วันนี้ย่าอวี่เป็กันเองมาก
ก่อนเข้านอน เซี่ยเสี่ยวหลานคุยกับย่าอวี๋เกี่ยวกับสิ่งที่ตนวางแผนไว้อย่างเป็ทางการ
“ถ้าบอกว่าฉันเห็นย่าเป็เหมือนย่าแท้ๆ ก็คงจะไม่เกินจริง ย่าก็รู้อยู่แล้วว่าย่าแท้ๆ ของฉันเป็แบบไหน พูดไปแล้วเหมือนด่ากันอย่างไรไม่รู้ ทว่าการที่ฉันกับแม่มาที่เมืองมณฑลแล้วได้เช่าบ้านของย่าอยู่นับว่าคือความโชคดีของพวกเราจริงๆ เป็พรหมลิขิตของพวกเราทุกคน อย่างช้าที่สุดคือหลังปีใหม่ฉันจะให้แม่มาอยู่ที่ปักกิ่ง ถ้าย่ายินดีก็ตามมาด้วยกันสิคะ”
ย่าอวี๋เงียบ
หลิวเฟินเองก็กลั้นหายใจ
หลิวเฟินไม่อยากแยกจากหญิงชราผู้นี้ ย่าอวี๋เป็คนปากแข็งแต่ใจอ่อน หนึ่งปีมานี้เธอสอนอะไรแก่หลิวเฟินมากมาย
เดิมทีหลิวเฟินเป็คนที่หากใครทำดีด้วยก็จะตอบแทนคืนให้เป็สิบเท่า เป็เพราะเมื่อก่อนเธอเจอคนมุ่งร้ายมามากเกินไป เมื่อมีคนนอกครอบครัวคนไหนที่ดีกับเธอ หลิวเฟินจะรู้สึกตื้นตันใจเป็พิเศษ
เซี่ยเสี่ยวหลาน้าพัฒนากิจการให้เติบใหญ่ ดังนั้นหลิวเฟินคงไม่อาจอยู่ซางตูไปได้ตลอด
ทว่าการให้หลิวเฟินมาที่ปักกิ่งเพียงคนเดียว เธอย่อมไม่อยากทิ้งย่าอวี๋ และคงเป็ห่วงย่าอวี๋มาก ครั้งก่อนที่ย่าอวี๋หมดสติไปที่บ้าน หากไม่มีคนพาไปส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ไม่รู้เลยว่าจะเกิดเื่ร้ายแรงเพียงใด
หากบอกให้หลี่เฟิ่งเหมยย้ายไปอยู่กับย่าอวี๋ก็ย่อมได้ แต่นิสัยของทั้งคู่ก็ไม่แน่ว่าจะเข้ากันได้ดี อีกทั้งหลี่เฟิ่งเหมยยังต้องดูแลลูกชายของเธออีกคนด้วย
ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการให้ย่าอวี๋ตามมาอยู่ปักกิ่งด้วยกัน
หญิงชราเป็คนหัวดื้อ เช่นนั้นก็แค่ให้ท่านจ่ายค่าเช่าบ้านพอเป็พิธีก็เพียงพอแล้ว
ข้อเสนอทั้งสองอย่างของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งคิดอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านการไตร่ตรองมาเป็อย่างดีแล้ว
เดิมทีย่าอวี๋คิดจะเอ่ยปากปฏิเสธ เนื่องจากเธออยู่เฝ้าบ้านของตระกูลอวี๋มานานหลายปีแล้ว หญิงแก่คนหนึ่งล้วนอาศัยความทรงจำเก่าๆ เป็ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อย่าว่าแต่บอกให้ออกจากซางตูเลย ให้ออกจากบ้านหลังนั้นยังเป็ไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ย่าอวี๋เงียบไปครู่หนึ่ง เพราะคิดไม่ถึงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินจะบอกให้ตนย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่งดกับพวกเธอ
