จู่ๆ จวินจิ่วเฉินก็หันไปสบตากูเฟยเยี่ยนโดยไม่มีสัญญาณบอกกล่าวล่วงหน้า กูเฟยเยี่ยนสะดุ้งใมาก ดวงตาที่อมยิ้มอยู่เบิกกว้างด้วยความใทันที
ดวงตาของจวินจิ่วเฉินเกิดความสับสน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขากำลังถามนางอยู่ว่านางทำอะไร?
กูเฟยเยี่ยนไม่กล้าตอบโต้เขา ร่างบางเพียงแค่จ้องมองด้วยความแข็งทื่อ ก่อนจะค่อยๆ หันมองภายในห้องโถงราวกับว่าไม่เคยเกิดเื่ราวอะไรขึ้น
จวินจิ่วเฉินลอบสงสัยว่านังหนูผู้นี้มีความเฉลียวฉลาดมาก แต่ทำไมในบางครั้งก็ดูเหมือนจะโง่เขลากัน
เขาไม่ได้ไล่ถามต่อ แต่ตั้งใจฟังคำรายงานจากศาสตราจารย์แพทย์
“ทูลเตี้ยนเซี่ย ผงยาเหล่านี้มีส่วนผสมมาจากสมุนไพรหลากหลายชนิดรวมเข้าด้วยกัน โดยมีโสมที่มีอายุสิบปีไปจนถึงร้อยปี อีกทั้งยังมีซานชี อวี่เยี่ย เจี๋ยจู๋ ซางลู่…” เป็ดั่งที่กูเฟยเยี่ยนคาดการณ์เอาไว้เมื่อศาสตราจารย์แพทย์เอ่ยถึงรายชื่อมากมายออกมาแต่ไม่ได้เอ่ยถึง “ลิ่วตันซางลู่” เลย สุดท้ายเขาก็สรุปว่าผงยาตัวนี้เป็ผงยาพิษ
ใต้เท้ากงเอ่ยถามขึ้นมาทันที “นักโทษอู๋ สมุนไพรพวกนี้มาจากที่ใด? ยาพิษนี้มีไว้ทำอะไร? ตกลงแล้วเ้ากับอาจารย์แพทย์เจี่ยนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร? ”
อู๋กงกงคาดการณ์ได้ถึงการวิเคราะห์ของศาสตราจารย์แพทย์ั้แ่แรกแล้ว ในเมื่อเขากล้าที่จะนำลิ่วตันซางลู่พกติดตัว เขาจึงไม่กลัวว่าจะถูกค้นพบ
เขาไม่อาจหาข้ออ้างใดๆ มาอธิบายที่มาที่ไปของสมุนไพรเหล่านี้ได้ จึงถือโอกาสไม่อธิบายอะไรสักอย่างให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย! เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะไม่เอ่ยอะไรออกมา ต่อให้มีโทษปะาชีวิตเขาก็จะไม่เอ่ยอะไรออกมาทั้งนั้น!
คำให้การของนักฆ่าสองคนนั้นเพียงแค่พิสูจน์ได้ว่าเขามีส่วนพัวพันกับอาจารย์แพทย์เจี่ยน ทว่ามิอาจพิสูจน์ได้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีย่าวซ่าน อีกทั้งสมุนไพรเหล่านี้ก็ไม่ได้มีความเชื่อมโยงไปถึงลิ่วตันซางลู่โดยตรง ดังนั้นจึงไม่อาจพิสูจน์อะไรได้
การที่เขาถูกให้การสารภาพอย่างมากก็เป็เพียงแค่บุคคลต้องสงสัย และมีผลทำให้ตระกูลฉีถูกชะลอกระบวนการตัดสินบทลงโทษเท่านั้น ตราบใดที่เขาไม่พูดความจริงออกมาตระกูลฉีก็จะถูกคุมขังรอการตรวจสอบตลอดไป!
ตระกูลฉีกับตระกูลเฉิงสองตระกูลนี้เรียกได้ว่าเป็แขนซ้ายไหล่ขวาของฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนเหยียน สิบปีมานี้ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนเหยียนรักษาสถานการณ์กำลังของสองตระกูลให้ไล่เลี่ยกันตลอด แผนที่นายท่านวางมานานก็คือการทำลายสถานการณ์ความมั่นคงนี้ลงไป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อาจทำให้แผนการของนายท่านพังทลายลงได้!
“นักโทษอู๋ ตอบคำถามข้ามา! ”
“นักโทษอู๋ เ้าจะพูดหรือไม่? หรือว่าเ้ายอมรับโดยปริยายแล้ว? ”
……
ใต้เท้ากงซักถามต่อไป ทว่าอู๋กงกงนอกจากจะไม่สนใจแล้วยังตัดสินใจก้มหน้าก้มตาปิดปากเงียบด้วยความแน่วแน่
ใต้เท้ากงใช้ค้อนไม้เล็กเคาะไปด้วยโทสะที่พลุกพล่าน “นักโทษอู๋ ข้าจะถามเ้าเป็ครั้งสุดท้าย ตกลงแล้วเ้าจะตอบหรือไม่? หากเ้ายังไม่ตอบก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ! ”
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะยืนขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันก็มีหยาเว่ยสองนายนำร่างศพเข้ามาโดยมีขุนนางผู้ชันสูตรศพเดินนำอยู่ด้านหน้า หลังจากที่เข้ามาในศาลพิจารณาคดีจึงได้เอ่ยออกมาว่า “ทูลจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ข้าน้อยตรวจสอบแล้วพบว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนถูกคนรัดคอ เขาไม่ได้ฆ่าตัวตายโดยการแขวนคอแต่ถูกสร้างสถานการณ์เท็จว่าฆ่าตัวตายพ่ะย่ะค่ะ! ”
ทุกคนล้วนตระหนกใที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้
สอบสวนอู๋กงกงมาตั้งนานก็เพียงแค่พิสูจน์ได้ว่าอู๋กงกงเป็บุคคลต้องสงสัยและรายละเอียดของคดีอาจจะมีเงื่อนงำ แต่ทันทีที่ขุนนางนำผลชันสูตรศพออกมาจึงพิสูจน์ได้ว่าคดีนี้มีการเงื่อนงำอำพรางเอาไว้อย่างแน่นอน!
