ปัง!
สัตว์อสูรระดับสี่ถูกโจมตีด้วยพลังมหาศาลกระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับบ้านเรือนด้านข้างจนเกิดเป็รูขนาดใหญ่
ทันใดนั้นร่างดังกล่าวก็พุ่งตามสัตว์อสูรไปราวกับเสือดาว เสียงคำรามและเสียงกรีดร้องของสัตว์อสูรดังออกมาจากซากปรักหักพังของบ้านหลังนั้น แต่เนื่องจากฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายทำให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ไม่กี่ลมหายใจต่อมาเสียงของสัตว์อสูรก็ค่อยๆ เบาลง ผู้ฝึกตนสามคนและชาวบ้านหลายสิบคนต่างรู้สึกสับสนพร้อมกับตกตะลึง พวกเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ในมือขวาของชายหนุ่มผู้ทรงยุทธ์ขั้นหกยังคงถือดาบหักเอาไว้ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ทันทีที่สามารถข่มอารมณ์ไว้ได้ เมื่อครู่นี้เขาคิดว่าตัวเองต้องกลายเป็อาหารของสัตว์อสูรอย่างแน่นอน
“แค่กๆ”
ไม่กี่ลมหายใจต่อมามีเสียงไอดังมาจากกลุ่มฝุ่นควัน ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างหนึ่งเดินออกมา
ถังเหล่ยที่กำลังสำลักพยายามปัดเศษฝุ่นที่ปกคลุมไปทั่วร่างและเสื้อผ้า จากนั้นก็กวาดสายตาไปทางกลุ่มของผู้ฝึกตนและชาวบ้าน ก่อนกล่าวทันทีว่า
“ไม่ต้องกลัว สัตว์อสูรตายแล้ว!”
ทันใดนั้นผู้ฝึกตนสามคนก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นถังเหล่ย เพราะร่างที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขาคือเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีเท่านั้น แต่สัตว์อสูรที่เขาเพิ่งสังหารไปคือสัตว์อสูรระดับสี่
“ขอบคุณท่านผู้กล้ามาก!” ชาวบ้านหลายสิบคนที่อยู่ด้านหลังผู้ฝึกตนคุกเข่าลงและโขกศีรษะให้ถังเหล่ย
ถังเหล่ยโบกมือและกล่าวอย่างเ็า “ไม่ต้องขอบคุณข้า ขอบคุณพวกเขาทั้งสามคนนี้เถอะ หากไม่มีพวกเขา พวกเ้าคงกลายเป็อาหารของสัตว์อสูรไปแล้ว!”
ถังเหล่ยเพียงสังหารสัตว์อสูรเท่านั้น เขาไม่ได้มีความตั้งใจจะสู้จนตัวตายอยู่แล้ว แต่ผู้ที่ตั้งใจจะปกป้องพวกเขาจนยอมเสี่ยงชีวิตอย่างแท้จริงก็คือผู้ฝึกตนทั้งสามที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“ขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยเหลือ พวกเราขอทราบนามของคุณชายได้หรือไม่? หากในอนาคตพวกเราได้พบเจอกันอีก พวกเราจะได้ตอบแทนท่าน”
เมื่อผู้นำกลุ่มผู้ฝึกตนนามว่า ‘หานอัน’ ได้สติกลับมาก็ประสานมือกล่าวขอบคุณทันที อีกสองคนก็รีบประสานมือเคารพถังเหล่ยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามหากหานอันถูกสังหารไป แน่นอนว่าผู้ฝึกตนอีกสองคนคงไม่สามารถต้านทานสัตว์อสูรระดับสี่ได้
“ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้า้าพาหนะ พวกเ้าพอจะมีให้ข้าหรือไม่?”
ทันทีที่ถังเหล่ยประเมินพลังและคำพูดของอีกฝ่ายก็สามารถคาดเดาได้ว่าเป็ศิษย์จากตระกูลใหญ่ เขาจึงไม่้าคำขอบคุณจากอีกฝ่าย
“มี น้องสามรีบจูงม้ามาเร็ว!” หานอันสั่งชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดให้ไปนำพาหนะมาทันที หลังจากนั้นไม่นานม้าอัสนีตัวหนึ่งก็ถูกจูงมา
เดิมทีทั้งสามคนมีม้าอัสนีคนละตัว พวกเขาก็เป็ผู้ฝึกตนที่เข้ามาหาสมบัติในูเาซวงเฟิงเช่นกัน ทว่าต่อมาพื้นที่นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงจึงทำให้ม้าอัสนีอีกสองตัวใจนวิ่งเตลิดหายไป ในเวลานี้พวกเขาทั้งสามใช้พาหนะตัวเดียวกัน
ทันทีที่ถังเหล่ยมเห็นม้าอัสนี ในดวงตาก็เผยความตกตะลึง ตระกูลใหญ่ในจักรวรรดิซือฉีบางส่วนมีสิทธิ์ใช้เพียงแค่สัตว์อสูรระดับหนึ่งเท่านั้น หมายความว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะได้ม้าอัสนีเฉกเช่นผู้ฝึกตนสามคนนี้
ก่อนหน้านี้ถังเหล่ยได้รับม้าอัสนีจากหงเทียนเิ อีกฝ่ายซื้อมาจากจักรวรรดิเทียนอวี่และมอบมันให้กับเขา!
