"วันนี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ฉันจะขึ้นเป็ผู้นำตระกูลด้วยตัวเอง ฉันเป็ผู้นำมีตรงไหนไม่ดี? มอบกำลังพลหน่วยรักษาเมืองให้ฉันพันคน ฉันจะปิดล้อมเมืองนี้! ลูกน้องฉันจากกรมตำรวจสายตรวจอยู่ไหน? พวกแกปล่อยให้พวกคนทำงานจิปาถะกดหัวพวกแกได้ยังไง ศักดิ์ศรีของพวกแกอยู่ไหนกันหมด?!"
คำสั่งถูกส่งผ่านวิทยุสื่อสารของตำรวจบนบ่าไปยังวิทยุสื่อสารของตำรวจที่ประจำอยู่ด้านนอกจำนวนมาก
ตำรวจติดอาวุธจำนวนมากทั้งปืนพก กระบองไฟฟ้า และกุญแจมือพากันกรูเข้ามาในโรงแรมกันอีกชุด!
ต่อหน้าปืนของตำรวจ ความฮึกเหิมของเหล่าเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างแห้งเหี่ยวลง
เย่ชิงโหรวกระซิบกระซาบกับ เย่เฉิน พ่อของเธอว่า
"พ่อ วันนี้พ่อไม่ได้พาทหารมาเลยเหรอ พาแต่ตำรวจมาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยเท่านั้นเหรอ?"
เย่เฉินตอบอย่างสิ้นหวัง
“ก็ใช่ ลูกเป็ลูกสาวพ่อ ลูกต้องแต่งงานไปไกลถึงตระกูลเฉินที่อยู่ในเจียงเฉิง พ่อเลยพามาแค่ตำรวจ เอามารักษาความสงบเรียบร้อย ถ้าพ่อเรียกทหารมาด้วย พวกเขาที่พกปืนไรเฟิลติดตัวตลอดจะดูน่ากลัวเกินไปน่ะสิ… ตอนนี้ คงต้องหวังพึ่งพ่อแก่กับปู่ ว่าพวกเขาจะจัดการกับเหลนฏเย่กังกับเย่สงยังไง ลูกอย่าลืมนะ พ่อแก่คือผู้บัญชาการสูงสุดของเมืองโยวเฉิง ทั้งทหาร ตำรวจสายตรวจ หน่วยสืบ และเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนในเมืองต่างอยู่ภายใต้คำสั่งของเขา ยิ่งไปกว่านั้น คุณปู่ยังเป็อดีตผู้บัญชาการสูงสุดของเขตย่อยเมืองโยวเฉิงอีก เป็พลเอกติดยศสามดาวตัวจริงเสียงจริง!”
เมื่อพูดถึงตอนท้าย ดวงตาของเย่เฉินเริ่มเปล่งประกาย รู้สึกว่าสายเืของเขายังคงมีความมั่นคง
แต่คำพูดของอดีตผู้นำเย่ไท่ป๋ายได้ดับความหวังของเขาลงจนหมดสิ้น
“ชิงโหรว ปู่ข้ามพ่อหลาน ลุงคนที่สอง และลุงคนที่สามของหลาน รวมไปถึงลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ของหลานด้วย หลังจากที่หลานก่อตั้งบริษัทเฉียนจินเอนเตอร์เทนเมนต์ด้วยตัวของหลานเอง ฟันฝ่าจนมีมูลค่าหลายพันล้านได้สำเร็จ ปู่ก็ยินยอมให้หลานแต่งลูกเขยเข้าตระกูลเป็ผู้นำคนปัจจุบัน บัดนี้ หลานทำให้ปู่ผิดหวังมาก ชายหนุ่มที่หลานเพิ่งหย่าร้าง ไอ้หนุ่มเฉินเฟิงนั่น กล้ากลับมายังตระกูลเย่ของเราด้วยท่าทางแข็งกร้าว และทำร้ายปู่กับปู่ทวดของหลานได้เยี่ยงไร! เฉินเฟิงเพิ่งสูญเสียลูกสาวไป ปู่ไม่อยากเอาผิดเขา แต่ความผิดทั้งหมดนั้นหลานต้องเป็ผู้รับผิดชอบ หลาน… คืนตราผู้นำให้ปู่ ปู่ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี ปู่จะทำหน้าที่ผู้นำต่อไปเอง ฉันอยากดูว่าใครกล้าขัดขืน ้าชิงตำแหน่งกับฉันอีก!”
