บุญคุณเป็สิ่งที่ประเมินค่าได้ยากที่สุด
ย่าอวี๋จะเอาบุญคุณจากตระกูลจี้ไปทำอะไร เธอรู้สึกว่าการไปมาหาสู่กับตระกูลจี้เป็เื่น่าอับอายเสียด้วยซ้ำ
ตระกูลจี้ตามตื้ออยากชดใช้หนี้บุญคุณ ย่าอวี๋จึงบอกให้ตระกูลจี้ตีราคามาเป็เงิน ย่าอวี๋ไม่ได้บอกตัวเลขไป แต่ให้ตระกูลจี้กลับไปจัดการเอาเอง... เดิมทีเธอไม่คิดจะทวงหนี้บุญคุณจากใคร เื่มันผ่านมานานหลายปีแล้ว อีกทั้งตอนนี้ย่าอวี๋ก็ไม่ได้ขัดสนเงินทอง ก่อนเจอกับเซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงชรายังสามารถอาศัยเงินเดือนอันน้อยนิดจากการกวาดถนนเพื่อดำรงชีวิตได้ โดยไม่ต้องมาทวงถามบุญคุณอะไรจากตระกูลจี้เลยสักครั้ง
ตระกูลจี้ต่างหากที่ร้อนตัว กลัวย่าอวี๋จะกัดเื่บุญคุณไม่ปล่อย และจะเรียกร้องเงื่อนไขที่เกินเลย พวกเขาจึง้าชดใช้หนี้บุญคุณแก่ย่าอวี๋ให้หมดสิ้นโดยเร็วที่สุด
วิธีการของตระกูลจี้ไม่มีทางได้รับความเชื่อใจจากย่าอวี๋ เื่ตามหาสวีจ้งอี้ผู้เป็ลูกชาย ให้ตายย่าอวี๋ก็ไม่มีวันบอกกับตระกูลจี้เด็ดขาด
ความจริงจี้หลินทำงานอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ จี้หย่าก็อาศัยอยู่อเมริกามาสิบกว่าปี ทำอะไรย่อมสะดวกกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานที่ยังเป็เพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่ง แต่ย่าอวี๋ไม่เชื่อใจพวกเขา
จี้หลิน้ารักษาเกียรติ ในขณะที่ย่าอวี๋ถูกเขาตอแยจนสุดจะทน จึงบอกให้เขาชดใช้หนี้บุญคุณด้วยเงิน
หลังจี้หย่ารู้เื่ก็ได้ทีระบายความอัดอั้นตันใจของตนทันที
“ที่แท้ก็มาเพื่อเงิน บอกแต่แรกก็หมดเื่ ถ้าอยากได้เงินฉันย่อมให้ได้อยู่แล้ว!”
ทำมาเป็วางมาดขู่คนอื่น ด่าตระกูลจี้สาดเสียเทเสีย พอย่าอวี๋บอกว่าอยากได้เงิน ความน่าเกรงขามของเธอในใจจี้หย่าจึงลดฮวบลงจนแทบหมดสิ้น
“หุบปากเดี๋ยวนี้ น้าอวี๋จะมาเพื่อเงินได้อย่างไรกัน!”
ถ้าอยากได้เงินคงมาหาั้แ่สมัยพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่สิ แต่พอพ่อของเขาตายไปแล้วถึงมาขอเงินมันใช่เื่เสียที่ไหน อย่างไรก็ตามจี้หลินก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ถ้าใช้เงินแก้ปัญหาได้ก็ดี แม้ตระกูลจี้จะไม่ร่ำรวยมากมายนัก ทว่าก็ไม่ขัดสนเงินทองแต่อย่างใด
จี้หย่าไปต่างประเทศไม่ได้ ดังนั้นจอร์จจึงอยู่ที่จีนต่อเพื่อคนรัก
เงินนี้จอร์จยินดีออกให้แทนตระกูลจี้
“ผมให้เงินดอลลาร์กับเธอได้!”
