บทที่ 5
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นของวัน พนักงานในแผนกบรรณาธิการเริ่มบางตาลงอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับความวุ่นวายตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าของสำนักพิมพ์ที่เริ่มจะวุ่นวายมากขึ้น เสียงแตรรถและเสียงะโคุยกันของเหล่าผู้คนด่างดังไปทั่วทั้งบริเวณ อีกทั้งกลุ่มนักศึกษาที่เพิ่งเลิกเรียนก็ตบเท้าออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ออกมาหาของกินและเดินเล่นกันในย่านวัฒนธรรมนี้
ท่ามกลางดวงตะวันที่เริ่มคล้อยลอยลงต่ำ แสงแดดที่สาดส่องกระทบกับใบไม้ที่เริ่มเปลี่ยนสีของต้นไม้ใหญ่ บนท้องถนนของเมืองใหญ่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศของความมีชีวิตชีวาของคนรุ่นใหม่ที่ออกมาใช้ชีวิตตามสมัยนิยม
ในห้องประจำตำแหน่งบรรณาธิการของแผนกวรรณกรรม ถานติงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจต้นฉบับที่ต้องตีพิมพ์ในสุดสัปดาห์นี้ได้ครึ่งหนึ่งก็ลุกขึ้นเหยียดแขนไล่ความปวดเมื่อย ก่อนที่จะเริ่มเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวที่จะกลับบ้านเหมือนกับคนอื่น ๆ
“ที่เหลือค่อยเป็เื่ของวันพรุ่งนี้แล้วกัน กลับบ้านไปหายินยินดีกว่า ป่านนี้ยินยินคงรอที่จะกินข้าวอยู่ที่บ้านจนเบื่อแล้ว ”
ถานติงพูดเบา ๆ พร้อมกับมองไปที่กรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วยิ้มออกมา ในภาพนั้นมีตัวของเขาและผู้หญิงในวัยไล่เลี่ยกันในชุดเดรสสีขาว ส่วนตรงกลางก็มีเด็กหญิงตัวเล็กที่ถักเปียสองข้างยิ้มให้กับกล้องด้วยท่าทีที่เขินอาย
แน่นอนว่าเด็กหญิงที่อยู่ในรูปนั้นก็คือยินยิน ลูกสาวของเขากับภรรยานั้นเอง
ก๊อก ๆ!
“บ.ก. ถาน จะกลับแล้วเหรอคะ ?”
เสียงเคาะประตูพร้อมกับคำถามลอยเข้ามาในหูของถานติงที่กำลังเก็บของอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าผู้ที่ถามนั้นเป็เสมียนประจำแผนกที่ชื่อเสี่ยวอ้ายยืนอยู่หน้าประตู พร้อมกับในมือของเธอกำลังถือซองเอกสาร
“ใช่ครับ !ผมกำลังจะกลับบ้านแล้ว มีอะไรด่วนเข้ามาเหรอเสี่ยวอ้าย ?”
เมื่อได้ยินคำถามของถานติง เสี่ยวอ้ายก็ส่ายศีรษะเป็การปฏิเสธทันที ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีว่าฉันได้รับของจากเสี่ยวหลินจากฝ่ายวรรณกรรม เห็นว่าเป็ต้นฉบับของคอลัมน์หนึ่งพันเื่ราวแดนัที่บ.ก.ไปสั่งให้เขียน ทางนั้นเขาเขียนเสร็จแล้วเลยให้ฉันฝากมาส่ง งั้นฉันวางตรงนี้นะคะ ”
“ครับ ขอบคุณมากครับเสี่ยวอ้าย ”
ถานติงกล่าวขอบคุณหญิงสาวพร้อมกับยื่นมือมารับซองเอกสาร เดิมทีเขาคิดจะรับมาแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวอ้ายที่บอกว่าเป็งานที่ตัวเขาสั่งไว้และเมื่อเปิดซองเอกสารก็พบกับกระดาษโน๊ตที่แปะอยู่หน้าต้นฉบับที่เขียนด้วยตัวอักษรแบบหวัด ทำให้ถานติงหยุดความคิดที่จะเก็บไว้อ่านในวันพรุ่งนี้แล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม
‘ลุงถาน นี่เป็ต้นฉบับที่ลุงสั่งให้ผมเขียนเมื่อตอนเช้านะครับ รบกวนลุงช่วยตรวจและวิจารณ์มันหน่อยนะครับว่าต้องมีตรงไหนปรับแก้อีกไหม ถ้ามีแก้ไขพรุ่งนี้ผมจะเข้ามารับต้นฉบับคืนแล้วแก้ไขตามที่ลุงบอกครับ
ฮองซู (หลินห่าวซวน) ’
“เ้าเด็กนี้ พอแต่งงานแล้วเริ่มทำตัวเป็ผู้เป็คนขึ้นมาทันที แถมยังทำงานเสร็จในเวลาอีกต่างหาก ”
ถานติงพูดขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าก่อนที่จะเหลือบสายตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง
