที่ฐานะต่ำต้อยกว่า ทั้งท่าทีที่้าขอคำชี้แนะจากผู้มากความสามารถ ทำให้ผู้ที่มีความสามารถทุกคนในใต้หล้าต่างเลื่อมใส ผู้มีความสามารถทั้งสามคนนั้นจึงพยักหน้าตอบรับด้วยความยินดี
มู่หรงฉือเกลียดเขาจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะถีบเขาไปจนสุดขอบฟ้าสักที
หรงจ้านเดินลงมา ใบหน้าหล่อเหลาเ็า ไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัวมู่หรงอวี้เลยสักนิด “ท่านอ๋องกระทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนักพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงอวี้ทำท่าทางที่แสดงถึงการ ‘แย่งคนไปอย่างผ่าเผย’ ออกมา แล้วตอบ “เปิ่นหวางนับถือเ้าสำนักของพวกเ้ายิ่งนัก ไม่ทราบว่าคุณชายหรงจะพาเปิ่นหวางไปพบเขาได้หรือไม่?”
“เื่นี้...” สายตาของหรงจ้านเหลือบไปทางมู่หรงฉือ “ทูลท่านอ๋อง วันนี้เ้าสำนักไม่อยู่ที่คฤหาสน์พ่ะย่ะค่ะ”
“ที่จริงแล้ว ปรึกษากับคุณชายหรงก็ได้เช่นกัน” ั์ตาของมู่หรงอวี้ฉายความสนุกสนานออกมาแวบหนึ่ง
“ท่านอ๋อง เชิญพ่ะย่ะค่ะ” หรงจ้านผายมือเชื้อเชิญ
“อ้อ เปิ่นหวางยังมีสหายอีกคนหนึ่ง เ้ารอสักครู่”
มู่หรงอวี้เดินกลับมาพูดกับมู่หรงฉือ “เ้าสนใจคฤหาสน์หนึ่งในใต้หล้าไม่ใช่หรือ? ไปด้วยกันสิ”
นางยังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ของตัวเองออกมา มู่หรงอวี้ก็อุ้มนางขึ้นอย่างเผด็จการเดินตามหรงจ้านไปแล้ว
ร่างกายของมู่หรงฉือร้อนรุ่ม ทั้งยังต้องควบคุมสีหน้าของตนเอง ก่อนจะแสดงท่าทีไม่พอใจที่ ‘ถูกคนอื่นดูแล’ ออกมา
นางรู้สึกว่าเขาจงใจอาศัยโอกาสนี้เอาเปรียบนาง
มู่หรงอวี้รู้สึกอยากจะอุ้มนางขึ้นมา ทั้งยังโอบนางแน่นพอสมควร ราวกับกลัวว่านางจะร่วงลงไป
ทุกคนมองท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนอุ้มเด็กหนุ่มหน้าตางดงามคนหนึ่งด้วยท่าทีสนิทชิดเชื้อ จึงอดจ้องกันตาค้างไม่ได้ ต่างพากันพูดวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่
ที่แคว้นเยี่ยน เื่รสนิยมอย่างต้วนซิ่วหรือบุรุษชอบบุรุษผู้มีหน้าตางดงามดั่งสตรีนั้นก็มีอยู่บ้างประปราย เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาอย่างเปิดเผยก็เท่านั้น
“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนรับใช้ฮ่องเต้มาถึงห้าปี แต่กลับไม่ได้แต่งสตรีใด หรือบางทีอาจจะเป็เพราะว่าท่านอ๋องชอบบุรุษ?”
“เบาๆ หน่อย จริงอยู่ที่ท่านอ๋องไม่ได้แต่งพระชายาเข้ามา ได้ยินมาว่าในจวนหวางเองก็ไม่มีแม้แต่อนุสักคน”
“ไม่มีทางน่า ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ จะไม่มีแม้แต่อนุสักคนได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเื่อย่างว่าไม่ได้เื่หรอกนะ”
“นี่เ้ารนหาที่ตายหรือ? คำพูดแบบนี้เ้ายังกล้าพูดออกมาอีก?”
มู่หรงอวี้อุ้มมู่หรงฉือออกมาจากตรงนั้นท่ามกลางสายตาผู้คน
มู่หรงฉือลอบบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะผลักเขาออก อย่างไรเสียข้อเท้าของนางก็ปวดถึงเพียงนี้ ไม่อาจเดินเหินได้เองอยู่แล้ว
มู่หรงอวี้สมควรตาย! เขาต้องจงใจแน่นอน!
