ผู้ติดตามเดิมของซ่งอีอีคุกเข่าลงบนพื้น รอรับโทษด้วยตัวสั่นงันงก
พระชายาของชิงผิงอ๋องตกน้ำ แล้วยังปรากฏตัวอยู่ในหีบสินเดิมของจวนเฉิงเซี่ยง หากไม่ทำให้คนสงสัยในตัวซ่งอีอีก็คงจะพูดยาก
“องค์ชาย” ซ่งอีอีคุกเข่าลงกลางตำหนัก “วันนี้เป็วันอภิเษกสมรสของหม่อมฉันกับองค์ชาย หม่อมฉันไม่มีเหตุผลใดที่จะไปทำร้ายพระชายาของชิงผิงอ๋องเลยนะเพคะ หม่อมฉันจะไม่สนใจพิธีอภิเษกสมรสของตัวเองและทำร้ายคนคนหนึ่งเลยหรือ?”
เป่ยเหลียนโม่อุ้มเหยาเชียนเชียนขึ้นมาอย่างแ่เบา คนในอ้อมแขนสองตาปิดสนิท เขาลองจับชีพจรดูแต่กลับััสิ่งใดไม่ได้เลย ดังนั้นจึงก้าวยาวๆ พานางไปที่ห้องบรรทมและเรียกหมอหลวงให้รีบมาโดยเร็ว
“เชียนเชียน?”
เขาตบใบหน้าเล็กของนางเบาๆ ตามหลักแล้วนางไม่น่าจะเป็อะไร อาเหยียนััไม่ได้ว่านางมีอันตราย ดังนั้นนางก็ไม่น่าจะสลบไสลไม่ได้สติเช่นนี้
“เชียนเชียน เ้ามองเปิ่นหวังสิ เชียนเชียน?”
เขาส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายเบาๆ ฝ่ามือใหญ่แตะที่ลำคอและหน้าผากของนาง และในขณะที่กำลังจะให้คนไปดูว่าหมอหลวงตายไประหว่างทางแล้วหรือยังก็มีบางอย่างเกี่ยวที่ฝ่ามือเล็กน้อย
เหยาเชียนเชียนแค้นเคืองอย่างถึงที่สุด เหตุใดต้องตบหน้ากันด้วย!
“เชียนเชียน?” เป่ยเหลียนโม่โน้มเข้าไปใกล้และโอบตัวนางเข้าสู่อ้อมแขน “หากเ้ายังไม่ตื่นขึ้นมาอีก เปิ่นหวังจะมอบโชคให้เ้าต่อหน้าธารกำนัลแล้วนะ”
ครั้นสิ้นเสียง คนที่เมื่อครู่ยังคงสลบไสลไม่ได้สติก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะมองไปยังผู้คนที่อยู่ในห้องนอนด้วยท่าทางสับสน
“นี่หม่อมฉัน...อยู่ในปรโลกแล้วหรือ?”
“เหลวไหล” เป่ยเหลียนโม่ผ่อนลมหายใจ ริมฝีปากบางแนบลงบนหน้าผากของนางประทับจูบแ่เบา “มีเปิ่นหวังอยู่ เ้าจะไปที่นั่นได้อย่างไร?”
ในที่สุดเหยาเชียนเชียนก็ปรับจุดรวมสายตาได้ ยังไม่ทันที่ผู้ใดจะเอ่ยปากถามอะไร อยู่ๆ นางก็ถลึงตาและกรีดร้องเสียงแหลมออกมา
“กรี๊ด! ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วย!”