ดอลลาร์สหรัฐเป็สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโลก แม้แต่รัฐบาลประเทศจีนก็อยากได้เงินตราต่างประเทศชนิดนี้
จี้หลินจะยอมให้จอร์จออกเงินได้อย่างไร นั่นก็เท่ากับเปลี่ยนจากติดหนี้บุญคุณย่าอวี๋มาติดหนี้จอร์จแทนมิใช่หรือ
จี้หลินนับเงินเก็บของครอบครัว รวมๆ แล้วมีเพียงสองหมื่นหยวนเท่านั้น เขาเป็พี่ใหญ่จึงควรเป็ผู้ที่ออกเงินเยอะสุด ส่วนคนที่เหลือออกกันแค่ครอบครัวละหนึ่งหมื่นหยวน เงินก้อนนี้ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เนื่องจากคนอื่นในตระกูลจี้ไม่ได้มีรายได้เป็เงินดอลลาร์แบบจี้หย่า เงินหนึ่งหมื่นหยวนคือเงินที่กว่าจะเก็บหอมรอมริบมาได้ต้องใช้เวลาหลายปี
จี้หย่าเป็คนสร้างเื่ แม้คนอื่นในตระกูลจี้จะเชื่อฟังจี้หลินและยอมให้เงินแก่เขา แต่ทุกคนล้วนไม่พอใจจี้หย่าเป็อย่างมาก
ส่วนจี้หย่านั้นออกเงินเองจำนวนสองหมื่นหยวน
จี้หลินรวบรวมเงินแปดหมื่นหยวนนำไปให้กับย่าอวี๋
“คุณน้าอวี๋ ต่อไปหาก้าความช่วยเหลืออะไร ตระกูลจี้จะไม่ปฏิเสธคุณน้าอย่างเด็ดขาด เงินนี้คุณน้ารับเอาไว้ก่อนนะครับ ซางตูอยู่ไกลเสียขนาดนั้น พวกเราคงไม่อาจดูแลคุณน้าได้อย่างใกล้ชิด”
ตระกูลจี้ให้เงินย่าอวี๋จำนวนแปดหมื่นหยวน!
เวลาแบบนี้สติปัญญาของจี้หลินนับว่าใช้งานได้ดีทีเดียว รู้ว่าให้ได้เท่าไรก็ควรให้จนหมด ต่อไปย่าอวี๋จะไม่สามารถยกหนี้บุญคุณในอดีตมาข่มกันได้อีก
ย่าอวี๋ส่งเสียงฮึในลำคอ มีไหวพริบแค่กับเื่พวกนี้ ลูกชายของจี้หวายซินทำได้เท่านี้เองหรือ
“ได้ ฉันจะรับเงินนี้ไว้ ต่อไปจะไม่ไปรบกวนตระกูลจี้ของพวกเธออีก”
เงินหยวนจำนวนแปดหมื่น หากค่อยๆ นำไปแลกที่ตลาดมืดคงจะได้ประมาณแปดเก้าพันดอลลาร์สินะ อนาคตเซี่ยเสี่ยวหลานจะช่วยเธอตามหาลูกชาย และเงินนี้ก็มากพอให้เซี่ยเสี่ยวหลานไปต่างประเทศได้ครั้งหนึ่ง จี้หลินกับย่าอวี๋ต่างก็พึงพอใจกับการชดใช้หนี้บุญคุณในครั้งนี้ ในขณะที่หลิวเฟินเห็นเงินที่กองอยู่บนโต๊ะแล้วรู้สึกเหมือนตนเองกำลังฝันไป
ตระกูลจี้เอาเงินมากมายขนาดนี้มาให้ และย่าอวี๋ก็ยอมรับไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ?
“ตอนนี้ตระกูลจี้คงเหลือแค่ศักดิ์ศรีกลวงๆ แล้วล่ะ ก่อนหน้านี้นายกทังเล่นงานพวกเขา ทั้งยังมีข่าวลือว่าพวกเขาทำผิดต่อตระกูลโจว ถ้าตอนนี้ฉันป่าวประกาศออกไปว่า ตระกูลจี้เป็พวกอกตัญญู ชื่อเสียงที่จี้หวายซินสั่งสมมาตลอดหลายปีคงจบเห่อย่างแน่นอน! ดังนั้นตอนนี้พวกเขาถึงได้เอาเงินมาปิดปากฉันอย่างไรล่ะ”
หลิวเฟินเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา “แต่นี่ให้กันเยอะเกินไปแล้ว...”