เมื่อมาถึงด้านในเรือน นางยังคงคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าเส้นประสาทเส้นไหนของเขาผิดปกติถึงได้อุ้มนางขึ้นมา อีกทั้งการอุ้มคนๆ หนึ่งเช่นนี้กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเร็วในการเดินไปด้านหน้าของเขา ไม่เพียงแต่เขาจะเดินได้อย่างมั่นคงเท่านั้น แต่ยังสาวเท้ายาวๆ ได้อย่างไหลลื่น
หรงจ้านอดมองไม่ได้ ในใจแอบรู้สึกสนุกสนาน ภาพนี้แปลกใหม่อยู่เหมือนกัน
มู่หรงฉือกุมหน้าผากของตนอย่างสติแตก อยากจะหารูมามุดหนีให้รู้แล้วรู้รอด
ครั้นเห็นสายตาแปลกๆ ของหรงจ้านก็รู้ว่าภาพนางที่เป็ ‘บุรุษ’ ถูกบุรุษอีกคนหนึ่งอุ้มไปมามันแปลกประหลาดเพียงใด
“ท่านอ๋อง วางเปิ่นกงลงเถิด” นางแทบอยากจะกัดฟันตัวเองให้แตก
“ประเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว”
ความจริงแล้วมู่หรงอวี้มีเป้าหมายเพียงอยากััร่างกายขององค์รัชทายาทแบบจริงๆ จังๆ อีกครั้ง
ผิวกายของมู่หรงฉือช่างอ่อนนุ่มละมุนยิ่งนัก
เพียงแต่ว่า บางทีรูปลักษณ์และร่างกายขององค์รัชทายาทอาจจะได้รับการสืบทอดมาจากฮองเฮา ถึงได้เติบโตมาราวสตรีเช่นนี้
หรงจ้านเชิญแขกทั้งสองท่านเข้ามาในห้องโถง ก่อนจะสั่งให้บ่าวรับใช้ไปยกน้ำชามา
มู่หรงอวี้วางนางลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่เ้าสำนักจะกลับมาหรือ”
หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ มู่หรงฉือคงฆ่าเขาเป็ร้อยเป็พันครั้งแล้ว
“ท่านอ๋องมาช้าไปสักหน่อย เ้าสำนักเพิ่งจะออกไปข้างนอกได้ไม่นาน ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ” แววตาของหรงจ้านวาววับ ก่อนจะเหลือบมองผู้เป็นายอย่างแเี
“เช่นนั้น ข่าวลือที่บอกว่าเ้าสำนักชอบท่องเที่ยวไปในใต้หล้าเป็จริงหรือ?” มู่หรงฉือเข้าใจในความหมายที่มู่หรงอวี้จะสื่อจึงโยนคำถามนี้ให้หรงจ้าน
“เป็เช่นนั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
บ่าวรับใช้ถือถ้วยน้ำชามา ก่อนหรงจ้านจะเชิญแขกดื่มชา
ั์ตาดำของมู่หรงอวี้ทอประกาย “เปิ่นหวางนับถือความฉลาดกับจิตใจของเ้าสำนักมาตลอด ไม่ทราบว่าเ้าสำนักเคยวางแผนที่จะส่งต่อหนึ่งในใต้หล้าหรือไม่?”
หัวใจของหรงจ้านกระตุก “ความหมายของท่านอ๋องคือ...”
มู่หรงฉือใจนปวดหัว มู่หรงอวี้สมควรตาย เขาคิดจะทำอะไรอีกแล้ว?
“ขอเพียงเ้าสำนักส่งมอบสำนักให้เปิ่นหวาง เปิ่นหวางรับรองว่าทุกอย่างในสำนักจะไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เ้าสำนักจะมีที่พึ่ง มีจวนอวี้หวางสนับสนุน คฤหาสน์ของเ้าสำนักไม่จำเป็ต้องกังวลว่าจะขาดแคลนเงินทองหรือด้านใดๆ อนาคตจะยิ่งเฉิดฉายกลายเป็ ‘หนึ่งในใต้หล้า’ สมชื่อ” มู่หรงอวี้อธิบายแผนการที่เขาวางเอาไว้
“เื่นี้...” หรงจ้านอดเหลือบมองไปทางมู่หรงฉือไม่ได้
มู่หรงฉือโกรธจนอยากจะกระอักเือีกครั้ง เขายัง้าคฤหาสน์หนึ่งในใต้หล้าด้วยอย่างนั้นหรือ!
เขากำลังจะแย่งคฤหาสน์หนึ่งในใต้หล้าไปต่อหน้าต่อตา แย่งไปอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้เลยหรือ?
นางบริหารหนึ่งในใต้หล้าอย่างยากลำบากมาถึงห้าปี เขาแค่อ้าปากก็จะขอไปเช่นนี้หรือ?
