ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว หานอวิ๋นซีก็ยังคงหลับอยู่ พระเ้ารู้ดีว่าร่างกายนี้เหนื่อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ลึกลงไปในจิตสำนึก เธอกลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้น “ตู๊ดตู๊ดตู๊ด ตู๊ดตู๊ดตู๊ด”
หานอวิ๋นซีตอบสนองโดยสัญชาตญาณด้วยการลืมตาขึ้นทันที เสียงนี้คือเสียงเตือนจากระบบการล้างพิษของผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดของโรงพยาบาลหลิงหยุนไม่ใช่หรือ?
เพื่อที่จะรั้งเธอไว้ โรงพยาบาลหลิงหยุนได้ลงทุนเงินจำนวนมากในการวิจัยระบบการล้างพิษอัจฉริยะ ซึ่งเทียบเท่ากับพื้นที่อัจฉริยะที่สามารถจัดเก็บอุปกรณ์และยาทุกชนิดที่เธอ้าเพื่อล้างพิษให้กับผู้ป่วย
ระบบนี้ฝังอยู่ในสมองและเส้นประสาทของเธอ ซึ่งควบคุมโดยจิตสำนึกของเธอ หานอวิ๋นซีไม่คาดคิดว่าิญญาของเธอที่ข้ามภพมาจะนำสิ่งที่เป็ดั่งสมบัตินี้ติดตัวมาด้วย หานอวิ๋นซีตื่นเต้นอย่างมาก ในที่สุดฟ้าก็ทำอะไรเธอไม่ได้!
เสียง “ตู๊ด” ฟังดูเหมือน “ตู๋[1]” ซึ่งเตือนหานอวิ๋นซีว่ามียาพิษอยู่ใกล้ๆ
ก่อนหน้านี้หานอวิ๋นซีสงสัยว่าเนื้องอกบนใบหน้าของตนเองเกิดจากการตกตะกอนของยาพิษ และตอนนี้ชุดล้างพิษก็ดังขึ้น แสดงว่าต้องเป็เช่นนั้นอย่างแน่นอน
เธอหลับตาและลองเปิดระบบล้างพิษด้วยจิตสำนึก คิดไม่ถึงว่ามันจะสะดวกต่อการใช้งานขนาดนี้ เธอหยิบเข็มทองและผ้าก๊อซทางการแพทย์ออกมา และตรวจเช็กสิ่งของด้านใน เข็มและยาประเภทต่างๆ ยังคงมีอยู่มากมาย
หานอวิ๋นซีมองออกไปข้างนอกและเห็นว่าทุกคนกำลังงีบหลับ เมื่อแน่ใจว่าจะไม่มีใครรบกวนเธอในตอนนี้ เธอจึงเริ่มจัดการกับเนื้องอกบนใบหน้าของเธอ
เดิมทีเธอคิดจะนำเืจากเนื้องอกใส่เข้าไปในระบบการล้างพิษเพื่อทำการทดสอบ แต่ไม่คาดคิดว่าแค่ดมกลิ่น เธอก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันคือพิษอะไร
พิษชนิดนี้เป็ที่รู้จักกันทั่วไป ซึ่งเรียกว่าพวงองุ่น[2] เป็พิษที่ทำให้เสียโฉม พบได้ทั่วไปในสมัยโบราณ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านพิษเท่านั้นที่สามารถล้างพิษนี้ได้ ไม่คาดคิดว่าตระกูลหานซึ่งเป็ตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียง จะปล่อยให้บุตรสาวของพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากชะตากรรมนี้และไม่มีใครช่วยล้างพิษให้เธอ
ต้องมีคนจงใจวางยาพิษนี้ให้เธออย่างแน่นอน!
