แผนการที่สวี่เว่ยหรานวางไว้อย่างดีกลับถูกเซียวซู่ซู่ทำจนพังเพียงเพราะความสามารถที่เก่งกาจเหนือผู้คนของนาง
ตำแหน่งยอดบุปผาตกเป็ของสกุลเซียวอย่างไม่ต้องสงสัยการแข่งขันประเภทสุดท้าย ฮวาเชียนจือไม่อาจทำตัวให้โดดเด่นสะดุดสายตาได้อีกอีกทั้งยังพ่ายแพ้ให้กับเซียวซู่ซู่เพียงเพราะว่าเซียวซู่ซู่ได้เลือกบทกลอนท่อนบนที่คนจำนวนมากคิดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับก็ยังไม่สามารถเขียนต่อได้
อีกทั้งตำแหน่งยอดบุปผาฝ่ายชายก็ตกเป็ของสกุลเซียวเช่นกันโดยมีเซียนเอินเป็ผู้ได้รับตำแหน่ง สกุลเซียวได้กลายเป็จุดสนใจของเมืองอวิ๋นอีกครั้ง เหมือนกับเซียวมี่ในปีนั้นที่สร้างความสั่นะเืไปทั้งราชสำนัก
เพียงแต่ว่าเซียวมี่นั้นได้ใช้วรยุทธ์อันล้ำเลิศของตนในการทำให้ราชสำนักสั่นะเืแต่เซียวเอินและเซียวซู่ซู่นั้นกลับใช้ความรู้ความสามารถประกาศให้คนทั่วแผ่นดินได้รู้จักพวกเขา
วันนี้คนที่สงบนิ่งที่สุดกลับเป็เหลยอวี๊เฟิงแต่เขากลับกำลังจ้องไปที่เซียวซู่ซู่ซึ่งยืนอยู่บนเวทีพร้อมศีรษะที่ประดับด้วยมงกุฏดอกไม้อย่างตื่นเต้นแววตาของเขาเต็มไปด้วยแสงแห่งความหวัง
ต่างกลับทุกคนในที่นี้ ที่เขาล้วนไม่เห็นอยู่ในสายตา ความจริงแล้วทุกครั้งที่เขาเห็นเซียวซู่ซู่ก็อดมิได้ที่จะนึกถึงสตรีอีกคนหนึ่งเสมอ
นึกถึงซูฉีฉีที่เสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถภายใต้คมดาบของม่อเวิ่นเฉินตอนนั้นเขาเห็นนางะโลงเหวไปอย่างไม่ลังเล ในใจก็รู้สึกเ็ปขึ้นมา
ตอนนี้เมื่อคิดถึงตอนนั้นก็ยังคงรู้สึกเ็ปอยู่บ้าง
เซียวซู่ซู่นั้นเป็ดุจแสงสว่างสาดส่องอยู่เหนือผู้คนอย่างมิต้องสงสัยเพียงแต่ว่าในรอยยิ้มของนางกลับแฝงด้วยความอ้างว้างอยู่จางๆในแววตาก็มีความเฉยชาอยู่หลายส่วน แม้ว่านางจะพยายามปิดบังมันเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของเหลยอวี๊เฟิงไปได้
เพียงแต่ว่าความอ้างว้างและเฉยชาหลายส่วนของนางกลับทำให้เขานึกถึงซูฉีฉีขึ้นมา
เขากำลังคิดว่าซูฉีฉีเองก็มีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่นางเกิดในสกุลซู และเกิดมามีน้องสาวอย่างซูเมิ่งหรู ถ้าหากไม่ใช่เช่นนั้นนางเองก็คงโดดเด่นเป็สง่าเช่นนี้เหมือนกันกระมัง
อย่างน้อยภายหลังที่นางมาอยู่จวนอ๋องติ้งเป่ยโหวความสามารถของนางก็ค่อยๆ มีโอกาสได้เปิดเผยออกมาอีกทั้งม่อเวิ่นเฉินเองก็ชื่นชมเป็อย่างมาก
บางครั้งเขาก็กำลังคิดว่าตอนแรกที่ตนทำการพนันกับม่อเวิ่นเฉินนั้นเป็เื่ที่ถูกหรือผิดกันแน่