เย่ไท่ป๋ายพูดจบก็ใช้สายตาอำมหิตกวาดตามองลูกชายคนที่สองเย่สง ลูกชายคนที่สามเย่กัง และหลานชายคนโตเย่เซียว ทีละคน สุดท้ายก็เป็เ้าหน้าที่ตำรวจทหาร หน่วยรักษาความปลอดภัยในเมืองแต่ละคน ทำให้พวกเขาใจนก้มหัวลง อดีตผู้บัญชาการสูงสุดที่เพิ่งเกษียณอายุราชการเมื่อไม่กี่ปีก่อน ยังคงมีอำนาจบารมีในใจของเ้าหน้าที่จำนวนมาก เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ไท่ป๋าย ผู้นำเก่าของตระกูลเย่ อดีตผู้บัญชาการสูงสุด ทุกคนในที่เกิดเหตุก็เงียบงันอีกครั้ง!
“ปู่… วันนี้ฉันจะแต่งเข้าตระกูลเฉินแล้ว ถ้าฉันเสียตำแหน่งผู้นำตระกูล ฝั่งนู้นเขาอาจยกเลิกงานแต่งนะปู่ งานแต่งนี้เป็แค่งานแต่งทางการเมือง ทั้งสองฝ่ายต่าง้าอำนาจ ผู้นำตระกูลที่ใหญ่เป็อันดับสี่ของเมืองโยวเฉิงแต่งกับลูกชายคนโตตระกูลเฉิน ซึ่งเป็ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียงเฉิง นี่เป็วิธีเดียวที่จะทำให้ตระกูลเย่ของเราขึ้นนำสามตระกูลใหญ่ในเมืองนี้ได้!”
เย่ชิงโหรวไม่ยอมเสียตราผู้นำไปง่ายๆ เธอจึงใช้อำนาจของตระกูลเฉินมาต่อรอง
“เย่ชิงโหรว อย่าทำตัวเป็จิ้งจอกอ้างบารมีเสือ ปู่จะเอาตราผู้นำคืน เธอกล้าขัดคำสั่งเหรอ? งั้นปู่จะฆ่าไอเฉินเฟิงที่เธอรักมันตรงนี้นี่แหละ”
เย่เซียวใช้จังหวะนี้ระบายความโกรธและความอัดอั้นตันใจทั้งหมดที่มีต่อเย่ชิงโหรวกับเฉินเฟิง เขายกดาบเก้าวงขึ้นเหนือหัว เตรียมจะฟันคอเฉินเฟิง
เย่ชิงโหรวพูดด้วยความตื่นตระหนก
“เย่เซียว อย่า... ฉันไม่ได้พกตรามาด้วย... เพราะวันนี้เป็วันแต่งงาน!”
ใน่วิกฤตนี้เอง ในที่สุดเฉินเฟิงก็หลุดจากความเศร้าโศกเหลือคณาหลังจากลูกสาวที่หมดสติลงได้ เขาไม่อยากจมจ่ออยู่กับความเศร้านี้ กอปรกับเสียงร้องไห้ของเย่ชิงโหรวที่ปลุกเขาให้ตื่นขึ้น
ทางจ้าวเสี่ยวเยว่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเตรียมจะเริ่มลงมือเช่นกัน
ทันใดนั้น เฉินเฟิงลุกยืนขึ้น รับดาบเก้าวงที่เย่เซียวฟาดฟันมาที่คอเขาด้วยมือเปล่า
เขาบิดดาบนั้นด้วยมือเปล่าจนงออย่างง่ายดาย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลน
“ดาบเก้าห่วงขยะๆ จากเศษเหล็กแบบนั้น คิดว่ามันจะฟันคอฉันได้? ต่อให้แกฟันลงมา ฉันก็ไม่รู้สึกอะไร! เย่ชิงโหรวพูดถูก ถ้าเธอไม่ใช่ผู้นำหญิงคนปัจจุบันของตระกูลเย่ เธอไม่มีสิทธิ์แต่งงานกับตระกูลเฉินในเมืองเจียง! อย่างที่ฉันเอ่ยปากไว้ก่อนหน้านี้ คนแรกที่ฉันจะฆ่าคือแก ไม่ว่าใครมาช่วยก็เปล่าประโยชน์!”