ความสัมพันธ์ระหว่างเ้าของบ้านกับผู้เช่า มันเปลี่ยนแปลงไปั้แ่เมื่อไร ย่าอวี๋เองก็ไม่รู้
ถึงอย่างไรหลิวเฟินก็เป็คนทึ่ม ย่าอวี๋กลัวเธอจะถูกคนเอารัดเอาเปรียบเหลือเกิน
เมืองใหญ่ย่อมมีคนชั่วซ่อนตัวอยู่ คนชั่วร้ายแบบจี้หย่าในกรุงปักกิ่งคงไม่ได้มีแค่คนเดียว เช่นนั้นคนอย่างหลิวเฟินหากมาอยู่ที่ปักกิ่งแล้วจะไม่ถูกคนอื่นรังแกแย่เอาหรือ? แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะหน้าหนาใจดำ แต่เด็กสาวมีธุระมากมายให้ต้องทำ แน่นอนว่าคงไม่ว่างมาจับตาดูทุกวันน่ะสิ
จับตาดูไปก็เท่านั้น ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานอยากปักหลักที่ปักกิ่งอย่างไรก็ต้องมีเื่ให้ต่อสู้ฝ่าฟันอีกมาก
ย่าอวี๋คิดว่าตนยังพอมีเกียรติยศเก่าๆ เหลืออยู่บ้าง
ตระกูลอวี๋ล่มสลายแล้วก็จริง ทว่าผู้คนที่เธอเคยให้ความช่วยเหลือคงยังไม่ตายกันหมดหรอกกระมัง
เคยมีบุญคุณต่อกันอย่างสองอย่าง ถึงเวลาสำคัญอาจจะใช้ประโยชน์ได้
ย่าอวี๋พูดอย่างลังเล
“หมายความว่าอีกหน่อยจะให้ฉันเป็ผู้เช่า ส่วนเธอเป็เ้าของบ้าน กลายเป็ฝ่ายรังแกฉันแทนอย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานกลอกตา ที่แท้หญิงชรารู้แก่ใจหรือนี่ ว่าเมื่อก่อนทำตัวไม่น่าเข้าใกล้มากแค่ไหน
“ฉันไม่รังแกย่าหรอกค่ะ ใครจะกล้ารังแกย่าล่ะคะ ฉันอยากเชิญย่ามาเป็บรรพบุรุษให้กราบไหว้บูชาต่างหาก...”
ย่าอวี๋เขวี้ยงหมอนใส่ “พูดเป็หรือเปล่า มีแต่คนตายเท่านั้นที่ต้องถูกกราบไหว้!”
คนเป็ต้องทำตัวติดดิน เธอไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียหน่อย มีสิทธิ์อะไรไปเป็บรรพบุรุษของเซี่ยเสี่ยวหลานกันเล่า นอกเสียจากเธอ้าให้เด็กสาวคนนี้ช่วยอะไรบางอย่าง เธอถึงจะอาศัยอยู่ในบ้านของเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างสบายใจ ถึงตอนนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานจึงสมควรกตัญญูต่อหญิงแก่ๆ อย่างเธอคนนี้!