คงเป็ตระกูลหานสินะ เธอจะเป็คนจดลงบัญชีเล่มนี้แทนเ้าของเดิมเอง
การที่หมอไม่รักษาตัวเองนั้นย่อมมีเหตุผล แม้ว่าวิธีล้างพิษจะง่าย แต่พิษบนใบหน้าของหานอวิ๋นซีกลับค่อนข้างยุ่งยาก เธอได้แต่จัดการทุกอย่างอยู่ในความมืด ฉีดเืพิษ ล้างพิษ ทายา และสุดท้ายก็ติดผ้าก๊อซ ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าจะทำมันเสร็จสิ้น
หลังจากจัดเก็บข้าวของเรียบร้อย หานอวิ๋นซีก็สวมผ้าคลุมหน้าเ้าสาวกลับไปและะโออกไปด้านนอกว่า “หวังซีผอ ข้าหิวแล้ว ขอบะหมี่สักชามให้ข้าหน่อยสิ”
หวังซีผอที่คอยคุ้มกันทั้งวัน ทว่าก็ไม่เห็นคนของจวนอ๋องออกมาไล่ นางรู้อยู่แก่ใจว่าระหว่างพวกเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เลยไม่กล้าที่จะขัดใจหานอวิ๋นซีอีก จึงลุกขึ้นไปซื้อทันที
ถ้วยร้อนถ้วยหนึ่งพร้อมกับกลิ่นหอมโชยถูกยื่นเข้ามา เพื่อปกปิดกลิ่นยา หานอวิ๋นซีจึงสั่งให้หวังซีผอถอยหลังไป จากนั้นก็ถอดผ้าคลุมหน้าเ้าสาวแล้วกินมัน
ขณะเดียวกัน บนหอสูงที่อยู่ไม่ไกล ฉินอ๋องหลงเฟยเยี่ยว่าที่สามีของหานอวิ๋นซีเอามือไพล่หลังยืนพิงราวบันได ดูฉากนี้จากระยะไกล
มองไม่เห็นใบหน้าของเขา เห็นเพียงรูปร่างสูงใหญ่ที่สูงตระหง่านราวกับูเา สวมชุดสีดำดูลึกลับ น่าเกรงขาม แสดงถึงความดุร้ายเย่อหยิ่ง เขาเป็เหมือนเทพเ้าแห่งรัตติกาลที่อยู่บนที่สูงแล้วมองลงมาที่สามัญชน
“ท่านอ๋อง ตรวจสอบแน่ชัดแล้ว หญิงสาวที่นั่งอยู่ในเกี้ยวคือหานอวิ๋นซี และหวังซีผอที่เป็คนของไท่เฟยพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ชุดดำรายงานด้วยความเคารพ
“สถานการณ์ในวังหลวงเป็อย่างไรบ้าง?” น้ำเสียงของเขาเ็าและทุ้มต่ำ
“แพร่กระจายไปทั่วแล้วพ่ะย่ะค่ะ มีคนไม่น้อยพนันกันว่าพรุ่งนี้นางจะได้เข้าประตูได้หรือไม่” องครักษ์คนสนิทฉู่ซีเฟิงตอบตามความเป็จริง
หลงเฟยเยี่ยหันหลังกลับ ใบหน้าที่หล่อเหลาและเยือกเย็นราวกับรูปปั้นที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น หล่อเหลาจนทุกคนโกรธ แสงแดดสาดส่องลงมาบนใบหน้าที่เย็นะเืของเขา ทว่ากลับไม่สามารถส่องเข้าไปในดวงตาที่มืดมนและลึกล้ำ เป็สระน้ำเย็นที่เต็มไปด้วยความลึกลับ
“ข้าเองก็สงสัยเหมือนกันว่านางจะเข้าไปได้หรือไม่” หลงเฟยเยี่ยพูดอย่างเ็า และเดินออกไปในทิศทางตรงข้ามกับจวนฉินอ๋อง
ฉู่ซีเฟิงตกตะลึง พระเ้า นี่เขาได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าฉินอ๋องเองก็สงสัยเช่นกัน และอีกฝ่ายยังเป็สตรีอีกด้วย?
พรุ่งนี้ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไม่นะ?
-------------------------
[1] คำว่ายาพิษ ออกเสียงว่าตู๋ (毒)
[2] พวงองุ่น (葡萄球) หรือชื่อทางการแพทย์คือ เชื้อสแตฟฟิโลคอกคัส (Staphylococcus) เป็เชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง เมื่อมองใต้กล้องจุลทรรศน์มีรูปร่างกลม และจัดตัวเป็รูปคล้ายพวงองุ่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้