เว่ยจวินหยางไม่ได้รังเกียจที่อวี๋มู่ตัวหนักจริงๆ เขาเพียงแค่อยากปกปิดความเคอะเขินของตัวเองก็เท่านั้น
อีกอย่าง เขารู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ร่างกายของอวี๋มู่อ่อนแอลง
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าอาจเป็เพราะมือกับแขนด้านขวาาเ็ จึงไม่แตะต้องกระบี่เมฆาวิสุทธิ์ให้รู้สึกลำบาก
แต่จากที่สังเกต เขาพบว่าอวี๋มู่สีหน้าแย่ลงเรื่อยๆ ฝีเท้าก็ไม่ได้เบาตัวเหมือนคนมีวรยุทธ์ หรือแม้กระทั่งเวลาที่พวกเขาร่วมรักกันในยามค่ำคืน หากเขาใช้ท่วงท่าที่รุนแรงมากไป อีกฝ่ายก็มีสีหน้าซีดขาวคล้ายจะเป็ลม
เขารู้สึกแปลกใจ
และ…รู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยถาม เพราะรู้ดีว่าต่อให้ถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบที่แท้จริง
“มือ” เว่ยจวินหยางขยับขาเขาให้ขึ้นมาข้างบนอีกนิด แล้วเอ่ย “เอามือโอบคอข้าไว้”
???
อวี๋มู่กะพริบตา ด้วยนึกว่าตัวเองหูฝาดไป
เว่ยจวินหยางเห็นเขาไม่ทำตาม ก็กระแอมเสียงเบาแล้วอธิบาย “เราต้องเร่งเดินทาง ดังนั้น จับข้าไว้ให้แน่น”
“นายท่าน ให้ข้าน้อยจับเสื้อของท่านไว้ก็ได้”
ในใจลึกๆ เขาก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงกับการถูกปฏิบัติราวกับตนเองเป็สตรีเช่นนี้
แต่เขาลืมไปว่าเว่ยจวินหยางเองก็เคยทำตัวเฉกเช่นสตรีเช่นนี้เหมือนกัน
เว่ยจวินหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุ “เ้ากล้าขัดคำสั่งข้าอีกแล้วหรือ? ”
“ข้าน้อยมิกล้า” อวี๋มู่น้อมรับคำสั่ง
ท่านมีคะแนนความประทับใจในมือ ส่วนข้ามีหน้าที่แค่ต้องทำตาม
กล่าวจบ เขาก็คว้าคอเว่ยจวินหยาง และออกแรงเกี่ยวไว้ แล้วเอ่ยในใจ ‘ข้าจะรัดเ้าให้เป็เ้าลูกสุนัขตายไปเลย’
ฝ่ายเว่ยจวินหยางกลับไม่ได้รู้สึกแต่อย่างใด ทั้งยังฉีกยิ้มอย่างมีความสุข
เขาชอบที่อวี๋มู่ทำเหมือนกับพึ่งพาเขา แม้รู้ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ยังรู้สึกพอใจ
ในใจรู้สึกอบอุ่น
นี่คือััอบอุ่นพิเศษที่เขาได้รับจากอวี๋มู่เป็คนแรกั้แ่ใช้ชีวิตมายี่สิบสามปี
*
เมื่อทั้งคู่เข้าใกล้สำนักชิงอี ก็ถูกศิษย์ที่มีหน้าที่ลาดตระเวนดักไว้ ศิษย์ทั้งสองสวมชุดสำนักชิงอี ตรงบ่ามีปักลวดลายสีแดงเพลิง วินาทีที่เห็นเว่ยจวินหยางกับอวี๋มู่ พวกเขาก็นึกว่าตัวเองเห็นผีเข้าเสียแล้ว
เมื่อพวกเขาได้สติ ก็ย่อตัวคุกเข่าเสียงดังตุ้บต่อหน้าเว่ยจวินหยาง ทั้งสองก้มศีรษะลงโดยใช้สองมือคำนับพร้อมกระบี่ในมือ เผยให้เห็นลำคอที่อ่อนระทวยอยู่ภายใต้สายตาของเว่ยจวินหยางและสายตาที่ใของอวี๋มู่ แล้วเอ่ยเสียงหนักแน่น “ข้าน้อยยินดีต้อนรับท่านประมุข! ”
อวี๋มู่พบว่าทั้งสองกำลังตัวสั่น
และยังสั่นมากขึ้นด้วย
กระบี่ยาวสั่นจนแทบหล่นจากมือ
ที่แท้เ้าลูกสุนัขเว่ยก็น่าเกรงขามขนาดนี้เลยหรือ?