“ท่านคิดว่า สวี่เว่ยหรานจะทำเช่นไร?” ตอนนี้ฮวาหรูเสวี่ยกลับมีรอยยิ้มงดงามประดับบนใบหน้าขณะเอ่ยถามหลี่อวี๊เฟิงแม้ว่าวันนั้นคนทั้งสองจะจบบทสนทนาได้ไม่ดีนัก แต่ว่าฮวาหรูเสวี่ยเป็คนประเภทไหนแน่นอนว่านางไม่มีทางเฉยเมยต่อเหลยอวี๊เฟิงเพียงเพราะเื่แค่นั้นอย่างแน่นอน
นางเองก็ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ให้กับเหลยอวี๊เฟิงขอแค่ท่านมีฝีมือมากพอ เซียวซู่ซู่ นางพร้อมจะมอบให้เขา
เดิมคิดอยากใช้ฮวาเชียนจือมาเกาะติดเหลยอวี๊เฟิงแต่ว่าจากเมื่อวานจนถึงวันนี้นางเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเ้าสำนักเหลยผู้นี้ไม่แม้แต่จะชายตามองฮวาเชียนจือเลยสักครั้งเดียว ต่อให้เป็สตรีรูปโฉมงดงามก็หาใช่สิ่งที่เหลยอวี๊เฟิง้า จุดนี้ทำให้ฮวาหรูเสวี่ยผิดหวังเหลือเกิน
แต่ว่า ตอนนี้ยังคงมีเซียวซู่ซู่อยู่นางไม่ได้คิดจะให้เซียวซู่ซู่ลงมือทำอะไรจริงๆขอเพียงสามารถสร้างความบาดหมางระหว่างอ้าวอวิ๋นและโยวเจิ้นสองแคว้นนี้ได้เท่านั้น
เพียงพอแล้ว
นางเองก็รู้ว่าด้วยอำนาจของเซียวมี่ในตอนนี้ นางยังไม่สามารถขาดสกุลเซียวไปได้
การตกลงให้ป๋ายหลี่ม่อถอนหมั้นนั้นก็เป็เพราะว่าตอนนั้นเซียวซู่ซู่เป็หญิงปัญญาอ่อนจริงๆนางรู้ว่าสกุลเซียวจะต้องไม่ถือสาอะไรจากเื่นี้
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วเซียวซู่ซู่กลับกลายเป็สตรีสูงส่ง ได้รับการชื่นชมและจับตามองจากผู้คนนับหมื่น
ถ้าหากรู้แต่แรกว่าเซียวซู่ซู่เป็หญิงที่เฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้บางทีนางอาจจะยอมถอนหมั้นระหว่างสองแคว้นั้แ่แรกแล้วก็เป็ได้
ฮวาหรูเสวี่ยปีนั้นเกือบจะโดนพี่สาวน้องสาวของตนหลายคนวางแผนลอบสังหารทำให้นางต้องส่งธิดาของตนเองไปฝากไว้ที่ต้าเยียน ทั้งหมดก็ล้วนเป็เพราะว่านางมักจะหาใช้ผลประโยชน์ทุกอย่างจากคนหรือเื่รอบข้างทั้งหมดเสมอ
ก็เหมือนกับเซียวซู่ซู่ในตอนนี้
ั้แ่วันแรกนางก็ได้วางแผนแล้วว่าจะใช้ประโยชน์จากสาวน้อยผู้นี้อย่างไร แม้ว่าเซียวซู่ซู่จะมีรูปร่างค่อนข้างเล็กอีกทั้งโฉมหน้าจิ้มลิ้มมิได้เป็ที่ชื่นชอบของแคว้นป่ายฮวาสักเท่าใดนักแต่ว่าที่ต้าเยียน อ้าวอวิ๋นและโยวเจิ้นกลับถือเป็สาวงามชั้นยอด
และภายในค่ำคืนเดียวฮวาหรูเสวี่ยก็ได้ฝากความหวังไว้กับสกุลเซียวแล้ว นางรู้ว่าเซียวซู่ซู่ที่เป็เช่นนี้้าอะไร
เหลยอวี๊เฟิงนั้นเป็ใครแค่เพียงผ่านงานฉลองเมื่อวานเขาก็รู้แล้วว่าสตรีที่แสนเ้าเล่ห์เพทุบายผู้นี้คิดจะทำอะไรเพราะฉะนั้นวันนี้เขาถึงไม่ได้ลงมือ
ถ้าหากเขาคิดจะใช้กำลังขึ้นมาจริงๆเกรงว่าทั้งหนานเจียงคงต้องสั่นคลอนเป็แน่
