ในขณะเดียวกัน
21:00น.
บ้านเอริ
เอริ ฐิติมน…
พรึบ
ตุ๊บ
“เป็อะไร…เอริ?”เสียงที่เต็มไปด้วยความเป็ห่วงจากเพลงขวัญที่นั่งอยู่ข้างๆฉันเอ่ยขึ้นทันทีที่ฉันปล่อยโทรศัพท์เครื่องหรูของฉันหลุดจากมือทันทีที่เห็นคลิปวาบหวิวในแอพพลิเคชันไลน์ที่คุณหญิงนฤมิตรส่งมาให้ฉันดู
“เอริ….”ขวัญเอ่ยเรียกชื่อฉันเสียงแ่เบาก่อนที่เธอจะก้มตัวลงไปหยิบโทรศัพท์ของฉันที่ตกสู้พื้นพรมในห้องนั่งเล่นขึ้นมาดูวีดีโอที่ทำให้ฉันถึงกับตกตะลึงพูดไม่ออกน้ำตาเอ่อคลอรู้สึกจุดในอกไปหมด
พรึบ
ขวัญเอามือปิดปากตัวเองแววตาของเธอเบิกโตขึ้นอย่างคนที่ใมากๆไม่ต่างจากฉันที่เห็นวีดีโอในโทรศัพท์ มันคือวีดีโอการมีความสัมพันธ์แบบสวิงกิ้งของผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายอีกสามคน หนึ่งในสามคนนั้นมีขุนศึกร่วมอยู่ด้วย ซึ่งเขาคือคนที่นอนให้ผู้หญิงคนนี้ขึ้นขย่มถึงแม้ว่าเขาจะหลับตาพริ้มอยู่มันก็ยิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้สนใจฉันจริงๆเพราะเขากำลังเสพสมกับผู้หญิงคนอื่นโดยที่ฉันเพิ่งจะบอกเลิกเขาไป
“ฉันบอกแกแล้ว….”
“เอริ….”ขวัญเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูมามองหน้าฉันก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อฉันเสียงแ่เบา ฉันก็มองหน้าขวัญพลางคลี่ยิ้มบางๆให้เธอ
“ถ้าฉันตัดสินใจแต่งงานกับเขาไป….ฉันจะมีความสุขเหรอ…ชีวิตของฉันไม่ต้องนอนร้องไห้ทุกวันเหรอ?”ฉันเอ่ยถามขวัญไป ถึงมันจะเป็คำถามที่โง่งี่เง่าเพราะฉันเคยเลือกเส้นทางนี้เอง และฉันก็พร้อมที่จะเจ็บเองไม่ใช่เหรอไง?
“เห้อ….”ขวัญผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่ฉันเบาๆเพื่อให้กำลังใจฉัน
“เลิกกันทั้งๆที่ยังรัก….มันก็เจ็บดีเหมือนกันนะ….ที่รู้ว่าคำที่เขาพร้ำเพ้อบอกว่ารักฉัน…แต่แท้ที่จริงแล้ว…มันก็เป็แค่ลมปากของผู้ชายเ้าชู้…”ฉันหัวเราะออกไปพร้อมกับน้ำตาอย่างสมเพชตัวเอง
“เขาไม่ได้เสียใจเหมือนที่ฉันเป็อยู่ตอนนี้เลย…”ฉันเอ่ยต่ออย่างน้อยใจขุนศึก ที่ฉันมัวแต่ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนแต่ดูเขาสิ เขากลับไปเสพสมกับผู้หญิงคนอื่นอย่างหน้าตาเฉย