นี่คือยอมแพ้ั้แ่ยังไม่สู้เลย?
ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมถึงยังทรยศ? แต่ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะคุณชายทั้งสี่นั่นก็ไม่ได้ต่อกรด้วยง่ายๆ และพวกเขาต้องเลือกอยู่ให้ถูกข้าง เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ
การเป็ลูกสมุนพรรคมารนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
อวี๋มู่ถอนหายใจเบาๆ พลางเหลือบมองหน้าเว่ยจวินหยาง พบว่าเ้าลูกสุนัขนี่กำลังมองดูศิษย์ทั้งสองด้วยไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ท่าทางนิ่งเงียบแบบนี้สร้างความกดดันอย่างมากให้กับศิษย์ทั้งสองคนนั้น พวกเขาไม่ใช่แค่มือสั่น แต่เหงื่อยังไหลซึมจนชุ่มหน้าผาก
อวี๋มู่เริ่มทนดูไม่ไหว เขาทำท่าจะกล่าวอะไรสักอย่าง แต่กลับเป็เว่ยจวินหยางกล่าวขึ้นมาก่อน
“อวี๋มู่ ยังจำสิ่งที่ข้าเอ่ยขอกับเ้าได้หรือไม่? ”
“?”
เว่ยจวินหยางฉีกยิ้ม คล้ายอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย “วันนี้ข้ามาที่สำนักชิงอีเพื่อแก้แค้น เดิมทีข้าตั้งใจจะสังหารคนที่บังอาจทรยศข้าให้หมดสิ้น แต่ในเมื่อรับปากกับเ้าว่าจะไม่สังหารใครอีก ข้าก็จะละชีวิตพวกเขาไป แต่เท่ากับว่า…”
เขาเอียงคอยื่นใบหน้าสวยเข้ามาตรงหน้าอวี๋มู่ แล้วเอ่ยกับเขา “เ้าในฐานะตัวแทนหนี้แค้น หากหนึ่งจูบแลกกับหนึ่งชีวิต เ้าจะยินยอมหรือไม่? ”
อวี๋มู่ชะงัก จากนั้นหน้าคล้ำลง
ระบบหัวเราะราวกับคนบ้า พร้อมกับส่งเสียงให้กำลังใจ [ฮ่าๆๆๆ! จูบเลย ๆ! จูบให้ตายไปเลย!]
อวี๋มู่หมดคำพูด เขาเอ่ยถามระบบ : สำนักชิงอีมีคนทั้งหมดเท่าไร?
[ไม่เยอะหรอก แค่สามร้อยคนเอง ยังมีเลี้ยงไก่สิบสองตัว แมวสองตัว สุนัขห้าตัว หากเว่ยจวินหยางนับพวกนั้นเข้าไปด้วย สิริรวมแล้วคุณน่าจะต้องจูบเขาทั้งหมดสามร้อยสามสิบแปดครั้งครับ]
อวี๋มู่ : ฉันจะใช้ปากต่อยเขาให้ตาย!