สองมือของเหยาเชียนเชียนกอดเป่ยเหลียนโม่ไว้แน่น ท่าทางตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด กระทั่งทำให้หมอหลวงที่เพิ่งมาถึงพลอยทำกล่องยาตกไปด้วย เสียงนั้นช่างน่าใยิ่งนัก ไม่รู้ว่าหวังเฟยนึกถึงสิ่งใดขึ้นมาได้
“เชียนเชียนไม่ต้องกลัว” เป่ยเหลียนโม่ตบแผ่นหลังของนางเบาๆ “หากมีความคับข้องใจอย่างไรก็บอกเปิ่นหวัง เปิ่นหวังจะช่วยตัดสินให้เ้าเอง”
ซ่งอีอีจ้องมองเหยาเชียนเชียนอย่างอาฆาตและฟังนางฟ้องร้องทั้งน้ำตาไหลพราก กล่าวว่าเดิมทีนางเพียงแค่้าจะไปผ่อนคลายสักหน่อย แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกผลักตกลงไปในทะเลสาบกะทันหัน
“หากไม่ใช่เพราะหม่อมฉันดวงแข็ง วันนี้ก็คงไม่ได้พบท่านอ๋องอีกแล้วเพคะ” นางร่ำไห้ “คนผู้นั้นอาจจะคิดว่าหม่อมฉันตายไปแล้ว ดังนั้นจึงงมร่างของหม่อมฉันขึ้นมาและนำมาวางในหีบ หม่อมฉันได้ยินแว่วๆ ว่าได้ระบายความคับแค้นใจออกมาแล้วอะไรทำนองนั้น จากนั้นด้วยความใและหมดแรงก็เลยสลบไปเพคะ”
ทุกคนล้วนจับจ้องไปที่ซ่งอีอี หากจะกล่าวว่าก่อนหน้านี้พระชายาของชิงผิงอ๋องผูกอาฆาตกับผู้ใด คนที่จะรับหน้าที่นั้นโดยเลี่ยงไม่ได้ก็คือซ่งอีอี
ในตำหนักวันนั้นนางยืนกรานที่จะแต่งงานโดยไม่แยแสคำปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมของชิงผิงอ๋อง แต่เมื่อฮ่องเต้ทรงรับปากการแต่งงานนี้แล้ว ก็ดันมีข่าวลือว่านางพลัดตกจากม้าและถูกลอบสังหาร คนที่บงการเื้ัจึงชี้ไปที่พระชายาของชิงผิงอ๋อง
ทว่าหลังจากที่ผู้คนเข้าใจกันว่าเหยาเชียนเชียนลงมือสังหารนางด้วยความหึงหวง นางกลับลักลอบมีสัมพันธ์กับองค์ชายสาม และยามนี้ก็กลายเป็เช่อเฟยขององค์ชายสามเพื่อเป็การปกปิด
คุณหนูแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีผู้นี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ อ้อมค้อมกลับไปกลับมาอยู่นาน แม้กระทั่งวันอภิเษกสมรสก็ยังทำเื่สะท้านฟ้าะเืดินได้ นางจะต่อต้านคนเหล่านี้อย่างถึงที่สุดเลยหรืออย่างไร ทว่านางก็ก่อเื่มามากขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกหรือ?
“หวังเฟยกล่าวว่ามีคนจงใจผลักเ้าตกน้ำ” เป่ยเหลียนโม่ลูบเส้นผมเปียกชื้นของนางเบาๆ ชั่วขณะหนึ่งมีเพียงเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแ่เบาของนาง “หวังเฟยเห็นหน้าคนร้ายหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนฟังแล้วชะงักไปชั่วขณะจากนั้นจึงส่ายหน้า “ไม่เห็นเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่ให้นางอิงซบบนแผ่นอกของเขา สายตาทอดมองไปยังซ่งอีอีที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“หวังเฟยยังใอยู่ เช่นนั้นเชิญซ่งเช่อเฟยกล่าวก่อนดีหรือไม่ เหตุใดหวังเฟยของเปิ่นหวังถึงถูกขังอยู่ในหีบสินเดิมของเ้าได้เล่า”
“นี่ต้องมีคนใส่ร้ายหม่อมฉันเป็แน่เพคะ!”