ภายในจักรวรรดิเทียนอวี่ม้าอัสนีค่อนข้างหาซื้อได้ง่าย พาหนะของฉินเฮ่าก็คือม้าอัสนี หรือว่าหานอันผู้นี้คือคนจากจักรวรรดิเทียนอวี่?
“เ้าไม่ใช่คนของจักรวรรดิซือฉีใช่หรือไม่?” ถังเหล่ยรับม้าอัสนีมาและแกล้งถามโดยไม่เจตนา
“ความจริงแล้วพวกเราสามคนมาจากจักรวรรดิเทียนอวี่” หานอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาทั้งสามมาเพราะชื่อเสียงของูเาซวงเฟิงและหวังจะมาหาประสบการณ์ แต่โชคร้ายที่มาครั้งแรกก็ต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดเสียแล้ว
“ข้าก็มาจากจักรวรรดิเทียนอวี่เช่นกัน บางทีในอนาคตพวกเราอาจจะได้เจอกันอีก!” ถังเหล่ยะโขึ้นหลังม้าอัสนี กล่าวเสียงราบเรียบ จากนั้นก็ขี่ม้าอัสนีจากไปอย่างรวดเร็ว
หานอันและผู้ฝึกตนอีกสองคนมองถังเหล่ยจากไป พวกเขาประสานมือคำนับอีกฝ่ายอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ เขาก็เป็คนของจักรวรรดิเทียนอวี่หรือ? เสียดายที่พวกเราไม่รู้ว่าเป็ศิษย์ของตระกูลใด!” ชายอายุน้อยที่จูงม้าอัสนีมากล่าว
“ข้าดูแล้วเขาน่าจะมีอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น เหตุใดจึงสามารถสังหารสัตว์อสูรระดับสี่ได้ ตระกูลใดที่เลี้ยงดูอัจฉริยะผู้นี้? หรือว่าจะเป็คนจากราชวงศ์?” หานลี่คือพี่รองของกลุ่มกล่าวอยู่ด้านข้าง จากที่เขาประเมินอีกฝ่ายจากรูปร่างก็รู้สึกสับสนกับการกระทำของอีกฝ่ายที่แตกต่างจากใบหน้าอันอ่อนเยาว์ยิ่งนัก
“คนของราชวงศ์จะมาปรากฏตัวในจักรวรรดิซือฉีได้อย่างไร? ข้าคิดว่าอาจจะเป็คนของนิกายเสิ่นอวี่!” หานเฉิงคือผู้ฝึกตนที่อายุน้อยที่สุดกล่าวโต้แย้ง
“นี่ไม่ใช่เื่ที่เราต้องโต้เถียงกัน สิ่งที่เราต้องทำก็คือเราจะต้องตอบแทนบุญคุณของเขา ตอนนี้พวกเรารีบกลับกันเถอะ ไม่เช่นนั้นท่านพ่อจะเป็กังวลได้!” หานอันกล่าวกับทั้งสองคน
จักรวรรดิซือฉีอันตรายเกินไป ในเมื่อูเาซวงเฟิงพังทลายแล้ว พวกเขาอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีความหมายอะไร อีกด้านหนึ่งถังเหล่ยยังรู้สึกยินดีกับการได้รับม้าอัสนีในครั้งนี้
ระหว่างทางถังเหล่ยยังพบเจอการต่อสู้ของทหารกับสัตว์อสูรอยู่บ้างประปราย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเห็นผู้ฝึกตนจำนวนมากตายภายใต้คมเขี้ยวของสัตว์อสูรอีกด้วย ถังเหล่ยคาดว่าสัตว์อสูรในูเาซวงเฟิงได้หนีออกมาหมดแล้ว
การหนีตายของสัตว์อสูรในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับจักรวรรดิ เพราะภายในจักรวรรดิซือฉีมีคนธรรมดามากกว่าผู้ฝึกตน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรจำนวนมาก เหล่าผู้ฝึกตนที่มีจำนวนน้อยนิดจึงไม่สามารถต้านทานสัตว์อสูรเ่าั้ได้ น่าเสียดายที่ถังเหล่ยไม่มีเวลาไปช่วยผู้โชคร้ายเ่าั้