[ฮ่าๆๆๆ!!!] ระบบะเิหัวเราะ
ศิษย์สำนักชิงอีทั้งสองเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในคราวแรกคือตกตะลึง จากนั้นก็มองอวี๋มู่ด้วยสายตาอ้อนวอนสุดชีวิต แล้วเปล่งเสียงดัง “คุณชายมู่ได้โปรดช่วยพวกข้าด้วย! ”
ตอนนี้พวกเขาไม่อยากมานั่งวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเว่ยจวินหยางกับอวี๋มู่ว่าดีกันถึงขั้นไหน พวกเขาแค่อยากรอดจากเงื้อมมือของเว่ยจวินหยางก็เท่านั้น
และหนทางเดียวในตอนนี้ก็คืออวี๋มู่
ที่ผ่านมาแม้พวกเขาจะฝักใฝ่คุณชายทั้งสี่ แต่ก็ไม่ได้หลับสนิทแม้แต่วันเดียว พวกเขากลัวว่าเว่ยจวินหยางจะรอดกลับมาเอาชีวิตพวกเขา
แล้วพวกเขาก็ดวงซวยจริงๆ ไฉนดันมาเจอเข้าในวันที่ออกลาดตระเวนด้วยเล่า?
ยากเสียจริง
เป็พวกเขาช่างยากเย็นกันเสียจริง!
อวี๋มู่ได้ยินศิษย์สองคนนั้นะโออกมาอย่างอกสั่นขวัญแขวน เขามองใบหน้าเว่ยจวินหยางที่ยื่นเข้ามาใกล้ริมฝีปากของเขา
ใบหน้าขาวเนียนผ่อง ผิวพรรณดูดีกว่าสตรี ไม่ว่าตรงไหนก็ดูดีไปหมด
เฮ้อ จูบเถอะ จูบไปก็ไม่ได้เสียอะไร ถึงยังไงก็เคยจูบ เหลือก็แค่สามร้อยกว่าครั้งเอง
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว อวี๋มู่ก็ยื่นตัวไปจูบแก้มซ้ายเขาหนึ่งที
ตอนที่เขาจะจูบต่อ จู่ๆ เว่ยจวินหยางก็เอามือปิดปากเขา ริมฝีปากััฝ่ามือจนชายหนุ่มรู้สึกยุบยิบในใจ
เขายิ้มเหมือนจิ้งจอก แล้วเอ่ยกับอวี๋มู่ “แก้มซ้ายหนึ่งที แก้มขวาก็ต้องหนึ่งที จะให้ฝนตกไม่ทั่วฟ้าไม่ได้”
“....”
เขาอยากตบเ้าลูกสุนัขแก่แดดนี่ให้ตายจริงๆ!
เมื่อจูบแล้วทั้งสองข้าง เว่ยจวินหยางก็พอใจ อารมณ์ดีจนปล่อยศิษย์สองคนนั้นไป และอนุญาตให้พวกเขาสองคนนำทางต่อ
เมื่อศิษย์ทั้งสองยืนขึ้นก็เกือบเซล้ม แค่มองเว่ยจวินหยาง ทั้งสองคนก็รู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมา ยิ่งเดินนำหน้าเว่ยจวินหยางเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกระแวงหลังเข้าไปอีก
เว่ยจวินหยางกลับไม่รู้สึก เขาถึงกับเฝ้ารอคอยให้เจอคนมากกว่านี้ เพื่อจะได้ให้อวี๋มู่จูบเขาอีก
เขาชอบท่าทางที่อวี๋มู่เป็ฝ่ายรุกก่อน
แม้ว่านี่จะเป็สิ่งที่เขาบังคับ แต่เขาก็มีความสุข
อย่างไร ก็คือมีความสุข
ทั้งที่มาเพื่อแก้แค้น แต่อารมณ์ของเขาตอนนี้กลับเหมือนกำลังมาให้อาหารสุนัขในสำนักชิงอี ซ้ำยังเป็การให้อาหารที่ชั่วร้ายอีกด้วย
