ซุนเฟยชะงัก ไม่ช้าเขาก็เข้าใจความหมายที่บรู๊คจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์แบบนี้เหมือนกับประวัติศาสตร์โลกเก่าของเขา ในสมัยวสันตสารท1 ราชวงศ์โจวได้แต่งตั้งจูโหว2ให้ไปปกครองตามหัวเมืองต่างๆ แม้ว่าเทียนจื่อ3จะมอบอำนาจมากมายให้แก่จูโหว แต่ขนาดที่ดิน จำนวนทหาร และระบบการจัดการในงานพิธีต่างๆ ทั้งหมดที่จูโหวทุกเมืองได้รับ จะต้องได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดจากโจวเทียนจื่อ4 จูโหวจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งจากโจวเทียนจื่ออย่างเคร่งครัด และคอยมอบของบรรณาการให้ บนแผ่นดินอาเซรอท ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรบริวารและราชอาณาจักรดูเหมือนจะตัดกันไม่ขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยของระบอบราชอาณาจักร จักรพรรดิแห่งเซนิทจึงต้องจำกัดขนาดพื้นที่ และกองกำลังของอาณาจักรบริวารอย่างเข้มงวด
ซุนเฟยพยักหน้าแสดงท่าทางว่าเข้าใจแล้วถามว่า “เ้าพูดต่อสิ รูปแบบซ้อมรบระหว่างอาณาจักรบริวารมันเป็อย่างไร?”
“ฝ่าา ตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชอาณาจักรเซนิท รูปแบบการซ้อมรบระหว่างอาณาจักรบริวารแบ่งเป็สองรูปแบบ รูปแบบแรกจะเป็การประลองระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละอาณาจักร ทุกอาณาจักรที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องส่งนักรบหรือนักเวทที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดหกคนเข้าร่วมการประลองเพื่อหาผู้ชนะ และรูปแบบที่สองก็คือการซ้อมรบ โดยจะกำหนดจำนวนกองกำลังทหารไว้ ซึ่งทุกอาณาจักรจะคัดเลือกทหารชั้นยอดหนึ่งร้อยนายเพื่อสร้างกองทัพในการแข่งขันการต่อสู้ระหว่างกองทัพสี่รอบ ทั้งสองรูปแบบรวมกันแล้วแข่งขันกันสิบรอบ อาณาจักรที่คว้าชัยชนะหลายครั้งในการแข่งขัน จะสามารถรักษาตำแหน่งระดับอาณาจักรบริวารไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะท้าทายอาณาจักรที่มีระดับสูงกว่า และหากเอาชนะอาณาจักรที่มีระดับสูงกว่าได้ก็จะได้เลื่อนระดับไปแทนที่อาณาจักรนั้น” บรู๊คกลัวว่าองค์าาอเล็กซานเดอร์จะฟังไม่เข้าใจจึงอธิบายอย่างละเอียดยิบ
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง ถ้างั้นการซ้อมรบระหว่างอาณาจักรของเมืองแซมบอร์ดก่อนหน้านี้เป็อย่างไร?”
บรู๊คได้ยินดังนั้นสีหน้าก็พลันคล้ำไป คนอื่นๆ ในห้องโถงว่าราชการก็พลันก้มหน้าลง บรรยากาศกลายเป็เงียบสงัดขึ้นมา วินาทีต่อมา บรู๊คจึงตอบกลับไปว่า “ฝ่าา ความจริงแล้วเมืองแซมบอร์ดเป็อาณาจักรบริวารระดับสี่ ทั้งยังพื้นที่ในอาณาจักรบริวารทั้งสองร้อยห้าสิบอาณาจักรของราชอาณาจักรเซนิทไว้มาก แต่การซ้อมรบระหว่างอาณาจักรเมื่อสามปีก่อนถูกเมืองฮัลล์ซิตีและแบล็กสโตนเอาชนะติดต่อกัน ทำให้ร่วงลงมาที่ระดับหก ในการซ้อมรบระหว่างอาณาจักรบริวารอีกหกเดือนหลังจากนี้ หากพวกเราเอาชนะไม่ได้ เมืองแซมบอร์ดจะไม่มีสถานะเป็อาณาจักรอีกต่อไปและเมืองจะถูกราชอาณาจักรเซนิทยกให้เป็ของรางวัลให้แก่อาณาจักรอื่นที่ได้ชัยชนะขอรับ”
“แค่การแข่งขันเพียงครั้งเดียวถึงกลับร่วงมาสองระดับเลยหรือ?” ซุนเฟยถามอย่างแปลกใจ “ในเมื่อเป็ถึงอาณาจักรระดับสี่ ความแข็งแกร่งก็ไม่น่าจะอ่อนแอ แล้วทำไมถึงพ่ายแพ้ล่ะ?”