เยอะหรือ?
ตระกูลจี้ตัดสินจากคนที่จะมอบให้ต่างหาก
เพราะเมื่อก่อนตระกูลอวี๋นั้นร่ำรวยมาก อีกทั้งย่าอวี๋เป็คนรสนิยมสูง ตระกูลจี้จึงรู้ดีว่าหญิงชราเป็คนรับมือได้ยาก พวกเขาถึงยอมควักเงินจำนวนแปดหมื่นหยวนมามอบให้ย่าอวี๋เช่นนี้
หากเป็หญิงชราที่ไม่รู้หนังสือจากชนบทคนหนึ่ง ต่อให้มีบุญคุณกับตระกูลจี้แบบเดียวกัน อย่างมากตระกูลจี้ก็คงให้เงินแค่แปดร้อยหยวนแล้วไล่กลับไปเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ย่าอวี๋ยังเคยนำเงินที่เหลียงปิ่งอันโยนเข้ามาในบ้านจำนวนหนึ่งหมื่นหยวนแบ่งกับเซี่ยเสี่ยวหลานคนละครึ่งด้วยซ้ำ ซึ่งก็คือได้คนละห้าพันหยวน เมื่อนำมารวมกับค่าเช่าร้านเมื่อปีที่แล้ว และค่าเช่าบ้านปีนี้ ปัจจุบันย่าอวี๋มีเงินเก็บรวมๆ แล้วประมาณเก้าหมื่นหยวน
เธอหยิบธนบัตรสองปึกยื่นให้หลิวเฟิน “พยานย่อมได้ส่วนแบ่ง ถ้าไม่ตามเธอมาที่ปักกิ่ง เงินนี้ก็คงไม่ตกถึงมือฉันแน่นอน”
หลิวเฟินจะรับเงินจากย่าอวี๋ได้อย่างไร สิ่งที่หญิงชราตัวคนเดียวจำเป็ต้องมีมากที่สุดก็คือเงินติดตัว
ความอุ่นใจมีแต่ตัวเองเท่านั้นที่สามารถมอบให้ได้ เมื่อย่าอวี๋มีเงินก็เท่ากับมีความมั่นคงในชีวิต
ย่าอวี๋บอกว่าจะนำเงินนี้มอบให้เซี่ยเสี่ยวหลานเอาไปใช้ตามหาคนที่อเมริกา ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับปฏิเสธไม่รับไว้
“เื่เวลายังไม่แน่นอนเลยค่ะ ย่าอย่าเพิ่งใจร้อนนะคะ เอาเงินไปฝากธนาคารไว้ก่อนเถิดค่ะ ในอนาคตจะได้ดอกเบี้ยด้วย”
จะเกลี้ยกล่อมให้ย่าอวี๋ซื้อบ้านก็คงเป็ไม่ได้ ราคาบ้านของปักกิ่งจะพุ่งสูงอย่างรวดเร็วในอีกหลายปีข้างหน้า แต่ตอนนี้ย่าอวี๋อายุเท่าไรแล้ว ไม่แน่ว่าเธอจะสามารถอยู่ได้ถึงตอนนั้นด้วยซ้ำ
ย่าอวี๋มีบ้านอยู่ที่ซางตู มีตึกที่จัตุรัสเอ้อร์ชี ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงคิดว่าย่าอวี๋ควรเลือกวิธีเก็บเงินแบบปลอดภัยที่สุด และบัญชีเงินฝากประจำของธนาคารเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด เงินหมื่นหยวนจะได้ดอกเบี้ยต่อปีจำนวนหลายร้อยหยวน หากนำเงินแปดหมื่นไปฝากธนาคารเอาไว้ ทุกปีย่าอวี๋จะมีรายรับเพิ่มขึ้นหลายพันหยวน
เมื่อรวมกับค่าเช่าบ้าน หญิงชราสามารถย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่งได้อย่างสุขสบายเลยทีเดียว
ตระกูลจี้้าตัดขาดต่อกัน สิ่งเดียวที่เซี่ยเสี่ยวหลานพอจะชื่นชมได้คือ อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ ‘ขอติดไว้ก่อน’
ตระกูลจี้ให้เงินแปดหมื่นเพราะพวกเขาสามารถทำได้ และเพราะพวกเขาคิดว่าหน้าตาของตระกูลมีมูลค่ามากกว่า
เงินก้อนนี้ย่าอวี๋ไม่ได้บังคับขอมา ทำไมเธอจะรับไว้ไม่ได้?