*
ตลอดทาง ศิษย์ทั่วไปที่เมื่อเห็นเว่ยจวินหยาง ก็รีบคุกเข่าอย่างไม่ลังเล ราวกับว่าหากสงสัยนานแม้เพียงครึ่งนาทีก็อาจจะถูกเว่ยจวินหยางสังหารเอาได้
และในเวลานี้เว่ยจวินหยางก็หยุดเดิน แล้วเริ่มนับจำนวน จากนั้นก็ยิ้มกับอวี๋มู่
อวี๋มู่ต้องทนจูบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าต่อหน้าเ้าพวกนี้ที่กำลังตกตะลึง จนแอบของขึ้น
เขาไม่เคยรู้สึกขายหน้าแบบนี้มาก่อนเลยในชาตินี้
เว่ยจวินหยางทำตามที่รับปาก ขอเพียงอวี๋มู่จูบเขา เขาก็จะไม่สังหารใครจริงๆ กระทั่งได้มาเผชิญหน้ากับคุณชายทั้งสี่ สีหน้าของเขาถึงนิ่งขรึมลง
“เว่ยจวินหยาง” คุณชายรองมีสีหน้าซีดเผือด พลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วชักกระบี่คู่กายออกมา พร้อมกับจ้องชายหนุ่มด้วยสีหน้าระแวดระวัง “เ้าช่างดวงแข็งยิ่งนัก…”
ขณะที่กล่าว เขาก็หันไปมองอวี๋มู่ด้วยแววตาเคียดแค้น “หากรู้ว่าเ้าจะหักหลังพวกข้า ข้าน่าจะสังหารเ้าเสียแต่เนิ่นๆ! ”
คุณชายสามนั้นเป็ชายหนุ่มที่มีรูปงามคล้ายสตรี แววตาที่ดูสับสนนั้นจ้องมองไปที่เว่ยจวินหยาง
หากตอนนั้นเขาไม่คลั่งไคล้ไปกับความงดงามของเว่ยจวินหยาง จนจัดการเปลี่ยนยาพิษทะลวงลำไส้ไร้สีไร้กลิ่นเป็ยาพิษดอกเสน่หาล่ะก็ คนผู้นี้ก็คงไม่มีโอกาสมายืนข่มขู่เอาชีวิตพวกเขาอยู่ตรงนี้ได้
แต่เมื่อได้พบเว่ยจวินหยางเช่นนี้ คุณชายสามก็ยังไม่อาจละสายตาจากเขาได้
“ท่านประมุข…” จู่ๆ เขาก็คุกเข่าให้เว่ยจวินหยาง มองด้วยแววตาทั้งรักทั้งหลงแล้วเอ่ย “ข้าน้อยยอมรับว่าโทษหนักหนา แต่ได้โปรดลงโทษสถานเบา เพื่อให้ข้าได้อยู่เคียงข้างท่าน ขอเพียงได้อยู่เฝ้ามองท่านก็เพียงพอแล้ว”
เมื่อทั้งสามคนที่เหลือได้ยิน ต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะคุณชายสี่ที่คว้าคอเสื้อของคุณชายสามหิ้วขึ้นมาแล้วแผดเสียงต่อว่า “เ้าคนไร้ประโยชน์! เ้ายังชอบเขาอยู่อีกหรือ! เขาเป็คนเยี่ยงไรเ้าไม่รู้หรืออย่างไร? ยังคิดว่าเขาจะปล่อยคนอย่างเ้าไปอย่างนั้นหรือ? เลิกฝันเฟื่องเสียที! ”
“ปล่อยพวกเ้าไปย่อมได้”
คำพูดของเว่ยจวินหยางประโยคเดียว ก็ทำเอาทั่วทั้งสำนักชิงอีเงียบกริบ