สิ้นเสียงพูด เฉินเฟิงพลันลงมือฉับพลัน เขาใช้ฝ่ามือตบลงบนตัวเย่เซียวอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างของเขาจมลงไปในพื้น เหลือแต่เพียงศีรษะที่โผล่พ้นพื้นออกมา
เย่สงะโอย่างโกรธแค้นเมื่อเห็นลูกชายถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา
“เฉินเฟิง! แกกล้าฆ่าลูกชายฉัน อย่าฝันว่าจะได้ก้าวออกจากโรงแรมแห่งนี้เป็ๆ แกไม่ใช่คนตระกูลเฉิน อะไรทำให้แกคิดว่าแกสามารถพูดจาโอหังได้? แม้แกจะนามสกุลเฉิน แต่แกก็เป็แค่ไอ้เศษขยะ ตระกูลเย่ของเราไม่้า!”
เฉินเฟิงส่ายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“เฮ้ย ใจเย็นไอ้ชาย หัวร้อนอะไร ลูกแกยังไม่ตาย! เมื่อกี้ฉันแค่ใช้เทคนิคผสานความแข็งและความยืดหยุ่นกระแทกมันลงดินเท่านั้นเอง จริงๆ แล้ว มันไม่ได้รับาเ็อะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เกรงว่าชาตินี้คงออกมาไม่ได้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดการลุงสามเสร็จ ต่อไปก็เป็ตาแก เดี๋ยวจะช่วยให้แกไปเจอลูกเอง”
ไม่พูดเปล่า เฉินเฟิงค่อยๆ เดินตรงไปหาเย่กังที่นั่งอยู่บนรถเข็นราวกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ปู่ทวดเย่หวู่และผู้อดีตผู้นำรุ่นก่อนเย่ไท่ป๋าย รีบเดินเข้าไปป้องกันเย่กัง
เมื่อกี้ทั้งสองไม่มีเวลายื่นมือเข้าช่วยเหลนคนโตอย่างเย่เซียว เพราะเฉินเฟิงอยู่ข้างๆ เย่เซียว เขาสามารถลงมือได้ทันทีโดยไม่มีใครทันได้ตั้งตัว!
แต่ตอนนี้ ปรมาจารย์เฒ่าทั้งสองยอมสู้ตายเอาชีวิตเข้าแลก ต่อให้ต้องตายก็จะไม่ปล่อยให้เฉินเฟิงฆ่า หรือตบเย่กังลงไปคุยกับรากมะม่วง!
“เฉินเฟิง แกระบายความแค้นด้วยการตบเย่เซียวจมดินยังไม่พอ? เย่กังก็อีกคน ท่อนล่างเขาใช้การไม่ได้เพราะฝีมือของแกเมื่อวานนี้ไม่ใช่หรือ แล้ววันนี้ยัง้าเอาชีวิตเขาอีกรึไง? แกเกี่ยวข้องกับปรมาจารย์เฉินเฟิงแห่งสำนักหมัดมวยธรรมชาติ [1] ยังไง? ฝ่ามือเมื่อสักครู่ เป็ฝ่ามือหมัดมวยธรรมชาติ!”
ปู่ทวดตระกูลเย่ไม่ใช่คนพูดมาก แต่เขาก็เปิดปากในที่สุด น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนกำลังร้องขอความเห็นใจและ้าเจรจา
เย่วู่มีอายุ 89 ปี เขารู้เป็อย่างดีว่าวรยุทธ์ของเฉินเฟิงต้องเหนือล้ำเพียงใด จึงจะสามารถตบเย่เซียวจมดินโดยไม่ทำให้เขามีแม้กระทั่งรอยขีดข่วนได้
แม้ว่าจะมีตำรวจสายตรวจจำนวนมากหันปากกระบอกปืนเข้าหาเฉินเฟิงเพื่อปกป้องหัวหน้าของพวกเขาอย่างเย่กังขนาดไหน เย่วู่ก็เลือกร้องขอความเมตตา!
เชิงอรรถ
[1] หมัดมวยธรรมชาติ เป็วิชากังฟูสายหนึ่งที่ถูกสอนกันในภาคเหนือของจีน เชื่อกันว่ามีพื้นฐานมาจากปรัชญาลัทธิเต๋าโบราณ