เมื่อซุนเฟยพูดประโยคนี้บรรยากาศในห้องโถงก็กลายเป็หดหู่
บรู๊คกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ฝ่าา...ครั้งที่แล้ว...ในการซ้อมรบระหว่างอาณาจักรบริวารเมื่อสองปีก่อน โชคร้ายที่องค์าาองค์ก่อนได้ต ท่าน...เป็ผู้บัญชาการกองทัพด้วยตัวเอง...เอ่อ ตอนนั้นท่านยังสติไม่แจ่มชัดนัก...ไม่เหมือนท่านในตอนนี้...ดังนั้น...อ่า...นอกจากท่านแลมพาร์ดที่ได้รับชัยชนะหนึ่งครั้ง นอกนั้นพวกเราก็พ่ายแพ้รวดเลยขอรับ ดังนั้น...ดังนั้นพวกเราจึงร่วงลงมาเป็อาณาจักรบริวารระดับหกขอรับ”
ซุนเฟยพลันนิ่งค้าง
นิ่งค้างไปครู่หนึ่งเลย
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนในห้องโถงว่าราชการถึงได้ทำสายตาแปลกๆ ที่แท้ก็แพ้ก็เพราะตัวเขาเองล้วนๆ การซ้อมรบระหว่างอาณาจักรครั้งที่แล้วทำให้เมืองแซมบอร์ดตกต่ำลง นั่นก็เป็เพราะตัวตนของเขาเมื่อก่อนมันน่าผิดหวัง แต่มันก็ไม่แปลกเท่าไร ให้เด็กปัญญาอ่อนที่มีสมองเท่าเด็กสามสี่ขวบนำทหารออกรบแล้วจะไม่ให้แพ้ได้อย่างไร?
“แค่กๆ ที่แท้เป็แบบนี้เอง...อืม หากเ้ากล่าวไม่ผิด เมืองฮัลล์ซิตีและเมืองแบล็กสโตนจะต้องเป็พวกน่ารังเกียจ ครั้งนี้พวกเราจะต้องไม่อับอายเหมือนครั้งก่อนแน่...บรู๊ค เื่นี้คงมอบให้เ้าดูแล รีบเริ่มเตรียมตัวเถอะ...แฮ่มๆๆ วันนี้แยกย้าย แยกย้าย!”
ซุนเฟยไม่อาจทนอับอายได้อีก เขารีบจบการประชุม
ทุกคนในห้องโถงมองเห็นอาการเขินอายของาา พวกขุนนางโค้งกายทำความเคารพแล้วรีบออกไปจากห้องโถงทันที ดร็อกบาและเพียร์ซแอบหัวเราะกับท่าทางแปลกๆ ของาา สายตาพวกเขามองไปที่ซุนเฟย ขณะที่โค้งกายแล้วเดินออกไป ซุนเฟยอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วกลางไล่หลังพวกนั้นไป
เมื่อทุกคนออกไป เหลือเพียงบรู๊คที่ยังอยู่
“ผู้บัญชาการทหารของข้า เ้ายังมีเื่อะไรอีกหรือ?” ซุนเฟยถามอย่างสงสัย
ทันใดนั้นบรู๊คก็คุกเข่าลง ดวงตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอนพลางพูดว่า “ฝ่าา ข้ามีเื่จะขอร้อง ข้าหวังว่าท่านจะจัดระเบียบเรือนจำใหม่น่ะขอรับ โดยเฉพาะท่านแปเตอร์ แช็ค เขาเป็คนที่จงรักภักดีต่ออาณาจักรไม่เป็สองรองใคร เพียงเพราะว่าไม่ยอมร่วมมือคนสารเลวอย่างบาร์เซิล เขาจึงถูกใส่ร้ายว่าเป็ฏและถูกกดขี่ข่มเหง ท่านแม็คเป็ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกข่มเหงและยังมีผู้คนจำนวนมากที่ถูกส่งเข้าไปในเรือนจำโดยไร้ซึ่งความผิด ข้าขอร้องท่าน ฝ่าา โปรดช่วยล้างมนทินให้แก่พวกเขาด้วยนะขอรับ โปรดช่วยผู้คนที่บริสุทธิ์ด้วย”
“แปเตอร์ แช็ค?”