คุณชายทั้งสี่จ้องเขาด้วยท่าทีตะลึงงัน มือของคุณชายสี่คลายออกจนคุณชายสามทรุดลงไปกองกับพื้น ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง พวกเขาจ้องมองเว่ยจวินหยางด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ทำเอาอวี๋มู่ที่อยู่ด้านหลังเว่ยจวินหยางถึงกับขนลุกชัน
“น่าประหลาดใจนักหรือ? ” เว่ยจวินหยางเลิกคิ้ว แล้ววางอวี๋มู่ลงมาจากหลัง
อวี๋มู่คิดว่าที่นี่คงไม่มีเื่อะไรเกี่ยวกับเขาแล้ว จึงตั้งท่าจะหลบไปด้านข้าง แต่กลับถูกเว่ยจวินหยางเกี่ยวตัวไว้ในอ้อมอกเสียก่อน
“พวกเขาสี่คนคือตัวบงการ ความจริงข้าอยากสังหารพวกเขา แต่การจะช่วยพวกเขานั้นต้องจ่ายราคาที่ค่อนข้างสูง เ้ายังยินดีที่จะช่วยพวกเขาหรือไม่? ” เว่ยจวินหยางเอ่ยถามอวี๋มู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่แววตากลับแฝงไปด้วยจิตสังหาร
อวี๋มู่รู้สึกว่ามือของเขาเย็นเยียบและแอบสั่น เดาว่าอีกฝ่ายคงกำลังสะกดไฟแห่งความโกรธ
ใช่สิ จากนิสัยของเ้าลูกสุนัขนี่ หากไม่มีคำขอที่เขาเคยเอ่ยข่มไว้ล่ะก็ ป่านนี้คนที่นี่คงไม่มีใครรอดสักคน
ทว่าตอนนี้เขากลับพยายามสุดชีวิตที่จะควบคุม เพียงเพื่อจะรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับตัวเอง
อวี๋มู่รู้สึกประทับใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
แต่พอได้ยินเว่ยจวินหยางกล่าวต่อ ความประทับใจก็พลันหยุดอยู่แค่นั้น
อวี๋มู่เห็นเพียงชายหนุ่มหน้าสวยชี้ไปที่ริมฝีปากตัวเอง แล้วเอ่ย “หากเ้าตอบว่าอยากช่วยพวกเขา ก็ให้จูบที่ตรงนี้ ข้าไม่ขอสี่ครั้ง ข้าขอแค่เวลา หากข้าบอกให้หยุดค่อยหยุด เป็อย่างไร? ”
ตอนที่อวี๋มู่กับเว่ยจวินหยางตอบรับเงื่อนไขนั้น ในคืนนั้นเว่ยจวินหยางเอ่ยปากขอให้อวี๋มู่เป็คนจูบเขาเอง แต่อวี๋มู่ไม่ยอม เหมือนว่าการจูบที่แก้มนั่นคือขีดจำกัดของเขาแล้ว
สิ่งนี้ทำให้เว่ยจวินหยางไม่เข้าใจอย่างมาก และยังรู้สึกไม่สบายใจอีกด้วย
ทุกครั้งที่ร่วมรักกัน มักเป็เขาที่เริ่มต้นก่อน หากอวี๋มู่ให้ความร่วมมือก็นับว่าไม่เลวนัก แต่ก่อนเขาไม่ค่อยรู้สึกเท่าไร ขอแค่มีความสุขเป็พอ แต่พอเขารู้ว่าอวี๋มู่มีเื่ปิดบัง เขาก็เริ่มรู้สึกว่ามีเพียงตัวเขาที่ตกหลุม มันน่าบัดซบเกินไป
เขาอยากเห็นอวี๋มู่ถอดหน้ากากออก แล้วเผยธาตุแท้ความเป็จริงของตัวเองออกมาต่อหน้าเขา
เขาอยากให้อวี๋มู่จริงจังกับเขา