“ขอฉันคิดดูก่อน”
ยอมคิดดูก็เพียงพอแล้ว ไม่ปฏิเสธทันทีเช่นนี้แสดงว่าย่าอวี๋กำลังหวั่นไหว
ถ่านหินเผาไหม้ตลอดทั้งคืน ทำให้ภายในบ้านอุ่นสบาย วันรุ่งขึ้นเซี่ยเสี่ยวหลานแทบไม่อยากตื่น แต่เธอกลับถูกย่าอวี๋ลากออกมาจากใต้ผ้าห่ม
“ลุกขึ้น ไปซื้อวัตถุดิบ วันนี้นายกทังมาทานข้าวที่บ้านมิใช่หรือ”
เซี่ยเสี่ยวหลานทำอาหารไม่เป็ ย่าอวี๋เอวก็ไม่ชอบทำอาหาร ดังนั้นคนทำอาหารจึงมีแค่หลิวเฟินเพียงคนเดียว
แต่เื่ซื้อวัตถุดิบทำอาหารล่ะก็ ไม่เหนือบ่ากว่าแรงย่าอวี๋สักนิด
เพื่อนบ้านพบว่ามีคนย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้วจึงยื่นหน้าออกมาดู เซี่ยเสี่ยวหลานทักทายลุงป้าน้าอาทั้งหลาย บางคนรู้จักกันอยู่แล้วเพราะเจอกันบ่อยเวลาเธอมาที่บ้านหลังนี้
“ครอบครัวพวกเธอย้ายเข้ามาอยู่แล้วหรือ”
“คุณปู่เ้า อรุณสวัสดิ์ค่ะ พวกเรายังไม่ย้ายเข้ามาอย่างถาวรหรอกค่ะ แค่มาอยู่สักสองวัน หลังปีใหม่ถึงจะย้ายบ้านค่ะ”
คุณปู่เ้าหิ้วกรงนกพลางลอบมองย่าอวี๋
พี่สาวคนนี้ดูน่าเกรงขามเหลือเกิน เขากะแล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานต้องไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ สามารถควักเงินซื้อบ้านหลังละหลายหมื่นหยวนได้ ทว่าซื้อเสร็จกลับไม่ย้ายเข้ามาอยู่ แสดงว่าไม่ขาดทั้งเงินทองและบ้านพัก คนต่างถิ่นมาลงหลักปักฐานที่ปักกิ่ง ซื้อบ้านหลังใหญ่เช่นนี้ในคราวเดียวได้ บอกว่าเป็คนธรรมดาทั่วไปคงไม่มีใครเชื่อ
—---------------------------------------
ย่าอวี๋พาเซี่ยเสี่ยวหลานมาซื้อวัตถุดิบทำอาหาร ดังนั้นเพื่อนบ้านจึงนึกว่าพวกเธอเป็ย่าหลานกันแท้ๆ
ทางนี้มีความสุขชื่นบานใจ ต่างกับทางฝั่งของตระกูลจี้ บรรยากาศของพวกเขาไร้ซึ่งความผ่อนคลาย
เมื่อคืนตระกูลจี้ถูกทิ้งเอาไว้ที่สำนักงาน ทังหงเอินไปส่งพวกเซี่ยเสี่ยวหลานกลับบ้าน และหายหน้าไปหนึ่งถึงสองชั่วโมง ดังนั้นตระกูลจี้คงไม่หน้าด้านพอที่จะอยู่รอเขาที่สำนักงาน
ทังหงเอินโมโห ตระกูลจี้เองก็ไม่พอใจ นั่นเป็เพราะการประนีประนอมกับทังหงเอินไม่ประสบผลสำเร็จ!
จี้หย่าอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง อันที่จริงจี้หลินก็สงสัยเหมือนกันว่า สมองของทังหงเอินมีปัญหาหรือเปล่า
เพื่อสองแม่ลูกตระกูลเซี่ย ทังหงเอินถึงกับเหยียบย่ำตระกูลจี้ไม่หยุด ไม่ว่าตระกูลจี้ทำผิดต่อทังหงเอินแค่ไหน อย่างไรจี้เจียงหยวนก็ยังเป็ลูกชายแท้ๆ ของเขาอยู่ดีไม่ใช่หรือ
จี้หลินไม่เคยอยากให้จี้หย่ากลับไปแต่งงานกับทังหงเอิน สำหรับเื่นี้จี้หลินย่อมมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี
แต่ถ้าทังหงเอินถูกใจหญิงบ้านนอกคนนั้นขึ้นมาจริงๆ คนนอกคงหัวเราะเยาะทังหงเอิน และตระกูลจี้ก็คงถูกหัวเราะเยาะตามไปด้วยอย่างแน่นอน
“เหล่าจี้ ดูสิว่าน้องสาวตัวเองรักษาคำพูดบ้างหรือเปล่า”