ฮวาหรูเสวี่ยเห็นแก่ที่ตนมีความสัมพันธ์กับม่อเวิ่นเฉินจึงกล้ากำเริบถึงเพียงนี้
ทว่าเหลยอวี๊เฟิงในตอนนี้รู้สึกว่าฮวาหรูเสวี่ยทำเช่นนี้ก็ดีเหมือนันอย่างน้อยก็จะไม่ทำให้เซียวซู่ซู่ต้องได้รับผลกระทบอะไรอย่างน้อยก็ไม่กระทบต่อตนและม่อเวิ่นเฉิน และไม่กระทบต่อต้าเยียน
แม้ว่าระหว่างต้าเยียนและหนานเจียงเขาจะมีใจเข้าข้างม่อเวิ่นเฉิน ในความคิดของเขาแผ่นดินของต้าเยียนไม่ช้าก็เร็วจะต้องตกอยู่ในมือของม่อเวิ่นเฉินเพราะฉะนั้นเขาจะต้องทำตัวเป็เส้นป้องกันที่ดี ในเวลาสำคัญจะได้กลืนหนานเจียงไปด้วยเลย
สีหน้าของเขาเรียบเฉยพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษภัยก็ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าความจริงแล้วเขามีความทะเยอทะยานถึงเพียงนี้ขอเพียงทำเพื่อม่อเวิ่นเฉิน เขาพร้อมจะยอมทำทุกอย่าง
“รัชทายาทโยวเจิ้นงั้นหรือ...” เหลยอวี๊เฟิงหันศีรษะไปมองทางฮวาหรูเสวี่ย “แน่นอนว่าต้องลงมือขัดขวางรัชทายาทอ้าวอวิ๋น”
ฮวาหรูเสวี่ยพยักหน้า “ท่านว่า...เซียวซู่ซู่จะเลือกใคร?”
“ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่เลือก” เหลยอวี๊เฟิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มิใช่ยังมีองค์ชายฮวาเชียนเย่หรอกหรือ”
ประโยคนี้กลับทำให้สีหน้าของฮวาหรูเสวี่ยเขียวคล้ำขึ้นทันทีผ่านไปเนิ่นนาน นางก็ยังคงไม่เอ่ยคำใดออกมา
โบราณว่าไว้ สาวงามมักนำภัยมาให้ เกรงว่าเซียวซู่ซู่ผู้นี้จะเป็ภัยของหนานเจียงจริงๆ เพียงแต่ต้องดูว่าสตรีผู้นี้ฉลาดพอหรือไม่
ผู้ครองตำแหน่งยอดบุปผาสามารถเสนอคำขอข้อหนึ่งต่อฮ่องเต้หญิงได้
ตอนนี้เซียวซู่ซู่กำลังก้าวทีละก้าวไปหาฮวาหรูเสวี่ย จากนั้นก็คุกเข่าลงอย่างมีมารยาทสีหน้าของนางราบเรียบ ไร้ซึ่งความต่ำต้อยของสามัญชนเสมือนว่าบารมีอันสง่างามของนางมีมาั้แ่กำเนิดแล้ว แต่กลับไม่ทำให้คนรู้สึกเกลียดชังอีกทั้งยังรู้สึกว่าความสง่างามเช่นนี้ถึงจะเหมาะกับสตรีอย่างเซียวซู่ซู่
“เซียวซู่ซู่ เ้าสามารถเสนอคำขอมาได้ข้อหนึ่ง” สีหน้าของฮวาหรูเสวี่ยได้กลับไปปกติดังเดิมแล้วสำหรับประโยคเมื่อครู่ของเหลยอวี๊เฟิง แม้ว่าในใจของนางจะไม่พอใจอยู่บ้างแต่ว่าก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา
เพราะว่าความจริงก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว
“ขอบพระทัยฝ่าา” น้ำเสียงของเซียวซู่ซู่ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไป “หม่อมฉันขอให้แต่งงานได้อย่างอิสระ”
นางเป็ทายาทของขุนนางแน่นอนว่าการสมรสจะต้องถูกกำหนดโดยราชสำนัก