จริงจังกับเขาเพียงผู้เดียว
พอคิดถึงจุดนี้ ความโกรธแค้นในใจเว่ยจวินหยางก็เริ่มจางลงไปบ้าง และเขาก็กำลังใช้สี่คนนี้มาบีบให้อวี๋มู่ตัดสินใจ
ไม่ว่าจะปฏิเสธหรือทำตาม อย่างไรเสียเขาก็เป็ผู้ชนะ
อวี๋มู่กำหมัดแน่น รู้สึกว่าตัวเองตกหลุมพรางเ้าลูกสุนัขเว่ย เขาอยากจัดการเ้าหมอนี่ต่อหน้าคนพวกนี้สักยก
แต่ภารกิจไม่อนุญาตให้เขาทำเช่นนั้นได้
ในฐานะชายแท้สเตรทอย่างเขา เขามองเื่จูบเป็เื่ศักดิ์สิทธิ์ เขาจะจูบก็ต่อเมื่อเป็คู่รักที่ตัวเองให้ความชัดเจนเท่านั้น
เขาไม่ได้ชอบเว่ยจวินหยาง เขาจึงไม่ได้อยากตอบรับคำขอนี้
เว่ยจวินหยางรออยู่พักหนึ่ง ก็ไม่ได้คำตอบ
รอยยิ้มค่อยๆ จางลง เขาปล่อยมืออวี๋มู่ แล้วชักมีดสั้นตรงเอวออกมา เงยหน้ามองตะวันเหลียวซ้ายแลขวา ทันใดนั้นก็ลงมือ เขวี้ยงมีดสั้นเป็เงา ตามด้วยเสียงร้องน่าอนาถ ไหล่ของคุณชายรองนั่นแบะออกจนเป็แผลพลันกระบี่ในมือร่วงหล่น ให้ความเ็ปเหมือนถูกสูบพลังออก พร้อมกับเืไหลรินมาตามง่ามนิ้ว
อวี๋มู่ตกตะลึง พลางขมวดคิ้วแน่นมองดูเว่ยจวินหยาง
เขาเห็นชายหนุ่มสีหน้าเยือกเย็นดุจหิมะ แววตามืดมนไม่เห็นแสงใดกำลังจ้องเขาเขม็ง แล้วเอ่ย “หากเ้าไม่เลือก ต่อไปจะไม่ใช่แค่ไหล่ของเขา”
กล่าวจบ เขาก็ตั้งท่าจะเอื้อมมือไปชักกระบี่เมฆาวิสุทธิ์ตรงเอวของอวี๋มู่ แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกคนตรงหน้าคว้าคอเสื้อขึ้นและวินาทีถัดมาก็มีความอ่อนนุ่มจรดอยู่ที่ริมฝีปาก ในที่สุดอวี๋มู่ก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากเขาด้วยตัวเอง
ดวงตาของเว่ยจวินหยางเบิกกว้างขึ้นทันใด ั์ตาสะท้อนเพียงใบหน้าชายหนุ่มที่ขยายใหญ่ หัวใจที่เปล่าเปลี่ยวมาตลอดกลับรู้สึกราวกับถูกเติมเต็ม ปวดแปลบแต่กลับอ่อนโยนเหลือเกิน
เขาเกี่ยวหลังคออวี๋มู่ ถอนริมฝีปากออก แล้วกลับไปจูบดูดดื่มกว่าเดิม
เสียงหัวใจเต้นดังตุบๆ มือของอวี๋มู่ยังคว้าคอเสื้อเขาไว้ และโต้ตอบเขากลับมาอย่างดุดัน ขบกัดริมฝีปากเขาราวกับจะส่งผ่านความโกรธทั้งหมดผ่านการจูบครั้งนี้
แต่เว่ยจวินหยางรู้
เขารักความรู้สึกแบบตอนนี้
นี่คือสิ่งที่เขา้า ตัวตนอวี๋มู่ที่แท้จริง
ดูเหมือนว่าเขาจะ…
รักชายคนตรงหน้านี้อย่างสุดหัวใจ
--------------------------------------------------------------------------