แต่ละที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก
เซี่ยโม่จำได้แม่น ก่อนหน้านี้พี่ซ่งบอกเธอไว้ว่าแต่ละที่อยู่ไกลกันมาก ต้องใช้เวลาเดินทางเป็ชั่วโมง
แต่พอถึงเวลาจริง เหตุใดเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็เก็บครบทุกที่แล้วล่ะ
พี่ซ่งพูดเกินจริงไปหรือไม่?
สีหน้าเซี่ยโม่แสดงออกถึงการครุ่นคิด สงสัยคงเพราะพี่ซ่งกลัวเธอจะเดินทางลำบากกระมัง
เธอกับซ่งมู่ไป๋ไม่ได้เป็อะไรกัน ชายหนุ่มแค่เคยช่วยเหลือเป็บางครั้งบางคราว เช่นนั้นทำไมถึงต้องเป็ห่วงเธอขนาดนี้ด้วย
เซี่ยโม่ขมวดคิ้วพยายามหาคำตอบ แต่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เช่นนั้นก็อย่าไปคิดมันเลย
นี่แหละนิสัยของเธอ ไม่ค่อยเก็บเื่อะไรมาคิดมาก
ชาติที่แล้วแม้จะถูกแม่เลี้ยงวางแผนเล่นงานสารพัด แต่นั่นเพราะเธอเป็ฝ่ายยอมที่จะเสียเปรียบเอง
แต่ชาตินี้เมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะเกาะขาทองคำคู่นี้ ดังนั้นก็ต้องทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีเข้าไว้
“พี่ซ่ง ฉันมีของจะให้พี่ด้วยค่ะ”
ซ่งมู่ไป๋ที่กำลังขับรถเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ของอะไรเหรอ”
“รอให้รถจอดก่อนฉันค่อยให้ดู แล้วฉันก็ซื้อผ้าจะใช้ตัดชุดให้พี่ด้วย อีกเดี๋ยวพอถึงบ้านฉันขอวัดตัวหน่อยนะคะ”
ชายหนุ่มดีใจเหมือนถูกฉีดเืไก่[1] แต่พยายามที่จะไม่แสดงออกมา ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม “ทำไมถึงคิดจะตัดชุดให้ฉันล่ะ ฉันมีอยู่แล้ว”
“พี่ซ่ง ั้แ่ฉันรู้จักพี่ ถ้าพี่ไม่สวมชุดทำงานก็สวมชุดทหารเก่าๆ ซีดๆ ที่ใส่อยู่แค่นี้เพราะไม่มีชุดให้ใส่ใช่ไหมคะ ในเมื่อเป็คนในครอบครัวเดียวกันแล้ว ฉันซื้อผ้ามาตัดชุดให้พี่แล้วจะเป็อะไรไปคะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังจริงใจ
ซ่งมู่ไป๋ไม่ได้เอ่ยคำใด หากในใจทั้งอบอุ่นและหวานล้ำ
เขาไม่มีเสื้อผ้าจะให้ใส่จริงๆ นั่นแหละ มีแค่ชุดทหารเก่าๆ หนึ่งชุดกับชุดทำงานอีกสองตัว ซึ่งความจริงมีให้ใส่ก็นับว่าดีมากแล้ว ไม่เคยคิดถึงเื่ว่ามันเหมาะหรือไม่เหมาะ
แต่อีกไม่นานเขาก็จะมีเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่ ทั้งยังเป็ชุดที่เด็กสาวตัดให้ เขารู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก
รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าร้านหนังสือ เขาชะลอความเร็วเพื่อหาที่จอด
ต่อมาเขาได้ยินเด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดว่า “พี่ซ่ง ถึงฉันจะวัดตัวเป็ แต่ฉันตัดเสื้อผ้าไม่เป็ ชุดของพี่ฉันจะให้คนรู้จักในหมู่บ้านตัดให้นะคะ”
หัวใจที่เคยพองโตของเขาฟีบลงในทันใด ที่แท้เด็กสาวไม่ได้จะลงมือตัดชุดให้เขาเองหรอกหรือนี่
แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะอายุไม่เท่าไร ตัดชุดไม่เป็ย่อมเป็เื่ปกติ
แต่จะว่าไป การที่เด็กสาวมีความคิดอยากจะตัดชุดให้ ทั้งยังจะวัดตัวเขาเองกับมือ เพียงแค่นี้ก็น่าพอใจแล้ว
พอเห็นว่ารถจอดสนิท เซี่ยโม่ยื่นเข็มขัดส่งให้คนที่นั่งหลังพวงมาลัย “พี่ซ่ง ลองดูสิคะว่าชอบไหม”