ในขณะนี้ถังเหล่ยยังคงเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองจิ่วหั่วอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ััได้ว่าเส้นทางด้านหน้าเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับว่ามีกองทัพทหารนับหมื่นคนกำลังมุ่งหน้ามา ถังเหล่ยจึงหยุดการเคลื่อนไหวและััว่าเสียงนี้มาจากด้านหน้าของเขา อีกทั้งยังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ถังเหล่ยกวาดสายตาไปรอบๆ พร้อมกับควบม้าหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกเขามองเห็นเพียงแค่เงามืดจำนวนมาก ไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็มีกองทัพขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในระยะไกล
กองทัพขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนพลอย่างพร้อมเพรียง เสียงเคลื่อนพลของกองทัพราวกับเสียงกลองดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ หลังจากนั้นไม่นานกองทัพขนาดใหญ่ก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ถังเหล่ย
กลุ่มแรกมีคนประมาณห้าร้อยคน พวกเขาเ่าั้ล้วนขี่สัตว์อสูรโดยมีชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเคราแดงอยู่ด้านหน้าสุด สายตาของชายผู้นั้นจับจ้องไปด้านหน้าอย่างเคร่งขรึมโดยไม่หันมองด้านข้างแม้แต่น้อย
“เหตุใดจึงมุ่งหน้าไปทีู่เาซวงเฟิง?”
ถังเหล่ยรู้สึกสับสน บริเวณูเาซวงเฟิงมีกองทัพขนาดใหญ่ล้อมรอบเอาไว้แล้ว เหตุใดกองทัพกลุ่มนี้จึงมุ่งหน้าไปยังูเาซวงเฟิงอย่างรีบร้อนอีก?
หลังจากที่กองทัพแนวหน้าผ่านไป ไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็ตามมาด้วยกองทัพเดินเท้าขนาดใหญ่ คราวนี้ถังเหล่ยมองเห็นเครื่องหมายที่อกของทหารเหล่านี้ชัดเจนแล้ว ล้วนเขียนคำว่า ‘เลี่ย’ และกองทัพที่เขาเจอก่อนหน้านี้ก็เขียนคำว่า ‘เหยียน’ อยู่ที่หน้าอก
“จักรวรรดิซือฉีช่างวุ่นวายจริงๆ”
หลังจากนั้นไม่นานกองทัพก็จากไป ถังเหล่ยจึงมุ่งหน้าไปทางเมืองจิ่วหั่วอีกครั้ง เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการต่อสู้ของสองขั้วอำนาจในจักรวรรดิซือฉี เขาได้สิ่งที่ตัวเอง้าแล้ว จึงไม่มีเหตุจำเป็ที่จะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง
ความจริงแล้วสมบัติที่ถังเหล่ย้ามีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เช่นงาช้างของูเาซวงเฟิง แต่ในเวลานี้เขายังไม่สามารถนำมาได้ เนื่องจากระดับของเขายังต่ำเกินไป เขาจึงทำได้เพียงทิ้งเอาไว้และจากมาด้วยความเ็ป
ยิ่งไปกว่านั้นภายในูเาซวงเฟิงยังมีสนามรบในตำนานอีกด้วย ภายในสนามรบจะต้องมีสมบัติตกหล่นอยู่อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่ขณะนีู้เาซวงเฟิงถูกกองทัพล้อมเอาไว้แล้ว
…
ในขณะนี้ตี้เหยียนได้เข้าไปในูเาซวงเฟิงแล้ว ตลอดการเดินทางเขาพบเห็นสมบัติมากมาย แต่ด้วยระดับที่สูงส่งของเขาสมบัติเ่าั้จึงไม่อยู่ในสายตา เหตุนี้ทำให้เขาเคลื่อนตัวผ่านสถานที่ต่างๆ ด้วยความเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มของตี้เหยียนก็หยุดอยู่จุดๆ หนึ่ง ด้านหน้าของเขาคือหลุมขนาดใหญ่ มีเศษเืเนื้อของผู้ฝึกตนบางส่วนที่ถูกบดขยี้ด้วยก้อนหินจากการพังทลายของูเา แม้ว่าภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเขาจะเป็ภาพที่น่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด แต่ใบหน้าของเขากลับเผยความตื่นเต้นพร้อมความยินดีออกมาราวกับว่าเขารอคอยเหตุการณ์เช่นนี้มานานหลายปี
……