ชื่อนี้ฟังดูคุ้นเคยนัก ซุนเฟยขบคิดอยู่สักพักไม่ช้าก็จำได้ ก่อนหน้านี้ในตอนที่ตัวเองกำลังสนทนากับบรู๊คบนกำแพงเมืองก็เคยได้ยินชื่อนี้ เมื่อก่อนแปเตอร์ แช็คเป็ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ มีตำแหน่งที่สูงกว่าบรู๊คหนึ่งขั้น แต่เพราะทำให้บาร์เซิลไม่พอใจจึงถูกใส่ร้ายและคุมขังอยู่ในคุก ดังนั้นซุนเฟยจึงไม่เคยพบคนคนนี้มาก่อน
เห็นบรู๊คดูกังวลมาก ดูท่าว่าคนที่ชื่อแปเตอร์ แช็คน่าจะเป็นักรบที่ดีคนหนึ่งและยังทำให้ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์บรู๊คที่เป็นักรบหนึ่งดาวนับถือได้ พลังของแช็คก็ควรจะมากกว่าหนึ่งดาว ยอดฝีมือแบบนี้เป็บุคลากรที่เมืองแซมบอร์ด้าในปัจจุบัน
“เ้ารีบไปที่เรือนจำ ถ่ายทอดคำสั่งของข้า ให้พัศดีโอเลเกร์จัดระเบียบเรือนจำให้ดี หยุดการทรมานทุกอย่าง บ่ายนี้ข้าจะนำองครักษ์ไปเยือนที่เรือนจำด้วยตัวเอง เพื่อตรวจสอบคดีความทุกคนที่อยู่ในเรื่อนจำ”
บรู๊คชะงัก ก่อนจะรีบโค้งคำนับด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็รีบวิ่งออกจากห้องโถง
ซุนเฟยนั่งเงียบๆ อยู่บนบัลลังก์ เหม่อมองไปที่ห้องโถงที่กว้างขวาง พลางครุ่นคิดเื่ราวต่างๆ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาทำหน้าที่ในฐานะาา คอยออกคำสั่งบัญชาการ ความรู้สึกที่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกำมือแบบนี้ทำให้เขารู้สึกดีมาก นับจากนี้เป็ต้นไป เขาจะเป็ผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักรนี้ แม้ว่าเมืองแซมบอร์ดตอนนี้จะอ่อนแอราวกับเด็กแรกเกิดที่เพิ่งหัดเดิน แต่สำหรับซุนเฟยที่มีไม้ตายเป็โลก Diablo แล้ว กลับเป็จุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมที่สุด สักวันหนึ่งเขาจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ งัดข้อกับแผ่นดินอาเซรอททั้งหมด
“หวังว่าเ้าภูตตูดม้าอย่างพัศดีโอเลเกร์จะไม่โง่ หากเข้าใจความหมายที่ข้าสื่อได้ ภายในครึ่งวันนี้ก็ควรจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างในเรือนจำ แก้ไขความผิดพลาดที่เขาเคยทำไว้ก่อนหน้านี้เสีย”
ซุนเฟยเผยรอยยิ้มเลศนัย
เหตุผลที่เขาไม่ได้ไปเรือนจำกับบรู๊คในทันที นอกจากอยากจะเข้าไปเพิ่มความแข็งแกร่งใน ‘โลก Diablo’ แล้ว ก็ยังคิดจะให้เวลาพัศดีโอเลเกร์เตรียมตัว ก่อนหน้านี้โอเลเกร์เป็สุนัขรับใช้ให้กับบาร์เซิล และแม้ว่าจะทำผิดพลาดมากมายก็ตาม ทั้งยังเป็นกที่รักตัวกลัวตายขี้ขลาดตาขาว แต่ว่าเขาก็ยังเป็นักรบหนึ่งดาว อีกทั้งเมื่อวานก็มีความดีความชอบในการต่อสู้บนสะพานหินไม่น้อย ซุนเฟยจึงตัดสินใจให้โอกาสเขาอีกครั้ง เวลาเพียงครึ่งวันก็คงเพียงพอที่จะทำให้เขาจัดการแก้ไขความผิดพลาดก่อนหน้านี้ของตัวเอง แล้วซุนเฟยจะปล่อยชีวิตสุนัขของมันให้มีชีวิตต่อ
“เฟร์นันโด เ้าไปหาท่านอาเบสท์ ให้เขาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรือนจำให้ข้าก่อนบ่ายนี้ หากมีรายละเอียดของนักโทษทุกคนได้ยิ่งดี” ซุนเฟยหันไปพูดกับเฟร์นันโด ตอร์เรส องครักษ์ตัวเอง
“รับพระบัญชาขอรับฝ่าา! แต่ท่านเบสท์ไม่เคยควบคุมเรือนจำมาก่อน เกรงว่าคงไม่มีข้อมูลที่ละเอียดมากนัก...”