เขามองเข็มขัดหนังวัวที่เด็กสาวให้มา คุณภาพไม่เลวเลย
“ไม่เลว ฉันชอบมาก”
เซี่ยโม่ยิ้มด้วยความดีใจพลางโอ้อวด “นี่เป็ของขวัญที่มีเพียงแค่ชิ้นเดียวเลยนะคะ”
เธอไม่ได้พูดผิด ยุคนี้ไม่มีทางมีเข็มขัดที่คุณภาพดีเช่นนี้แน่นอน
ซ่งมู่ไป๋นึกถึงที่โกนหนวดไฟฟ้าที่เด็กสาวให้มาเมื่อคราวก่อน ครั้งนี้เด็กสาวให้เข็มขัด เขาดีใจเป็ที่สุด
กระนั้นเขาก็ไม่กล้าบอกเด็กสาวว่า ที่โกนหนวดทั้งสองอันที่เธอให้มา เขาเก็บเอาไว้คนเดียว ไม่ได้เอาไปให้ใคร
เวลาใช้มันโกนหนวด ในสมองของเขาก็จะปรากฏภาพใบหน้าน่ารักของเด็กสาว
เขาไม่มีทางยอมให้ของที่เด็กสาวให้มาไปอยู่ในมือชายอื่นเด็ดขาด
“โม่โม่ เธอดีกับฉันจริงๆ” เขากล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง พอได้ยินว่าเข็มขัดเส้นนี้มีแค่เส้นเดียว เขาก็ยิ่งรู้สึกดีใจ
แต่พอมองเสื้อผ้าที่เด็กสาวสวมใส่อยู่ บนนั้นมีรอยปะอยู่หนึ่งแห่ง เขาเอ่ยอย่างเ็ปใจ “ทำไมเธอถึงไม่ตัดให้ตัวเองบ้างล่ะ”
“สั่งตัดไว้เหมือนกันค่ะ อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม ฉันจะเอาไว้ใส่ไปเรียน ฉันใช้ผ้าที่ซื้อกับพี่เมื่อคราวที่แล้วไปตัด วันนี้ฉันก็ซื้อผ้าจะเอาไปตัดชุดเพิ่มให้ตัวเองอีกหนึ่งผืน” เด็กสาวยิ้มกว้างขณะอธิบาย
เขาฟังแล้วก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดอยู่ในใจ หากมีโอกาสเขาจะซื้อผ้าสองผืนให้เด็กสาว เธอจะได้เอาไปตัดชุดเพิ่มอีกสองตัว
ความที่ไม่ชอบเดิน เขาเลยรออยู่บนรถ ให้เด็กสาวลงไปซื้อหนังสือคนเดียว
“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่ามีชุดหนังสือเรียนวิชาคณิตฯ ฟิสิกส์ และเคมีไหมคะ” เซี่ยโม่เอ่ยถามกับพนักงานเมื่อเข้ามาในร้านหนังสือ
พนักงานสาวซึ่งมีดวงตากลมโตโปนออกมาเล็กน้อยราวกับปลาทองเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “หนังสือเรียนอยู่บนชั้นตรงนั้น อยากได้วิชาไหนก็ไปหาเอาเอง”
เธอทำหน้างุนงง มีที่ไหนให้ลูกค้าไปหาหนังสือเอง แต่พอคิดถึงว่าพนักงานในยุคนี้ล้วนเป็แบบนี้กันหมด เธอจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับอีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปหาหนังสือที่ชั้นเอง
ด้านหน้าชั้นมีหนังสือวางกองเต็มไปหมด เหมือนร้านของเก่าไม่ผิด
เดิมทีนึกว่าจะซื้อเสร็จได้ในเวลาไม่นาน แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วคงต้องอยู่ในนี้สักครู่ใหญ่
ไล่สายตาหาอยู่สักพักก็เจอครบทั้งชุด
ถึงแม้เธอจะซื้อมาจากร้านของเก่าแล้วสามเล่ม แต่มันมีไม่ครบชุด เช่นนั้นเอาไปทั้งชุดเลยดีกว่า
เซี่ยโม่ดูราคาที่ด้านหลังหนังสือ เล่มละไม่กี่เหมา สิบเจ็ดเล่มก็เป็ราคาแค่ไม่กี่หยวน ถูกดีเหลือเกิน
เธอยกหนังสือทั้งหมดไปหาพนักงาน “ฉันเจอแล้วค่ะ ฉันเอาหมดทั้งชุด”
พนักงานสาวใช้ดวงตากลมโปนราวกับปลาทองมองเซี่ยโม่อย่างพิจารณา เด็กสาวตรงหน้าอายุดูไม่มาก ตัวผอมแทบไม่มีเนื้อมีหนัง เสื้อที่ใส่ก็มีรอยปะ ดูจากสภาพแล้วฐานะทางบ้านไม่น่าจะดี
