ในที่สุดห้องโถงรับรองก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบ ในห้องแห่งนี้เหลือเพียงกูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินสองคนเท่านั้น
จวินจิ่วเฉินจึงเอ่ยออกมา “นำยาสมุนไพรออกมากลางอากาศได้ ความสามารถของเ้าไม่น้อยจริงๆ ”
หากว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ได้อยู่ในเหตุสุดวิสัยนางก็คงไม่ต้องเปิดเผยอะไรมากเพียงนี้ บัดนี้นางทำได้เพียงแสดงความยินดีที่ตนเองไม่ได้เปิดเผยหวางเป่าติงน้อยออกมา นางแสร้งพูดตบตาว่า “ความสามารถอันน้อยนิดที่มีไว้เพื่อแสร้งตบตาและขู่ขวัญไป๋หลี่ิชวนเท่านั้นเพคะ”
จวินจิ่วเฉินจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “แสร้งตบตาอย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนยังคงแสร้งพูดต่อไป “ที่จริง ที่จริงมันคือการแสดงกลที่ไม่ต่างอะไรจากการแสดงกายกรรมของคนพเนจร”
จวินจิ่วเฉินรู้อยู่แก่ใจ เขาเพียงแค่้าพูดถึง ไม่ได้้าจะบีบถามนางจริงๆ เขาเพียงแค่หวังว่าไป๋หลี่ิชวนจะไม่แพร่กระจายเื่นี้ออกไป มิฉะนั้นแล้วต่อให้ไม่ได้เปิดเผยหวางเป่าติง กูเฟยเยี่ยนก็จะประสบปัญหายุ่งยากไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนมีความเหนื่อยล้า เขาจึงแสดงสัญญาณให้นางนั่งลงโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ผ่านไปไม่นานในที่สุดกู้อวิ๋นหย่วนก็กลับมา เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วสวมใส่หมวกหนึ่งใบ ซึ่งหมวกใบนี้คือหมวกหรูกวนขงจื๊อ แม้ว่าเสื้อผ้าชุดนี้จะยังคงความขาวบริสุทธิ์กว่าหิมะ ทว่าไม่ได้สง่างามดั่งเทพเซียนแล้ว ตรงกันข้ามกลับเป็การแต่งกายของนักปราชญ์ที่มีคุณธรรมจริยธรรมอันดีงามแทน นอกเหนือจากนี้แล้วเขายังสะพายหีบไม้ไผ่ที่เหมือนกับหีบหนังสือเอาไว้บนแผ่นหลังอีกด้วย
หมวกสีดำ อาภรณ์สีขาว หีบหนังสือ นี่มันคล้ายกับมาตรฐานของนักปราชญ์เลยนี่นา!
เขาอย่างมากก็อายุยี่สิบห้าปี เมื่อบวกกับการแต่งกายเช่นนี้ทำให้เขาดูเด็กกว่าเดิมเสียอีก เดิมทีลักษณะท่าทางและอุปนิสัยของเขาก็สุภาพอ่อนโยนอยู่แล้ว ทว่าในตอนนี้อ่อนโยนถ่อมตนและสุภาพเรียบร้อยมากกว่าเดิมเสียอีก
ผู้ที่ไม่ทราบความจริง เมื่อเห็นเขาแล้วคงจะไม่สามารถเชื่อมโยงเขากับ “แพทย์รักษาที่ซ่อนเร้น” เข้ากันได้อย่างแน่นอน แต่จะมองเขาเป็บัณฑิตคนหนึ่ง
ลักษณะของกู้อวิ๋นหย่วนเช่นนี้นอกจากร่างกายแล้วก็ไม่มีสิ่งใดที่ละม้ายคล้ายคลึงกับท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเลยสินะ?