“ทำไมแกคิดแบบนั้น?”ขวัญเอ่ยถามฉันมา คิ้วของเธอขมวดขึ้นอย่างสงสัย
“ก็ถ้าเขาเศร้าหรือเสียใจที่โดนฉันบอกเลิกจริงๆ….เขาก็เป็ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมากแหละที่ยังมีหน้าไปเอากับผู้หญิงคนอื่นได้อยู่อีก…”ฉันบอกขวัญไป และพยายามกลั้นน้ำตาให้มันไหลกลับไป เพราะฉันเจ็บและร้องไห้กับเื่เดิมๆของขุนศึกมามากพอแล้ว บางทีฉันควรจะขอบคุณคุณแม่ของขุนศึกด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันเดินออกมาจากวนเวียนชีวิตที่ทุกข์ทนแบบนั้นได้
“แกจะกลับบ้านเลยป่ะ?”ฉันเอ่ยถามขวัญไป เพราะตอนแรกขวัญบอกว่าจะกลับบ้านแต่มาเห็นฉันอึ้งใกับคลิปของขุนศึกอยู่เราจึงหยุดบทสนทนากันไป
“อืม….นี่ก็มืดแล้ว…ฉันยังต้องกลับไปจัดของอีกด้วย…”เธอตอบฉันมาพลางก้มตัวลงไปอุ้มเจไดลูกชายของเธอขึ้นมาในอ้อมแขนเพื่อจะพาเจไดกลับบ้าน
“แกขับรถไหวนะ?”ฉันเอ่ยถามขวัญไปอย่างเป็ห่วงเพราะนี้มันก็มืดมากแล้ว
“แค่นี้ชิวๆ^_^”ขวัญบอกฉัน เธอก็มองหน้าฉันที่เธอเห็นว่าฉันยิ้มให้เธอได้แล้ว
“งั้นเดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”
“อืม…”ขวัญตอบฉันและอุ้มเจไดเดินนำหน้าฉัน โดยมีฉันถือกระเป๋าของเธอและตะกร้าของใช้ของเจไดเดินตามหลังเธอไปยังที่จอดรถของบ้านฉัน ที่มีรถของขวัญจอดอยู่
“บ๊ายๆๆนะ^_^”ขวัญที่จัดการอุ้มร่างเจไดวางลงเบาะคาร์ซีทด้านหลังคนขับพร้อมล็อคความปลอดภัยให้เจไดเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นไปเอ่ยบอกฉัน
“เที่ยวให้สนุกน่ะเเก^_^”ฉันก็บอกขวัญกลับไป เธอก็ยิ้มกว้างให้ฉัน
“จ้า…บ๊ายบ๊ายป้าริเร็วเจได^_^”ขวัญตอบรับคำฉันก่อนจะหันไปเอ่ยบอกเจได
“บ๊ายบาย^_^”เจไดยกมือน้อยๆของเขาขึ้นมาโบกบ๊ายบายให้ฉัน ฉันก็มองเจไดพลางยิ้มอย่างเอ็นดู
“อย่าลืมของฝากป้านะครับ…สุดหล่อ^_^”ฉันเดินไปเอ่ยบอกเจไดพลางก้มหน้าลงไปหอมแก้มนุ่มป่องๆของเจไดที่อยู่ในเบาะคาร์ซีทสำหรับเด็กแล้ว
“ขับรถดีๆ^_^”ฉันผละออกมาจากเจไดก็หันไปเอ่ยบอกขวัญที่ยืนยิ้มให้ฉันอยู่ด้านหลังของฉัน
“อื้อ….แกก็ทำใจดีๆ….”
“ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก^_^”
“จ้าาาาาา”ฉันลากเสียงยาวอย่างล้อเลียนขวัญ เธอก็เบะปากให้ฉันก่อนจะปิดประตูรถด้านของเจไดและเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ โดยมีฉันยิ้มกริ่มพร้อมยกมือโบกบ๊ายบายเธอ ฉันยืนรอส่งขวัญจนรถของเธอแล่นออกไปพ้นประตูบ้านฉันเรียบร้อย ฉันถึงจะเดินเข้าบ้านใหม่ที่ขุนศึกซื้อให้ฉัน โดยที่ประตูรั้วเป็แบบอัตโนมัติเมื่อมีเลเซอร์ว่ามีรถกำลังจะเข้าหรือออกจากประตู ประตูรั้วบ้านใหญ่ก็จะค่อยๆเปิดออกต้อนรับและส่งคนให้ออกจากบ้านทันที ฉันจัดการอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้าในแผนกใหม่ของฉัน….ที่ไม่ใช่แผนกเดิม ถามว่าฉันรู้สึกเจ็บไหมที่เห็นขุนศึกยังคงใช้ชีวิตได้ปกติ ฉันก็รู้สึกเจ็บและแย่นะ แต่เขายังใช้ชีวิตปกติได้เลย แล้วทำไมฉันจะทำแบบที่เขาทำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อคำที่เขาเคยพูดบอกฉันว่า เขาจำชีวิตตอนที่ไม่มีฉันไม่ได้แล้ว ทั้งที่การกระทำของเขามันสวนทางกับคำพูดซะเหลือเกิน บางทีเขาอาจจะรู้เฉยๆก็ได้ว่าการที่มีฉันในชีวิตของเขา กลับไม่มีฉันในชีวิตเขามันก็เหมือนกัน มันมีค่าเท่ากันเพราะเขาไม่เคยให้ความสำคัญอะไรกับฉันเลย….
วันต่อมา
บริษัท KA
08:00น.
เอริ ฐิติมน…..
“พี่เอริ…ขอบคุณค่ะ^_^”
“ไม่เป็ไรจ้า….^_^”
“เมื่อวานไปเที่ยวไหนมาคะ?”น้องอันนาแผนกต้อนรับเอ่ยทักทายฉันทันทีที่ร่างของฉันเดินมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์เพื่อจะนำมอดค่าปั่นที่ฉันมักจะซื้อมาแจกจ่ายให้น้องๆแผนกฝ่ายต้อนรับเป็ประจำทุกวันและทุกเช้า
“เมื่อวานพอดีพี่หยุดนะจ๊ะอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน^_^”ฉันเลือกที่จะตอบเธอแค่นี้เพราะไม่อยากให้พูดเื่ของฉันกับขุนศึกไปมากกว่านี้ น้องอันนาก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะยื่นมือมารับแก้วกาแฟเย็นไปจากฉัน
“พี่ไปก่อนนะ^_^”
“ค่ะ^_^”ฉันยิ้มให้น้องอันนา เธอก็ยิ้มตอบฉัน และฉันก็เดินตรงมุ่งไปยังลิฟต์เพื่อจะขึ้นไปยังชั้นที่สิบของบริษัทั์ใหญ่แห่งนี้ที่เป็ชั้นสำหรับผู้บริหาร
ติ๋ง
“ไง….คุณเลขา^_^”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจากทางด้านข้างของฉันทำให้ฉันที่กำลังจะก้าวขาเข้าไปในตัวของลิฟต์ต้องหันไปมองต้นเสียงนั้นทันที
“คุณจอมพล….สวัสดีค่ะ”ฉันยกมือไหว้คุณจอมพลอย่างเคารพ เขาก็ยกมือรับไหว้ฉันพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากขึ้นก่อนจะมองสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของฉันั้แ่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว วันนี้ฉันอยู่ในชุดเดรสปกเสื้อเชิ้ตกระโปรงยาวถึงหัวเข่าหน้าอกแหวกจนเห็นเสื้อเกาะอกสีขาวด้านในของฉัน แขนของชุดเป็แขนยาวสีขาว ฉันปล่อยผมที่ดัดเป็ลอนใหญ่ให้สยายไปด้านหลังพร้อมกับใส่ส้นสูงสีขาวซึ่งฉันมักจะแต่งตัวแนวนี้เป็ประจำ
“แต่งตัวสวยนะ….แต่เดี๋ยวผมจะพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมด^_^”
“เสื้อผ้าของดิฉันมีเยอะมากพออยู่แล้วนะคะ…”ฉันเอ่ยตอบคุณจอมพลไปทันที เขาก็ยิ้มหัวเราะแห้งๆให้ฉัน