ซ่งอีอีกล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน สายตาของเป่ยเหลียนโม่ทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะมองไปยังเหยาเชียนเชียน สตรีผู้นี้ยังไม่ตาย อีกทั้งยังปรากฏอยู่ในหีบสินเดิมของนางอีกด้วย หากนี่ไม่ใช่การใส่ร้าย เช่นนั้นแล้วนางเห็นผีกลางวันแสกๆ หรืออย่างไร
“ขอทูลถามชิงผิงอ๋อง หม่อมฉันมีเหตุผลใดที่จะทำร้ายหวังเฟยหรือ พระองค์จะโยนความผิดให้หม่อมฉันโดยอาศัยเพียงสิ่งเหล่านี้หรือ ทั้งพืชน้ำทั้งหีบสินเดิมเหล่านี้ ไม่มีผู้ใดเห็นความผิดปกติของสิ่งเหล่านี้เลยหรือเพคะ?”
ไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่จะพิสูจน์ได้ว่าซ่งอีอีบงการให้คนไปผลักเหยาเชียนเชียนตกน้ำ เหตุการณ์นี้คล้ายกับเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่นในคราแรกที่เหยาเชียนเชียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าซ่งอีอีผลักนางลงมาจากชั้นบน ทว่าไม่มีผู้ใดเชื่อ
เหตุการณ์ในวันนี้คล้ายกับซ้ำรอยเดิม ซ่งอีอีนั่งหลังตรงอยู่ในเรือนหอ เหยาเชียนเชียนถูกทำร้ายเป็ครั้งที่สอง สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือครั้งนี้นางไม่เห็นตัวคนร้าย
“หากท่านอ๋องไม่เชื่อ พระองค์สามารถถามองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูได้เลยเพคะว่าหม่อมฉันเคยก้าวออกไปสักก้าวหรือไม่ อีกทั้งคนที่อยู่ปรนนิบัติข้างกายหม่อมฉัน พวกเขาเคยพบพระชายาของชิงผิงอ๋องหรือไม่?”
ซ่งอีอีเชิดหน้าขึ้น นางไม่มีทางยอมรับผิดทั้งแบบนี้เด็ดขาด อีกทั้งยามนี้นางไม่ใช่ประชาชนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว แต่นางเป็ถึงเช่อเฟยขององค์ชายสาม ชิงผิงอ๋องตั้งข้อสงสัยทั้งหมดมาที่นาง เขาก็ต้องนำหลักฐานที่แท้จริงออกมากาง
“เปิ่นหวังย่อมไม่ลืมพวกเขาอย่างแน่นอน” เป่ยเหลียนโม่โบกมือ ทันใดนั้นกองกำลังคุ้มกันนครหลวงก็ออกมาข้างหน้าและพาข้าหลวงทั้งหมดที่ปรนนิบัติข้างกายซ่งอีอีออกมา
“ไม่ว่าเื่นี้จะเกี่ยวข้องกับซ่งเช่อเฟยหรือไม่ ทว่าโทษที่พวกเขาดูแลได้ไม่เต็มที่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โบย”
เป่ยเหลียนโม่กล่าวเสียงเย็น “โบยจนกว่าพวกเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ถึงจะหยุด”
เป็เื่ยากมากจริงๆ ที่จะหลบเลี่ยงคนพวกนี้และยัดคนเป็อย่างเหยาเชียนเชียนเข้าไปในหีบ เว้นแต่ว่าจะเป็ยอดฝีมือ ทว่าเมื่อดูคนเหล่านี้ที่มาวันนี้ หากจะมีผู้ใดกล้าพาคนแปลกหน้าเข้ามาในวังหลวง ก็ต้องลงมืออยู่ภายใต้สายตาของคนเหล่านี้อย่างแน่นอน
ในหนึ่งแถวมีคนราวเจ็ดถึงแปดคน พวกเขาล้วนถูกตรึงอยู่ในสวน ไม้กระดานหนาสองนิ้วฟาดลงมาเสียงดังตึงตัง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อก็สามารถคร่าชีวิตคนได้แล้ว
“ท่านอ๋อง” ซ่งอีอีไม่อยากเชื่อ “ท่านอ๋องจะบีบให้พวกเขาสารภาพหรือเพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่มองนางด้วยสายตาเอื่อยเฉื่อย ฝ่ามือใหญ่ลูบเส้นผมเปียกชื้นของเหยาเชียนเชียนเบาๆ
“ซ่งเช่อเฟยระวังคำพูดด้วย หวังเฟยของเปิ่นหวังต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อใส่ความบ่าวไพร่ไม่กี่คนเลยหรืออย่างไร?”