“ลองอ่านสักครึ่งหนึ่งหนึ่งก่อนแล้วกัน คงไม่กินเวลาไปไม่มากหรอก ”
มือของถานติงที่แกะกระดาษโน๊ตที่แปะหน้าออก สายตาของเขาก่อนกวาดดูชื่อเื่ที่เขียนไว้ตรงกลางกระดาษด้วยรูปแบบอักษรขนาดมาตรฐานและดูงดงามเป็อย่างมาก จนทำให้อดไม่ได้ที่จะชื่นชมการเขียนตัวอักษรของหลานเพื่อนสนิทคนนี้ไม่ได้
ยุทธการวิหคกู้แผ่นดิน (1)
แม้ว่าตัวของถานติงเองจะไม่ได้อยู่ในวงการของพวกนักวิชาการหรือกลุ่มลิปิกร (2) ตามมหาวิทยาลัย แต่ด้วยสายอาชีพที่ทำอยู่ในชีวิตประจำวันต้องเจอกับงานเขียนทั้งวัน มันได้หล่อหลอมประสบการณ์ให้ตัวถานติงพอมองออกว่าตัวอักษรที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ มันดีเทียบเท่ากับพวกลิปิกรสมัครเล่นเลยทีเดียว
แต่นอกจากลายมือของหลินห่าวซนที่สร้างความแปลกใจและความชื่นชมจากถานติงได้แล้ว สิ่งที่เรียกความสนใจและสร้างความประหลาดใจยิ่งกว่าคือเื่ย่อที่เขียนเอาไว้ในหน้าถัดไป
‘เดือนมีนาคม ปี 1940 รัฐบาลวังจิงเว่ยที่มีญี่ปุ่นสนับสนุนได้ถูกจัดตั้งขึ้นพร้อมกันนั้นกองทัพญี่ปุ่นตั้ง "หน่วยกิจการพิเศษ" ขึ้นมากวาดล้างจับกุมเหล่าผู้ต่อต้าน โดยให้ ปี้จงเหลียง อดีตนายทหารก๊กมินตั๋งผู้แปรพักตร์ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ
เฉินซิน สายลับพรรคคอมมิสนิสต์แฝงตัวอยู่ข้างกายปี้จงเหลียงมาโดยตลอด แม้จะอยู่ในดงศัตรู เขาก็ไม่เคยสิ้นแรงศรัทธายอมเสี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อช่วยเหล่าผู้มีอุดมการณ์ขับไล่ญี่ปุ่น เฉินซินต้องตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยไหวพริบอันฉับไวและมันสมองอันเฉียบคมของเขา เฉินซินสามารถเอาตัวรอดได้แทบจะทุกครั้ง ’
“คอนเซปต์ดีใช้ได้เลยนี่ สุดสัปดาห์นี้ตรงกับวันครบรอบวันประกาศชัยชนะของพรรคพอดี การที่มีงานเขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ใน่นั้นก็น่าจะดึงยอดขายของหนังสือพิมพ์เราได้บ้าง ”
ถานติงชื่นชมความคิดของหลินห่าวซวนอยู่ในใจที่รู้จักใช้เหตุการณ์ที่กำลังจะเป็กระแสมาช่วยเขียน เพราะวันครบรอบประกาศชัยชนะที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น มันเป็เื่สำคัญระดับประเทศั สื่อทุกสื่อของประเทศนี้ย่อมให้ความสนใจกับเื่นี้เป็อย่างมาก บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกสำนักย่อมมีรายงานเื่นี้อย่างแน่นอน และความสนใจของคนทั้งประเทศย่อมจดจ่อกับงานในครั้งนี้ ทำให้มุมมองของถานติงที่มีต่อหลินห่าวซวนเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
มือของถานติงเริ่มขยับอีกครั้งพร้อมกับหน้ากระดาษที่ถูกพลิกขึ้นมา เผยให้เห็นบทแรกของนวนิยายเื่นี้จากนั้นถานติงก็เริ่มอ่านมันในทันที
แน่นอนว่าการอ่านนวนิยายต้นฉบับในครั้งนี้ของถานติง กลับทำให้ความตั้งใจที่จะกลับบ้านเร็วกว่ากำหนดต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่รู้ตัว
เื่ราวของสายลับของพรรคคอมมิวนิสต์ที่แฝงตัวอยู่ข้างกายศัตรูและถูกทอดทิ้ง แต่ตัวเขาก็ยังไม่สิ้นอุดมการณ์ที่จะขับไล่ศัตรูออกจากแผ่นดิน
ทั้งแผนร้ายของฝั่งประเทศเกาะที่คิดจะจัดการคนใหญ่คนโตในประเทศ การต้องมาเจอกับคู่รักคู่แค้นจากคนจากพรรคก๊กมินตั๋ง (3) ที่มีเป้าหมายเดียวกันในการขัดขวางในการปกป้องประเทศ แต่ก็้าฆ่าเขาเช่นกัน
ร้ายแรงที่สุดคือการโคจรมาเจอกับรักแรกของเขา ที่ในตอนนี้ได้แต่งงานและมีสามีแล้ว แต่สามีของหล่อนกลับเป็คนจากฝั่งก๊กมินตั๋งเสียอย่างนั้น !?