ทังหงเอินบอกแล้วว่า จี้เจียงหยวนตัดสินใจเรียนปริญญาตรีต่อที่ประเทศจีน หากตระกูลจี้ยินยอม เขาก็จะประนีประนอมกึ่งหนึ่ง นอกจากกีดกันไม่ให้จี้หย่าออกนอกประเทศ เขาจะไม่เอาเื่ตระกูลจี้เป็การชั่วคราว
ภรรยาของจี้หย่าเป็ห่วงทางฝั่งตระกูลโจวมากกว่า
คืนดีกับทังหงเอินไม่ได้ หากจะให้เขาช่วยก็คงหมดหวัง
ความจริงทั้งสองเื่สามารถจัดการได้ในคราวเดียว แต่จี้หย่าเป็คนหัวรั้น ภรรยาของจี้หลินอยากตบหน้าจี้หย่าสักฉาดเหลือเกิน ถ้าเป็น้องสาวของตนล่ะก็ ป่านนี้เธอคงตบไปแล้ว น่าเสียดายที่จี้หย่าเป็น้องสามี
จี้หลินฝืนยิ้ม “ทางนั้นไม่ต้องห่วงหรอก คนหนุ่มสาวย่อมทนแรงกระตุ้นไม่ไหว เดี๋ยวเด็กนั่นคงห้ามตระกูลโจวเองนั่นแล”
อยากต่อกรกับตระกูลจี้ด้วยตัวเอง รอดูต่อไปแล้วกัน
พอคิดเช่นนี้ จี้หลินก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้มาเสียเที่ยว เขาสามารถจัดการสองปัญญาให้ตระกูลจี้ได้แล้ว เหลือแค่เื่ที่จี้เจียงหยวนอยากเรียนต่อที่จีน เื่จี้หย่าออกนอกประเทศไม่ได้ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ เื่เหล่านี้ถือเป็ปัญหาเล็ก
“เื่คุณน้าอวี๋คนนั้นล่ะ”
อ้าปากก็เอ่ยชื่อจริงผู้เฒ่าจี้ ด่าจนจี้หลินไม่กล้าเถียงกลับ ภรรยาของจี้หลินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน หญิงชราเป็ใคร ฟังแล้วเหมือนตระกูลจี้จะติดหนี้บุญคุณเธออย่างใหญ่หลวง
อากาศหนาวจัด แต่หน้าผากของจี้หลินชื้นไปด้วยเหงื่อ
“ฉันไม่รู้รายละเอียดสักเท่าไร เื่นี้คงต้องปรึกษากับคุณอาหนิง”
หนิงเยี่ยนฝานพูดถูก ทังหงเอินไม่ได้อยากทำร้ายตระกูลจี้จริงๆ เขาเพียง้าดูท่าทีของตระกูลจี้เท่านั้น เื่คืนนี้แม้จะไม่เป็ไปตามคาด แต่จี้เจียงหยวนก็เลือกเรียนต่อที่จีน เื่นี้ให้ความตึงเครียดระหว่างตระกูลจี้กับทังหงเอินลดน้อยลงไปบ้าง
จะจัดการเื่ย่าอวี๋อย่างไร จี้หลินอยากขอความเห็นจากหนิงเยี่ยนฝาน
จี้หลินเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเขาเล่าในมุมมองที่ตระกูลจี้เป็ฝ่ายได้เปรียบ
ปลายสาย หนิงเยี่ยนฝานถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก เื่แค่นี้ยังจัดการไม่ได้ อีกหน่อยตระกูลจี้จะทำอย่างไร
“น้าอวี๋มีบุญคุณใหญ่หลวงกับตระกูลจี้จริง หลานทำถูกแล้วที่ระวังตัว”
หนิงเยี่ยนฝานกล่าวเสียงเรียบ
มีบุญคุณแล้วอย่างไน ตอนจี้หวายซินยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ตอบแทนอะไรย่าอวี๋แม้แต่น้อย ตอนนี้จี้หวายซินตายไปแล้วยังจะคาดหวังให้ตระกูลจี้ตอบแทนอีกหรือ? ทว่าโลกนี้ช่างกลมเหลือเกิน เด็กสาวแซ่เซี่ยดันรู้จักกับหญิงชราหัวแข็งคนนั้นเสียได้
ตกลงมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ หญิงชราแซ่อวี๋ถึงได้ยอมออกจากซางตู และเดินทางมาถึงปักกิ่งเพื่อสองแม่ลูกคู่นี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้