การที่ป๋ายหลี่ม่อถอนหมั้นทำให้นางกลายเป็คนไม่มีข้อผูกมัด แต่นางเองก็รู้ว่าเพียงประโยคเดียวของฮวาหรูเสวี่ยนางอาจจะต้องแต่งงานกับป๋ายหลี่ม่ออีกครั้ง เพราะว่านางเห็นสีหน้าไม่ยินยอมของบุรุษผู้นั้นอย่างชัดเจน แต่ว่านางกลับไม่คิดอยากจะแต่งกับคนที่คิดว่าตนนั้นถูกคิดว่าชีวิตของตนสูงส่ง อีกทั้งยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
มิเพียงแต่ป๋ายหลี่ม่อต่อให้คิดอยากจะให้นางแต่งงานกับใคร นางก็ไม่ยินยอมทั้งนั้นนางไม่อยากจะเป็เหมือนชาติก่อนของตนที่ต้องกลายเป็หมากตัวหนึ่งที่ใช้ในการแต่งงาน ต่อให้ชาตินี้ นางจะไม่โดนเหยียดหยามเช่นนั้นแต่ว่านางก็ไม่อยากกลับไปผิดพลาดอีกครั้ง
ประโยคเดียวก็สามารถเรียกเสียงโห่ร้องจากผู้คนด้านล่าง สีหน้าของสวี่เว่ยหรานและป๋ายหลี่ม่อล้วนย่ำแย่อย่างถึงที่สุด
ทว่าบนใบหน้าของสวี่เว่ยหรานยังคงประดับด้วยรอยยิ้มถึงสามส่วนสายตาที่มองเซียวซู่ซู่นั้นก็มีความชื่นชมและนับถือเพิ่มขึ้น ไม่ใช่สตรีธรรมดาจริงๆ นางรู้ว่าจะดึงตัวเองออกจากสถานการณ์ลำบากได้เช่นไร
คำขอนี้ทำให้ป๋ายหลี่ม่อนิ่งอึ้งไปเช่นกันั้แ่โบราณมา การแต่งงานของบุตรธิดาของเหล่าขุนนางล้วนถูกกำหนดโดยราชสำนักมิเคยได้ยินว่ามีการแต่งงานอย่างอิสระมาก่อน อีกทั้งสตรีที่เสนอคำขอนี้กลับเป็...
เหมือนว่าความคิดของนางจะล้ำหน้าเกินไปทำให้ทุกคนล้วนยากที่จะยอมรับได้
และเหลยอวี๊เฟิงในตอนนี้กำลังหรี่ตาของตนเองก่อนจะมองวิเคราะห์สตรีที่กำลังคุกเข่าเบื้องหน้าผู้นี้อย่างละเอียดอีกครั้ง สตรีผู้นี้ทำให้เขาต้องมองนางใหม่อีกครั้ง เพียงคำขอข้อเดียวก็ช่วยป้องกันนางจากทุกอย่าง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฮวาหรูเสวี่ย้างั้นหรือ?
หรือว่า...
ทว่าเขาก็ยังคงส่ายศีรษะเบาๆเขากำลังคิดว่า ด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งของฮวาหรูเสวี่ยแล้วจะทำการปรึกษากับสกุลเซียวก่อนได้อย่างไร
ดูเหมือนว่าเซียวซู่ซู่นั้นฉลาดพอ ฮวาหรูเสวี่ยเองก็มีสีหน้าตกตะลึง ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองได้เท่าใดนัก ขณะที่นางมองไปทางเซียวซู่ซู่ดวงตาก็ค่อยๆ หรี่ลงเช่นกัน นางคิดอยากจะมองสตรีผู้นี้ให้ทะลุปรุโปร่ง
ต้องเป็คนเช่นใดกันถึงจะสามารถมองสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่งถึงเพียงนี้อีกทั้งยังรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ดึงตัวเองออกจากสถานการณ์เบื้องหน้า
กระทั่งคนสกุลเซียวทุกคนก็ล้วนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น รวมไปถึงฮูหยินเฒ่าเซียวมี่ด้วย...