กูเฟยเยี่ยนมองด้วยความเสียใจ ทั้งๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าใช่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวหรือไม่ ทว่าก็รู้สึกราวกับว่าท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเปลี่ยนไป
จวินจิ่วเฉินไม่แน่ใจว่ากู้อวิ๋นหย่วนเสแสร้งแกล้งทำหรือว่ามีจิตใจอันดีงามและอ่อนโยนมาแต่กำเนิด แต่ที่แน่ๆ คือกู้อวิ๋นหย่วนได้รับคำสั่งสอนจากบรรพบุรุษและจำเป็ต้องแยกออกจากโลยภายนอกเพื่อซ่อนเร้นจึงไม่สามารถรักษาผู้คนได้
เขาไม่ได้ให้ความสนใจเื่นั้นมากนัก ่เวลานี้เขาเพียงแค่สนใจว่ากู้อวิ๋นหย่วนจะรักษาขาของเฉิงอี้เฟยได้หรือไม่เท่านั้นเอง
จวินจิ่วเฉินเอ่ยออกมาว่า “แพทย์กู้ เชิญ”
เมื่อเห็นว่าดาบยาวของจวินจิ่วเฉินถูกเก็บอยู่ในฝักแล้ว กู้อวิ๋นหย่วนจึงหวาดกลัวน้อยลงแล้วรีบร้อนผายมือออกไป “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เชิญ”
สำหรับกูเฟยเยี่ยนนั้นกู้อวิ๋นหย่วนยังคงความหวาดกลัว เขาเหลือบมองกูเฟยเยี่ยนด้วยความลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรกับนางมากนัก
พวกเขากำลังจะออกเดินทาง ทว่ากูเฟยเยี่ยนกลับเอ่ยออกมา “แพทย์กู้ ลูกอมชะเอมที่ท่านทำนั้นอร่อยพอตัว ข้าสามารถนำไปได้หรือไม่? ”
กู้อวิ๋นหย่วนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “แน่นอน แน่นอน”
กูเฟยเยี่ยนไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อยเพราะนางยกไปทั้งกล่องเลย
เมื่อทั้งสามคนมาถึงท่าเรือเล็กๆ เถ้าแก่ก็หายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาส่งไป๋หลี่ิชวนออกไป กู้อวิ๋นหย่วนจัดเตรียมคนพายเรือเอาไว้แล้วจึงสามารถส่งพวกเขาสามคนออกไปได้
กูเฟยเยี่ยนนั่งอยู่ที่ท้ายเรือกับจวินจิ่วเฉิน กู้อวิ๋นหย่วนนั่งอยู่ที่หัวเรือกับคนพายเรือ
เมื่อจวินจิ่วเฉินอยู่ด้วยกูเฟยเยี่ยนจึงหาโอกาสพูดคุยกับกู้อวิ๋นหย่วนตามลำพังไม่ได้ ทว่าสายตาของนางยังคงจับจ้องไปที่กู้อวิ๋นหย่วนประหนึ่งว่า้ามองทะลุเขาไปภายในจิตใจ ทางด้านของกู้อวิ๋นหย่วนนั้นสังเกตเห็นมาั้แ่แรกแล้ว นอกจากเขาจะทำอะไรไม่ถูกแล้วยังมีความขี้ขลาดตาขาวอยู่เล็กน้อยด้วย เขาจึงก้มหน้าก้มตาหลีกเลี่ยงนางมาโดยตลอด สุดท้ายจึงหันหลังไป
เมื่อมาถึงเมืองเล็กๆ พวกเขาไม่ได้ไปหาเถ้าแก่อีก แต่ตรงไปยังทางออกของเมืองโบราณ
อันที่จริงแล้วไป๋หลี่ิชวนยังอยู่ที่โรงเตี้ยม ในขณะนี้เขาพิงขอบหน้าต่างมองสามคนนั้นอยู่้า ข้างกายของเขามีหญิงรับใช้ที่ติดสอยห้อยตามเขามา เมื่อนางเห็นเช่นนี้จึงรีบมอบหน้าไม้ธนูให้เขาพลางกระซิบแ่เบา “นายท่าน โอกาสมาถึงแล้ว”
ทว่าไป๋หลี่ิชวนไม่ได้เคลื่อนไหว แทนที่จะบอกว่าเขากำลังจ้องมองกูเฟยเยี่ยนกับคนอื่นๆ มันจะดีกว่าหากกล่าวว่าเขากำลังจ้องมองกูเฟยเยี่ยนเพียงคนเดียว
เขาไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าความสามารถในการนำสมุนไพรออกมากลางอากาศของกูเฟยเยี่ยนเป็เพียงแค่การแสดงกล ในคราวหน้าเขาจะต้องจับนางให้ได้ เขาไม่เพียงแค่้าคิดบัญชีของพิษหยินหยางกับนาง แต่ยัง้าซักถามนางว่าการนำสมุนไพรออกมากลางอากาศนั้นคืออะไรกันแน่!
เขาลอบคิดว่ากู้อวิ๋นหย่วนเป็ถึงแพทย์รักษาที่ซ่อนเร้นคงจะไม่เปิดเผยความสามารถของกูเฟยเยี่ยนออกไป จวินจิ่วเฉินยิ่งไม่มีทางเพราะถ้าหากมีคนรับรู้ความสามารถเช่นนี้ ์ทราบดีว่ากูเฟยเยี่ยนจะถูกผู้คนนึกถึงมากเพียงใด!