เธอเอ่ยถามอย่างหวาดระแวง “สาวน้อย เธอจะซื้อไปทำไมเยอะแยะ ไม่ใช่ว่าซื้อไปแล้วพ่อแม่ไม่เห็นด้วย ร้องห่มร้องไห้กลับมาเพื่อขอเงินคืนนะ”
ร้านหนังสือแห่งนี้เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยๆ เดิมทีทางร้านไม่มีนโยบายการคืนเงิน แต่มารดาของเด็กคนนั้นโวยวายในร้านอยู่หลายชั่วโมง จนลูกค้าใพากันหนีกลับไปหมด ผู้จัดการของร้านกับพนักงานไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายจำต้องยอมคืนเงินเพื่อจบปัญหา
นับั้แ่นั้นผู้จัดการก็สั่งกับพนักงานอย่างเด็ดขาดว่า “หากมีเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาซื้อหนังสือให้พูดเตือนออกไปก่อนเลยว่า หากซื้อไปแล้วจะไม่มีการคืนเงิน จะได้ไม่มีเื่แบบนี้เกิดขึ้นอีก”
ดังนั้นพอเธอเห็นเด็กสาวตรงหน้าดูไม่น่าใช่คนมีเงิน ทั้งอายุยังน้อย แต่กลับจะซื้อหนังสือหลายเล่ม จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกระแวง
พอเซี่ยโม่ได้ยินพนักงานเอ่ยถึงบิดามารดา เธอรู้สึกเ็ปในใจ ทั้งสองชาติเธอไม่มีวาสนาเื่บิดามารดาเลย
“วางใจเถอะค่ะ ผู้ปกครองของฉันสนับสนุนให้ฉันซื้อหนังสือ ไม่คัดค้านแน่นอน” เซี่ยโม่เริ่มเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ
พนักงานเอ่ยด้วยสีหน้าหยามเหยียด “จะแน่ใจได้ยังไง”
เวลานี้เองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดทหารเก่าๆ เปิดประตูเดินเข้ามาในร้าน
ชายหนุ่มมีใบหน้าดุดันแข็งกร้าว ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายไม่น่าเข้าใกล้
ซ่งมู่ไป๋นั่งรอบนรถอยู่นานมาก แต่เด็กสาวก็ไม่ออกมาจากร้านสักที เขาเลยตัดสินใจเดินเข้ามาดู
ทันทีที่เข้ามาในร้าน ได้ยินพนักงานกำลังพูดจาดูแคลนเด็กสาวอยู่ เขาเลยรีบเดินเข้าไปช่วย
“ถ้าพี่ชายอย่างผมเป็คนยืนยัน ทีนี้จะเชื่อได้หรือยัง” เสียงเขาฟังขุ่นเคือง
พนักงานสาวจ้องมองชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาในร้านตาไม่กะพริบ ก่อนจะยิ้มแหยแก้เก้อ “ได้ค่ะได้ สมัยนี้มีไม่กี่คนที่ตั้งใจเรียน คิดไม่ถึงเลยว่าพวกคุณสองพี่น้องจะชอบเรียนหนังสือขนาดนี้”
“การขยันเรียนสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้” พูดจบเซี่ยโม่ก็ทำท่าจะควักเอาเงินออกมาจ่าย
ทว่าซ่งมู่ไป๋กลับล้วงหยิบเงินออกมาวางบนเคาน์เตอร์เสียก่อน
แววตาของพนักงานสาวลุกวาว ผู้ชายคนนี้ทั้งหล่อทั้งมีเงิน
“คือว่า ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงเขินอาย
“ทำไม แค่จะซื้อหนังสือต้องบอกชื่อด้วย?”
ซ่งมู่ไป๋มองพนักงานสาวอย่างรำคาญ น้ำเสียงขณะเอ่ยถามติดจะหงุดหงิด
พนักงานสาวชะงักไป เหตุใดท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าถึงเปลี่ยนไปเหมือนพวกอันธพาลไปได้ล่ะ ท่าทางเหมือนพวกยุวชนแดงที่ชอบมาหาเื่ร้านไม่มีผิด
คนแบบนี้เธอไม่ควรเข้าไปยุ่ง!
เธอจึงรีบตอบออกไปว่า “ขอโทษค่ะ”
ซ่งมู่ไป๋มองพนักงานสาวเรียบนิ่งพร้อมกับเค้นเสียงฮึขึ้นจมูกอย่างดูถูก
------------------------------------
[1] เหมือนถูกฉีดเืไก่ หมายถึงอาการคึก ตื่นเต้นและลิงโลด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้