เซี่ยเสี่ยวหลานบอกให้ย่าอวี๋เก็บเงินไว้ได้อย่างสบายใจ อนาคตเธอจะเล่นงานตระกูลจี้อย่างไร ไม่จำเป็ต้องให้ย่าอวี๋ช่วยออกหน้า ตอนนี้ย่าอวี๋อยากกลับซางตูเต็มที ไม่ใช่เพราะอยากเอาเงินกลับไปฝากที่ซางตู เพราะถึงอย่างไรเธอก็ต้องย้ายมาอยู่ปักกิ่ง ดังนั้นเงินก้อนนี้ย่าอวี๋จึงนำไปฝากที่ธนาคารสาขาของผู้จัดการใหญ่อู่ ผู้จัดการใหญ่อู่อยากชวนย่าอวี๋ซื้อพันธบัตรรัฐบาลเหลือเกิน แต่พอเห็นอายุของเธอแล้วก็ได้แต่กลืนคำพูดของคนกลับลงคอ
พันธบัตรรัฐบาลต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้กำไร หญิงชราผู้นี้อายุมากแล้ว หากเป็อะไรไปแล้วนำเงินออกมาไม่ได้ นั่นเท่ากับรังแกหญิงชรามิใช่หรือ!
ผู้จัดการใหญ่อู่อดใจไว้ “นักศึกษาเซี่ย เื่หน้าร้านที่ให้ช่วยหามีความคืบหน้าแล้วนะ เธอว่างเมื่อไรฉันจะพาไปดู”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีเวลาว่างเลยจริงๆ
เวลาที่เหลือหลังเลิกเรียนถูกใช้ไปกับการติวเข้มภาษาอังกฤษทั้งหมด
สุดสัปดาห์เธอพอมีเวลา แต่เธออยากไปที่วิทยาลัยทหารบกสักครั้ง นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว โจวเฉิงน่าจะสามารถออกมาเจอคนอื่นได้แล้วใช่หรือเปล่า เดือนนี้เธอกับโจวเฉิงขาดการติดต่อกันอย่างสิ้นเชิง จดหมายที่เขียนไปเหมือนจะหายเข้ากลีบเมฆ ั้แ่รู้จักกับโจวเฉิง เื่แบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง
ถ้าไม่รู้จากปากกวนฮุ่ยเอ๋อเื่กฎระเบียบของทางวิทยาลัย เซี่ยเสี่ยวหลานคงเดินทางไปที่วิทยาลัยตั้งนานแล้ว!
“ฉันจะให้แม่ไปกับผู้จัดการแล้วกันค่ะ ต่อไปเธอจะเป็คนดูแลร้านนี้”
ผู้จัดการใหญ่อู่บอกว่าหน้าร้านมีความคืบหน้าแล้ว ก็แสดงว่าเขาได้ติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว หน้าร้านมีให้เช่าอย่างแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายว่ามีเงื่อนไขอย่างไร นี่คือโอกาสในการฝึกฝีมือของหลิวเฟิน ตอนนี้หลิวเฟินไม่ใช่คนขลาดกลัวเหมือนแต่ก่อน เธอ้ายืนหยัดให้ได้ อีกทั้งเมื่อพาย่าอวี๋ไปด้วย หลิวเฟินย่อมไม่มีทางถูกหลอก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้