ตอนนี้เขาค่อนข้างที่จะเสียใจในภายหลังแล้ว ในตอนแรกเขาไม่ควรใช้นังหนูคนนี้ไปยุแหย่ตระกูลฉีกับตระกูลเฉิง เขาควรเก็บนางมาใช้งาน น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่านางน่าสนใจเพียงนี้
ไป๋หลี่ิชวนมองจนใจลอย ทว่าหญิงรับใช้ที่ติดตามมาด้วยกลับเอ่ยออกมาด้วยความกระวนกระวายใจดั่งไฟแผดเผา “นายท่าน หากไม่ลงมือก็จะไม่ทันการณ์แล้วนะเ้าค่ะ”
ไป๋หลี่ิชวนไม่ตอบ แต่รับหน้าไม้ธนูมาโยนทิ้งลงแม่น้ำ
หญิงรับใช้ตกตะลึงมาก “นายท่าน ท่าน…นายท่าน หากพลาดโอกาสนี้แล้วฝ่าาจะต้องมอบตัวท่านออกไปอย่างแน่นอน! ”
อันที่จริงแล้วไป๋หลี่ิชวนไม่ได้เอ้อระเหยขนาดที่จะต้องไปสิ้นเปลืองความคิดวางแผนการร้ายต่อตระกูลฉีกับตระกูลเฉิง เขาได้รับมอบหมายมาจากฟู่หวง
ทายาทคนโตของราชวงศ์ไป๋หลี่เสียชีวิตั้แ่เยาว์วัย องค์ชายสองจึงได้รับพระราชโองการแต่งตั้งให้เป็รัชทายาท เขาที่เป็องค์ชายสามแม้ว่าจะเป็ทายาทสายตรงแต่ในความเป็จริงแล้วก็ยังสู้บุตรกับธิดาของนางสนมไม่ได้เลย
ในสายตาของคนภายนอก เขาเป็ที่โปรดปราน เย่อหยิ่ง ฟุ่มเฟือย อนาจารและผลาญเงินเหมือนผลาญดิน ทว่าในความเป็จริงนั้นคนภายนอกไม่รับรู้เลยว่าสิ่งที่เขาได้มาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็หนึ่งเหรียญทองล้วนไม่ใช่สิ่งที่ได้มาแต่กำเนิด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องมีสิ่งของไปแลกเปลี่ยนและต้องจ่ายค่าตอบแทนเสมอ
ในครั้งนี้เขาไม่เพียงแค่พ่ายแพ้แก่เมืองจิ้นหยาง แต่ยังล่วงเกินหุบเขาเสินหนงอีกด้วย ดังนั้นฟู่หวงจะปกป้องเขาหรือ?
หากเปลี่ยนเป็คนอื่นในราชวงศ์บางทีฟู่หวงอาจลังเล ทว่าสำหรับเขาแล้วฟู่หวงไม่มีทางเหลือทางหนีทีไล่ให้เขาแน่นอน ฟู่หวงจะผลักเขาออกไปรับผิดชอบทั้งหมด ถ้าไม่ส่งเขาไปให้ราชวงศ์จวินเพื่อเป็ตัวประกันในการยุติา ก็ต้องส่งเขาไปให้หุบเขาเสินหนงจัดการ ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว
เขารับรู้มาั้แ่เด็กว่าฟู่หวงไม่รักเขา ฟู่หวง…เกลียดเขา!
การที่เขามาขอร้องแพทย์รักษาก็เป็เพราะ้าให้บุตรสาวบุญธรรมที่ฟู่หวงโปรดปรานที่สุดไปขอความเมตตาจากฟู่หวงก็เท่านั้น
ทว่าบัดนี้เส้นทางสายนี้ก็ถูกปิดผนึกแล้ว
เขาไม่มีทางกลับไปที่ตัวเมืองว่านจิ้น
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้และเห็นเงาบนแม่น้ำที่ค่อยๆ ไกลออกไป ไป๋หลี่ิชวนจึงหัวเราะออกมา รสชาติของเสียงหัวเราะนี้เกรงว่าคงจะมีแค่เขาที่เข้าใจ
“นายท่าน ท่านเป็อะไรไป? ”
หญิงรับใช้เกิดความคาดไม่ถึง ในความทรงจำของนางนั้น นายท่านคือคนที่ไม่เคยยอมแพ้อย่างง่ายดายมาก่อน ไม่ว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากเพียงใด ไม่ว่าจะต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบไหน สิ่งที่นายท่าน้าเขาก็จะแย่งจนถึงที่สุด
ทว่ายามนี้นายท่านกลับเฝ้ามองโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้หลุดลอยออกไป เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?
ไป๋หลี่ิชวนไม่ได้สนใจหญิงรับใช้ จวบจนกระทั่งแผ่นหลังของกูเฟยเยี่ยนกับคนอื่นๆ ค่อยๆ หายเข้าไปในม่านหมอกบนแม่น้ำ เขาก็ลุกขึ้นมา ดวงตายาวเรียวงดงามของเขาปกปิดอารมณ์เมื่อสักครู่นี้แล้วแทนที่ด้วยความโอหังเอาแต่ใจ ราวกับไม่แยแสต่อสิ่งใดทั้งนั้น
เขาบิดี้เีอย่างเกียจคร้านพลางครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่จะเอ่ยออกมา “ช่างเถอะ ช่างเถอะ เปิ่นหวางจื่อไม่ได้อยากจะกลับไป เปิ่นหวางจื่อจะไปหยอกล้อท่านอาจารย์พอดี เหอะๆ ผู้าุโคงจะคิดถึงเปิ่นหวางจื่อแล้ว”
ใช่แล้ว ไป๋หลี่ิชวนมีอาจารย์ อาจารย์ของเขาคือชายชราแปลกประหลาดท่านหนึ่งที่มีนามสกุลกู่
เมื่อพูดถึงท่านอาจารย์ ไป๋หลี่ิชวนจึงยิ้มแย้มด้วยความบริสุทธิ์ใจราวกับเด็กน้อยที่มีความผาสุก…