เหยาเชียนเชียนจับมือของเป่ยเหลียนโม่อย่างเงียบๆ เสียงกรีดร้องของข้าหลวงกลุ่มนั้นที่ดังอยู่ข้างนอกค่อยๆ เบาลง หากยังโบยต่อไปเช่นนี้เกรงว่าพวกเขาคงถูกโบยจนตายจริงๆ แน่
“หากหนึ่งในพวกเขายินยอมสารภาพ เปิ่นหวังจะสั่งให้กองกำลังคุ้มกันนครหลวงหยุดโบย”
ภายในตำหนักเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงคร่ำครวญของเหล่าข้าหลวง แม้ว่าจะเป็บุตรชายของฮ่องเต้ ทว่าเป่ยเหลียนโม่ก็ถือครองอำนาจทหารของกองกำลังคุ้มกันนครหลวงด้วย เมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้จึงต้องสืบสวนให้ชัดเจน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าลุกขึ้นมาขัดขวางเื่เหล่านี้
เป่ยเซวียนเฉิงค่อยๆ พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งและประคองซ่งอีอีให้ลุกขึ้นยืน เขาไม่ค่อยเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเป็ฝีมือของซ่งอีอี ต่อให้ข้าหลวงเหล่านี้ถูกโบยจนตายแล้วอย่างไร ทว่ายามนี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึก หากเขาคิดผิดไป...
“ข้าพูด ข้าพูดแล้ว...”
รองแม่ทัพส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดมือ และเข้าไปทูลรายงานเป่ยเหลียนโม่ เขากล่าวว่าสาวใช้ที่ติดตามซ่งอีอียอมสารภาพว่านางเห็นเหยาเชียนเชียนยืนอยู่ริมทะเลสาบเพียงลำพัง และหลังจากนั้นก็มีคนหนึ่งผลักนางตกลงไปในทะเลสาบ
“นางกล่าวว่าไม่รู้จักคนผู้นั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เติบโตขึ้นมาภายในวังหลวงั้แ่เด็ก นางเพิ่งติดตามเข้ามาเมื่อตอนงานอภิเษกสมรสนี้ กระทั่งข้าหลวงที่อยู่รอบตัวก็ยังแยกแยะไม่ออก”
เป่ยเหลียนโม่เหยียดมุมปาก ไม่รู้จักแล้วอย่างไร นางเห็นกับตาว่ามีคนลอบทำร้ายหวังเฟยแต่กลับวิ่งหนี หากไม่ใช่เพราะถูกโบยไปสักสองสามไม้และเหตุการณ์ถูกเปิดโปง เช่นนั้นนางจะไม่ปิดบังเื่นี้ไปตลอดชีวิตเลยหรือ
“ท่านอ๋อง แม้เพ่ยเอ๋อร์จะเห็นด้วยตาตัวเอง แต่เื่นี้นางก็ไม่ได้เป็ผู้กระทำ ท่านอ๋องสามารถระบายโทสะกับผู้อื่นได้ แต่พระองค์ก็ต้องรับรู้ไว้ด้วยว่าคนที่บงการการลอบสังหารครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเพ่ยเอ๋อร์”