ซุนเฟยหัวเราะพลางพยักหน้า “เฟร์นันโด ไม่ต้องถามมาก เ้าไปแจ้งให้เขาทราบก็พอ”
มองแผ่นหลังเด็กหนุ่มผมทองเดินจากไป ซุนเฟยก็ลูบคางตัวเองเบาๆ
ทำไมเบสท์จะไม่รู้สภาพการณ์ในเรือนจำ? ซุนเฟนกล้าเอาน้องชายตัวเองเป็เดิมพัน เมืองแซมบอร์ดไม่ว่าจะบนลงล่างนอกใน ไม่มีเื่ไหนที่ตาเฒ่าจิ้งจอกจะไม่รู้ พ่อตาในอนาคตตัวเองไม่ธรรมดาขนาดนั้นหรอก บางทีอาจจะรอวันนี้มานานแล้ว เขากับยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างแฟรงก์ แลมพาร์ดคงเตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว!
……
……
โลก Diablo
ชายแดน ‘โคลด์เพลส’ ท่ามกลางท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม หยาดฝนเม็ดเล็กๆ ก็ค่อยๆ โปรยปรายลงสู่พื้นดิน
เสียงเปาะแปะดังขึ้น ‘เนโครแมนเซอร์ซุนเฟย’ ก็ตกมาจากฟากฟ้า ร่วงลงมาบนพื้นดินสีดำที่มาจากเืของเหล่ามอนสเตอร์ที่แห้งกรัง บนพื้นเต็มไปด้วยซากศพและเศษอวัยวะมอนเตอร์กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ฝูงแมลงวันที่ตอมศพก็พาแตกหือเมื่อจู่ๆ ซุนเฟยตกลงมา เป็เวลานานแล้วที่ไม่ได้เข้ามาโลก Diablo ดังนั้นมอนสเตอร์ดุร้ายที่ไล่ตามเขามาก่อนหน้านั้นจึงพากันแยกย้ายไป
ซุนเฟยหยิบไอเทมดีๆ ที่ตกบนพื้นขึ้นมาใส่กระเป๋า จากนั้นก็ใช้ ‘ม้วนคัมภีร์กลับเมือง’ เพื่อกลับไปที่ ‘ค่ายโร้ก’ จากนั้นก็ไปหา NPC ช่างตีเหล็กชาร์ซี เพื่อขายไอเทมที่ไม่ใช้ให้กับช่างตีเหล็กสาวที่ทำหน้าเศร้าคนนี้
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ซุนเฟยก็ไม่ได้ไปไล่ฆ่ามอนสเตอร์เพื่ออัพเลเวล
เขาออกจากตัวละคร ‘เนโครแมนเซอร์’ กลับมาที่หน้าจอโฮโลแกรมสามมิติแบบเต็มหน้าจอ ซุนเฟยเลือก ‘โหมดคนเถื่อน’ อีกครั้ง แล้วเข้าไปเล่นเกมเพื่ออัพเลเวล
ครั้งนี้ ‘คนเถื่อนซุนเฟย’ ได้ปรากฏตัวขึ้นมาใน ‘ค่ายโร้ก’
เนื่องจากครั้งก่อนตอนที่ไปช่วยตาเฒ่าเคนก็เริ่มมีแรงบันดาลใจที่จะรับเควสอันที่ 4 ‘หอคอยที่ถูกลืม’ แต่ซุนเฟยยังไม่ไปหา NPC ที่ให้เควสทันที เขากลับไปที่เต็นท์ของคาเชีย เพื่อมาหาทหารรับจ้างสาวเอเลน่า
“ท่านซุนเฟย ในที่สุดท่านก็มา!”
เมื่อเห็นซุนเฟยมา เอเลน่าก็พลันดีใจอย่างมาก ใบหน้างามเผยรอยยิ้มที่ไม่เคยมีมาก่อน ร่างบางวิ่งออกมาจากเต็นท์อย่างรวดเร็วแล้วไปยืนตรงหน้าซุนเฟย
ด้านหลังของเอเลน่าก็มีโร้กสาวสวยๆ อีกสามสี่คนเดินตามมา ในดวงตาของพวกเธอมีร่องรอยอิจฉาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักยามมองมาที่ซุนเฟย
------------------------
1 ภาษาจีนเรียกยุคชุนชิว
2 อาจจะเป็ญาติหรือขุนนางที่วางใจ
3 บุตรแห่ง์หรือฮ่องเต้
4 ฮ่องเต้ราชวงศ์โจว