“แต่เสื้อผ้าพวกนั้น….เ้านายเก่าของคุณเป็คนซื้อให้….ซึ่งผมไม่ชอบ^_^”คุณจอมพลตอบฉันมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ฉันก็ทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลงและเดินตามหลังของคุณจอมพลเข้าไปในลิฟต์และกดเลือกชั้นผู้บริหารเพื่อจะขึ้นไปยังห้องทำงานของคุณจอมพลและของฉัน
“เลิกกับไอ้ขุนศึกแล้วเหรอ?”คุณจอมพลเอ่ยถามฉันในขณะที่ฉันเดินก้าวขากลับไปยืนอยู่ด้านหลังของเขา
“นี่ที่ทำงาน….ดิฉันไม่เอาเื่ส่วนตัวมาปะปนกับเื่งานค่ะ…”
“อ้อเหรอ….แต่เธอคงจะยังไม่รู้….ว่า…”คุณจอมพลหยุดพูดลงทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาทันทีที่เขาเองก็มองหน้าฉันอยู่ก่อนแล้ว คำพูดของเขาทำให้ฉันอยากรู้ ว่าอะไรที่ฉันยังไม่รู้กันนะ
“ไอ้ขุนศึก….กำลังจะแต่งงาน^_^”คุณจอมพลเอายต่อหลังจากที่เขาเว้น่ในการพูดไปสักพัก เขาค่อยกๆยกยิ้มกว้างขึ้นอย่างคนที่กำลังสะใจก่อนที่เขาจะหันหน้าหนีฉันไปมองตรงหน้าของเขาแทน พร้อมกับยกมือขึ้นล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็คผ้าเนื้อดีของเขา โดยที่ไม่ได้สนใจฉันที่ทำหน้างงๆอยู่เลยด้วยซ้ำ
“ซึ่ง…มันไม่ได้แต่งงานกับเธอแน่นอน^_^”คุณจอมพลเอ่ยขึ้นมาอีกเสียงแจ่มใส
“ค่ะ….ดิฉันก็ยินดีด้วยค่ะ…”ฉันบอกคุณจอมพลไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งถึงแม้ภายในใจของฉันมันจะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆอยู่ก็ตาม
พรึบ
“คุณจอมพลจะทำอะไรคะ?”ฉันเบิกตาโตขึ้นด้วยความใที่อยู่ดีๆคุณจอมพลก็หันมาหาฉันอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียงพร้อมกับใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างบังร่างฉันไว้ไม่ให้ฉันหลีกหนีเขาโดยที่เขาใช้มือยันผนังของตู้ลิฟต์ไว้ทั้งสองข้าง ทำให้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ใกล้ชิดกันจนฉันััได้ถึงลมหายใจอุ่นๆและกลิ่นหอมๆของน้ำหอมแบรนด์เนมดังของคุณจอมพลที่ลอยกระทบเข้ากับใบหน้าและจมูกของฉัน
“ฉันบอกเธอแล้วไง….ว่าหน้าอกของฉันพร้อมให้เธอซบและเช็ดน้ำตาทันทีที่เธอเลิกกับมัน….”
“มันไม่ดีมั้งคะ….และดิฉันก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายขนาดนั้น…”ฉันตอบคุณจอมพลไปพลางจ้องหน้าเขากลับไปด้วยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าฉันพูดจจริงๆ เขาก็จ้องตาฉันแววตาของเขาที่มองมาที่ฉันมันเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากมายที่ฉันไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเขาคนนี้กำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่กันแน่ คุณจอมพลเป็ผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยนแต่ก็เต็มไปด้วยกลเล่ห์เหลี่ยมที่ฉันไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้เลยเขาเป็ผู้ชายที่ดูลึกลับและน่าค้นหา ซึ่งผิดกับขุนศึกที่เขามักจะแสดงออกไปอย่างที่ใจเขานึกคิดทันทีไม่มีเล่ห์เหลี่ยมไม่มีกลไกอะไรทั้งสิ้น ใจคิดอะไรก็ทำอย่างนั้นเลย
“เหรอ…เธอไม่เสียใจสักนิด…จริงเหรอ?”