ซ่งอีอีหลับตาลง ถึงแม้ว่าเพ่ยเอ๋อร์จะเห็นเหตุการณ์แล้วไม่บอกกล่าวต่อผู้อื่นแล้วอย่างไร เพ่ยเอ๋อร์นางก็ตายไปเพียงคนเดียว ชิงผิงอ๋องจะโยนความผิดมาให้นางไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ข้าหลวงสองสามคนที่เหลืออยู่เริ่มหายใจแ่ ทว่าพวกเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าคนร้ายคือผู้ใด และนำตัวเหยาเชียนเชียนมาไว้ในหีบสินเดิมได้ั้แ่เมื่อไร
“ชิงผิงอ๋อง” อวี๋ผินที่นั่งหลังตรงอยู่บนบัลลังก์โดยไม่ส่งเสียงใดมาตลอด ยามนี้กำลังเดินลงมาข้างล่างด้วยความช่วยเหลือจากแม่นม
“หาก้าสืบสวนเื่นี้อย่างละเอียด สามารถมอบหมายให้เป็หน้าที่ของกระทรวงราชทัณฑ์ [1] ได้ บังคับลงโทษในวังหลวงเช่นนี้ไม่เหมาะสม เ้ารีบพาหวังเฟยกลับจวนไปพักผ่อนให้เต็มที่เสียดีกว่า”
เหยาเชียนเชียนช้อนตาขึ้นปะทะกับสายตาของอีกฝ่าย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แม้ดูไปแล้วอ่อนแอไปบ้าง ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับทำให้อีกฝ่ายจำเป็ต้องเผชิญหน้ากับมันตรงๆ แสงวาววาบที่แฝงอยู่ในนั้นทำให้อวี๋ผินนึกย้อนไปถึงการปะทะกันระหว่างนางและอีกฝ่ายเมื่อครั้งก่อนจึงหยุดเท้าลงอย่างห้ามไม่ได้
“พระชายาชิงผิงอ๋อง แม้วันนี้เ้าจะถูกทำให้เสียขวัญ แต่เ้าก็รบกวนแเื่ไม่น้อยเช่นกัน ต่อไปห้ามทำตามอำเภอใจอีก ในงานเลี้ยงของวังหลวงจะสามารถเดินเหินไปไหนตามใจชอบได้อย่างไรกัน”
เหยาเชียนเชียนหลุบตาลงเล็กน้อย ทำท่าทางราวกับรับฟังคำสั่งสอนของอีกฝ่าย แต่ก็พูดในใจว่าเหตุใดตนต้องเดินออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า นางรู้อยู่แล้วหรือ
“คำกล่าวของอวี๋ผินเหนียงเหนี่ยง เชียนเชียนจะจดจำไว้ในใจเพคะ เพียงแต่วันนี้เชียนเชียนก็ไม่คิดว่าจะประสบกับอันตราย และคนร้ายก็ยังอยู่ในวังหลวงโดยที่ยังจับตัวไม่ได้ หากครั้งนี้ท่านอ๋องสลายกองกำลังคุ้มกันนครหลวงไปแล้ว และคนต่ำผู้นั้นไปทำร้ายเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางท่านอื่นอีก เื่นี้จะถือเป็ความผิดของผู้ใดหรือเพคะ?”