ด้วยเื่ราวที่ถูกถักทอและร้อยเรียงเข้ามาโดยกันอย่างดี ทำให้ถานติงที่เดิมทีคิดจะอ่านเพียงผ่าน ๆ และหาข้อผิดพลาดในผลงานเพื่อให้หลินห่าวซวนนำไปแก้ไข กลับถูกเนื้อเื่ของตัวนวนิยายดึงดูดไปเสียอย่างนั้น อีกทั้งบางครั้งตัวเขาเผลอสบถและตื่นเต้นไปกับเหตุการณ์ที่ตัวของ ‘เฉินเซิน ’ ที่เป็ตัวเอกของเื่กำลังเผชิญอยู่
“ไอ้หยา !ครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันนาน รู้ตัวอีกทีก็เป็สายลับใหญ่ที่ทำงานให้กลับพรรค แถมตอนนี้กลับถูกจับเพราะคนทรยศในกลุ่มเสียแล้ว ”
“หื้ม !เฉินเซินไม่สามารถฆ่าคนได้งั้นเหรอ เพราะมีแผลทางใจใน่าชายแดน แบบนี้มันจะทำงานยากกว่าเดิมสิ เพราะถ้าทางพรรคมีคำสั่งให้ลอบสังหารใครขึ้นมา มันจะเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ”
“ภารกิจเร่งด่วนตอนนี้คือการตามหาสายลับที่ใช้ชื่อว่า ‘นกกระจอก ’ แถมไอ้เวรปี้จงเหลียงก็ไม่ได้ไว้ใจสหายของตัวเองแม้แต่น้อย แถมยังตีสองหน้าแสร้งเป็คนรักพวกพ้องอีกต่างหาก ดูแล้วถ้าเดินเกมพลาดสักครั้งคงจบไม่สวยแน่ ”
“บัดซบ !คนแซ่ปี้ แกคิดจะให้สหายแกส่งพี่สะใภ้ตัวเองไปตายหรือไงวะ? แถมสั่งให้ลงมือฆ่าได้ทันทีเมื่อมีอะไรผิดปกติ นี่แกไม่ได้สำนึกบุญคุณที่เฉินเซินช่วยแกจากสนามรบเลยเหรอวะ !? ”
ถานติงที่ในตอนนี้ดำดิ่งเข้าสู่โลกของนวนิยายไปโดยสมบูรณ์ เริ่มเกิดความหงุดหงิดและกดดันไปกับเหตุการณ์ทางแยกระหว่างคนในครอบครัวหรืออุดมการณ์ที่ยึดถือ ทำให้ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะลุ้นกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของเฉินเซินที่เป็ตัวเอกของเื่
“หื้ม?”
เมื่อพลิกกระดาษหน้าถัดไป ถานติงก็พบว่าเนื้อเื่ที่อ่านไปเมื่อครู่นั้นคือหน้าสุดท้ายของนวนิยายต้นฉบับแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและลุ้นระทึกได้หายไปในทันทีพร้อมกับในใจที่เริ่มสบถด่าตัวของหลินห่าวซวนไม่หยุดยั้ง
นี่แกบอกว่าแกเขียนเสร็จแล้วงั้นเหรอ? แล้วทำไมถึงตัดจบแบบนี้ !
แกให้ฉันมาช่วยอ่านและหาข้อแก้ไข แต่เขียนตอนจบไว้ห้วนแบบนี้ แล้วฉันจะแก้ไขให้ยังไงวะ?
เวรเอ๊ย !ไอ้เด็กแซ่หลิน แกกลับมาเขียนให้จบเดี๋ยวนี้เลยนะ !
.................................................................................................................................................................
เชิงอรรถ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้