“จริงค่ะ…และกรุณาช่วยปล่อยดิฉันด้วยค่ะ…”ฉันบอกคุณจอมพลไปด้วยเสียงเข้มและจริงจัง เขาก็ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างรู้สึกชอบอกชอบใจก่อนจะลอยหน้าลอยตาอย่างไม่สนใจคำพูดของฉัน
“ฉันชอบ….เธอ…เอริ^_^”คุณจอมพลเอ่ยเสียงแหบพร่าราวกับเสียงกระซิบพร้อมกับค่อยๆโน้มใบหน้าหล่อของเขาเข้ามาหาใบหน้าของฉันอย่างช้าๆ ปลายจมูกของเราเกือบชนกันแต่ก็ต้องหยุดเพราะเสียงประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับเสียงห้วนๆของขุนศึก
ติ๋ง
พรึบ
“ไอ้เหี้ยจอม!”
พรึบ
ตุ๊บ
โพล๊ะ
“คุณจอมพล!!”ฉันร้องเสียงหลงอย่างใทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกร่างของคุณจอมพลก็โดนขุนศึกที่รออยู่หน้าประตูลิฟต์กระชากไปทันทีและขุนศึกก็จัดการปล่อยหมัดใส่หน้าคุณจอมพลอย่างเต็มแรงจนร่างของเขาเซเสียหลักล้มลงพื้นไปตามแรงต่อยของขุนศึก
พรึบ
“เป็อะไรไหมคะ?”ฉันรีบวิ่งถลาเข้าไปหาร่างของคุณจอมพลพลางนั่งคุกเข่าลงตรงข้างๆเขาและจับร่างของเขาขึ้นประคองไว้ในอ้อมแขนของฉันอย่างนุ่มนวล
“ไม่เป็ไร…”คุณจอมพลตอบฉันพลางใช้ปลายนิ้วโป้งปาดเืสีแดงสดที่มุมปากของเขา
“เอริ?”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงแ่เบา ฉันจึงละสายตาจากใบหน้าของคุณจอมพลไปมองหน้าขุนศึกที่เขามาอยู่ที่นี้ได้ยังไงและดูจากสภาพเหมือนเขาไม่ได้เพิ่งมาแต่เหมือนเขาอยู่ที่นี้ั้แ่เมื่อคืนหรือไม่ก็เมื่อวาน? เพราะเสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ยจากกางเกงของเขาและทรงผมที่ยุ่งเหยิงกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณที่มันออกมาจากตัวของเขาทำให้ฉันรู้แน่ชัดว่าเขาอยู่ที่นี้มาก่อนไม่ใช่เพิ่งมา เพราะขุนศึกไม่มีทางเข้าบริษัทในเวลาเช้าแบบนี้แน่นอน
“เธอเป็ห่วงมันเหรอ?”เขากดเสียงต่ำเอ่ยถามฉันแววตาของเขาสั่นไหว ฉันก็มองหน้าเขาสลับกับใบหน้าของคุณจอมพลด้วยแววตาเรียบเฉย
“ค่ะ…ดิฉันเป็ห่วงเ้านายของดิฉัน…เพราะดิฉันมีหน้าที่คอยดูแลและรับใช้เ้านาย..”
“เ้านาย?”ขุนศึกเอ่ยทวนคำพูดของฉันพลางขมวดคิ้วงุนงงนอย่างสงสัย
“เอริ…เป็เลขาของกู…”คุณจอมพลตอบขุนศึกไปอย่างเสียงดังฟังชัดพลางค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนโดยมีฉันคอยประคองร่างเขาอยู่ ท่ามกลางสายตาดุดันของขุนศึกที่จ้องมองมาที่แขนของฉันที่จับตัวของคุณจ
อมพลอย่างไม่พอใจเป็อย่างมากและมีเสียงลมหายใจฟุดฟิดที่กำลังรอประทุจากคนตรงหน้าฉันทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่กรุ่นโกรธของเขาตอนนี้ได้อย่างชัดเจน….