ในเมื่อเขาควบคุมหน้าที่อันสำคัญอย่างกองกำลังคุ้มกันนครหลวงไว้ ในวังหลวงผู้ใดเล่าจะตำหนิเป่ยเหลียนโม่ได้ อำนาจนี้เป็ที่นับหน้าถือตา ทว่าแท้จริงแล้วก็ไม่อาจเกิดข้อบกพร่องได้
เหยาเชียนเชียนลุกขึ้นนั่งในอ้อมแขนของเขาและปะทะสายตากับอวี๋ผินโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว ริมฝีปากสีสดที่ยามนี้ไร้สีเืทำให้นางดูเหมือนไร้เรี่ยวแรง ทว่าดวงตาที่ยังคงสุกใสคู่นั้นทำให้อวี๋ผินลอบกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น
“คนต่ำยังคงซ่อนตัวอยู่ในวังหลวง อีกทั้งวันนี้เป็วันอภิเษกสมรสขององค์ชายสามและมีแเื่เข้าออกมากมาย หากมีผู้ใดถูกสังหารหรือประสบเหตุไม่คาดคิด เช่นนั้นท่านอ๋องจะรับโทษไหวหรือเพคะ”
“ข้างกายเ้ามีชิงผิงอ๋องคอยปกป้องอยู่แล้ว ยังกังวลว่าคนร้ายจะมาทำร้ายเ้าอีกหรืออย่างไร” อวี๋ผินมองลงมาด้วยสายตาเยือกเย็น “รีบกลับไปพักฟื้นเสียดีกว่า”
เหยาเชียนเชียนหัวเราะเบาๆ แสร้งทำเป็เอียงศีรษะอย่างสงสัย
“คำกล่าวของอวี๋ผินเหนียงเหนี่ยงคล้ายกับเป็การยืนยันได้แล้วว่าคนร้ายเจาะจงทำร้ายหม่อมฉันเพียงคนเดียว ทำไมหรือเพคะ เหนียงเหนี่ยงรู้จักคนร้ายหรือ?”
“บังอาจ!” แม่นมเอ่ยเสียงแข็ง “หวังเฟยโปรดระวังคำพูดด้วย ใส่ร้ายพระสนมมีโทษหนักนะเพคะ”
เหยาเชียนเชียนเอนซบในอ้อมแขนของเป่ยเหลียนโม่ที่อยู่ข้างหลัง นางมีสีหน้าไร้เดียงสาและกล่าวพร้อมกะพริบตาปริบๆ ว่า “เพียงแค่กล่าวส่งเดชไปอย่างนั้นเองเพคะ แม่นมร้อนใจอะไรหรือ”
ในขณะที่ทุกคนคิดว่านางจะกล่าวอะไรกับอวี๋ผินเพิ่มเติม เหยาเชียนเชียนก็ดึงผมที่ห้อยลงมาของเป่ยเหลียนโม่แล้วพูดเบาๆ ว่า “ท่านอ๋อง เรากลับจวนกันก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันคิดถึงอาเหยียนแล้ว"
เป่ยเหลียนโม่จ้องนางเขม็งและสั่งให้กองกำลังคุ้มกันนครหลวงพาแเื่ไปส่งออกจากวังทีละคน จากนั้นก็คุมตัวข้าหลวงในตำหนักแห่งนี้นำไปขังไว้เป็การชั่วคราว
“ชิงผิงอ๋อง ในนั้นมีคนของเปิ่นกงอยู่นะ!”
อวี๋ผินถลึงตาจ้องมองอย่างไม่เกรงกลัว แต่กลับไม่เห็นความลังเลของเป่ยเหลียนโม่แม้แต่น้อย เขาอุ้มเหยาเชียนเชียนออกไปนอกประตูตำหนักได้สองสามก้าว
“คำกล่าวเหล่านี้ของเหนียงเหนี่ยงเก็บไว้ให้เสด็จพ่อฟังเถิด” เหยาเชียนเชียนพิงลงบนไหล่ของเป่ยเหลียนโม่และยิ้มให้นางเล็กน้อย “เหตุการณ์ในวันนี้เสด็จพ่อทรงทราบแล้วเพคะ”
เชิงอรรถ
[1] กระทรวงราชทัณฑ์ เป็หนึ่งในระบบบริหารราชการส่วนกลางของจักรวรรดิจีน รับผิดชอบกระบวนการยุติธรรมและราชทัณฑ์ แต่ไม่รวมถึงการตรวจสอบหรือทัดทานราชการ