นางเคยเห็นคนหน้าไม่อายมามาก แต่ไม่เคยเห็นคนที่หน้าไม่อายถึงเพียงนี้เลย
“รอเ้าสำนักกลับมาแล้ว ขอให้คุณชายหรงไปรายงานเปิ่นหวางด้วย เปิ่นหวางจะรอ” ดวงหน้าของมู่หรงอวี้เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ท่านอ๋อง กระหม่อมสามารถพูดกับพระองค์อย่างมั่นใจได้ว่า หนึ่งในใต้หล้าเป็เืเนื้อและหัวใจของเ้าสำนัก เขาไม่มีทางยกให้ท่านง่ายๆ แน่พ่ะย่ะค่ะ” หรงจ้านพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ
“เปิ่นหวางเชื่อว่าเงื่อนไขที่เปิ่นหวางเขียนออกมาเ้าสำนักจะสนใจ”
“ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเขียนเงื่อนไขอะไรออกมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“รอเ้าสำนักกลับมาแล้ว เปิ่นหวางจะพูดกับเขาเอง”
“เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากพูดคุยเล่นกันอีกสองสามประโยค มู่หรงอวี้ก็บอกลา
หรงจ้านกล่าว “คุณชายท่านนี้เหมือนจะได้รับาเ็ ที่คฤหาสน์มีเหล้ายา กระหม่อมจะให้บ่าวรับใช้เอามาให้”
มู่หรงฉือรีบพูด “ดีๆๆ ลำบากคุณชายหรงแล้ว”
เพียงครู่เดียว บ่าวรับใช้ก็ถือขวดเหล้ายามาขวดหนึ่ง มู่หรงฉือกำลังจะรินใส่ฝ่ามือของตนเอง แต่กลับถูกมือหนึ่งแย่งไป
เป็มู่หรงอวี้ที่เอาขวดยาไป “เปิ่นหวางจะช่วยเ้าเอง”
นางกัดฟันด้วยความโกรธ อยากจะตีหัวเขาให้แตก ใครใช้ให้เ้ายุ่งเื่ชาวบ้านกัน?
“ไม่ต้องหรอก เปิ่นกงช่วยเหลือตัวเองได้”
“นั่งดีๆ”
น้ำเสียงของเขาช่างเผด็จการไม่อ่อนข้อ ก่อนจะรินเหล้ายาลงไปที่ฝ่ามือ และถอดถุงเท้าของมู่หรงฉือออก เท้าเรียวเล็กราวหยก ผิวขาวดุจหิมะปรากฏสู่สายตาของบุรุษทั้งสอง
มู่หรงฉือถลึงตาใส่หรงจ้านท่าทางราวกับจะกินเืกินเนื้อ แสดงออกว่าตอนนี้นางไม่พอใจเป็อย่างมาก แทบจะเรียกได้ว่าโกรธจัดมากแล้ว
หรงจ้านอดหัวเราะออกมาไม่ได้ พลางโบกมือ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเองก็หวังดีคิดดีกับท่าน ใครจะรู้ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจะดีกับท่านขนาดนี้ ทั้งยังทาเหล้ายาให้ด้วยตนเองอีก
มู่หรงอวี้นำเหล้ายาในมือทาลงที่เท้าขององค์รัชทายาท ก่อนจะใช้แรงสามส่วนนวดคลึงให้เบาๆ
เท้าขององค์รัชทายาททั้งสองข้างราวกับเท้าของสตรี เมื่อนวดไปแล้วก็รู้สึกได้ถึงความละเอียดนุ่มลื่น ให้ััดียิ่ง
มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่เขารู้สึกว่า เ้าของเท้าหยกคู่นี้จะต้องเป็สตรีที่งามมากคนหนึ่ง
หรงจ้านทั้งปรายตาตั้งหรี่ตา ก็ไม่กล้ามองภาพที่สวยงามเกินไปเช่นนี้
มู่หรงฉือกรีดร้องอยู่ในใจ ครั้นรู้สึกสบายขึ้นมาเล็กน้อยจึงรีบพูด “เอาล่ะ ไม่เจ็บแล้ว”
มู่หรงอวี้ยืนขึ้น คืนขวดเหล้ายาให้หรงจ้าน “ขอบคุณมาก”
หรงจ้านกล่าว “ท่านอ๋องเกรงใจแล้ว”
ต่อมามู่หรงฉือฝืนจะเดินเอง แต่ว่าข้อเท้าก็ยังคงมีความปวดอยู่
ครั้นเดินออกมาจากหนึ่งในใต้หล้า นางก็พบปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่ง นางจะกลับเข้าเมืองอย่างไร?
ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนยืนอยู่ด้านข้าง เขาเองก็ไม่สามารถนั่งรถม้าของหนึ่งในใต้หล้าไปได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้