จดหมายลาตายที่อาจารย์แพทย์เจี่ยนเหลือทิ้งไว้ให้การไปที่ตระกูลฉี
บัดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่านางถูกฆาตกรรม ซึ่งก็หมายความว่าจดหมายลาตายของนางเป็ของปลอม! กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่ามีคนสังหารอาจารย์แพทย์เจี่ยนแล้วใส่ร้ายไปที่ตระกูลฉี! แม่ทัพใหญ่ฉีกับฉีอวี้เงยหน้าหันไปมองจวินจิ่วเฉินพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเขาทั้งใและดีใจ
“จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย พวกเราถูกปรักปรำ ตระกูลฉีถูกปรักปรำ! เตี้ยนเซี่ยโปรดิเจียน! ”
“จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย มีคน้าใส่ร้ายและปรักปรำตระกูลฉีพ่ะย่ะค่ะ! พี่สาวของข้าถูกใส่ร้าย! ”
…..
อู๋กงกงที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่เงยหน้าขึ้นมา เกิดความใจนเงยหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เป็เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
ในขณะที่เขากำลังจะออกไปจากพระราชวัง เขาได้ถ่ายทอดคำสั่งและความหมายของนายท่านไว้อย่างชัดเจนว่า หลังจากที่อาจารย์แพทย์เจี่ยนชี้ตัวไปที่ตระกูลฉีแล้วก็ให้แขวนคอฆ่าตัวตาย เป็ไปได้อย่างไรที่อาจารย์แพทย์เจี่ยนจะถูกคนสังหารให้ตาย?
ขุนนางผู้ชันสูตรศพตรวจสอบผิดพลาดหรือไม่?
เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
กูเฟยเยี่ยนรับรู้ข่าวนี้มาจากเซี่ยเสี่ยวหม่านแล้ว หญิงสาวไม่ประหลาดใจเลย เพียงแต่ว่าขุนนางผู้ชันสูตรศพทำงานได้รวดเร็วเช่นนี้ นางจึงไม่รีบที่จะพิสูจน์ยาแล้ว นางเต็มใจอย่างยิ่งที่จะเป็ผู้ปิดฉาก
จวินจิ่วเฉินไม่ได้สนใจไยดีสองพ่อลูกตระกูลฉี ใต้เท้ากงจึงทำได้เพียงแสดงเจตนาให้พวกเขาเงียบลง ขุนนางผู้ชันสูตรศพวิเคราะห์ถึงร่องรอยาแของศพที่นี่เพื่อพิสูจน์ว่าการตายของอาจารย์แพทย์เจี่ยนเป็การฆาตกรรมอย่างแท้จริง
ทันทีที่ขุนนางผู้ชันสูตรศพกล่าวจบ แม่ทัพใหญ่ตระกูลฉีก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาร้องโวยวายเสียงดัง “ปรักปรำ! ตระกูลฉีถูกปรักปรำ! คนร้ายตัวจริงคือองค์หญิงหวายหนิงพ่ะย่ะค่ะ! อาจารย์แพทย์เจี่ยนถูกองค์หญิงหวายหนิงสังหารอย่างแน่นอน! ”
นี่เป็เื่ที่เกี่ยวโยงไปถึงความเป็ความตายของตระกูลฉี ต่อให้เป็การลบหลู่เบื้องบน แม่ทัพใหญ่ฉีก็ต้องทุ่มสุดตัว
ในที่สุดผู้คนก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนฉีฟู่ฟางได้คลุ้มคลั่งะโบอกว่าองค์หญิงหวายหนิงเป็คนร้ายตัวจริง นางบอกว่าองค์หญิงหวายหนิงเป็ผู้ให้อาจารย์แพทย์เจี่ยนนำลิ่วตันซางลู่มาให้ องค์หญิงหวายหนิงบอกกับนางว่าเมื่อใช้ลิ่วตันซางลู่ไปแล้วจะไม่เกิดอันตรายอะไร และนางเพียงแค่คอยช่วยเหลือองค์หญิงหวายหนิงเท่านั้น
บัดนี้…
องค์หญิงหวายหนิงเป็บุคคลที่น่าสงสัยที่สุดแล้ว!
องค์หญิงหวายหนิงกลัวว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนจะให้การมาที่ตนเองดังนั้นจึงฆ่าปิดปาก?
แน่นอนว่าใต้เท้ากงจำเหตุการณ์นี้ได้ เขาไม่กล้าไต่สวนต่อไป เขาปาดเม็ดเหงื่อที่ไหลพลั่ก พลันรีบลงมาจากเก้าอี้ประธานในการไต่สวนคดี จากนั้นจึงเดินไปที่ด้านหน้าของจวินจิ่วเฉินด้วยความเคารพนอบน้อม
“จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ดูเหมือนว่าคดีนี้จะมีเงื่อนงำ ไม่อย่างนั้น…”
ใต้เท้ากงอยากจะบอกให้พักลงชั่วครู่แล้วค่อยกลับมาต่อ เพราะเื่นี้เกี่ยวข้องกับองค์หญิงหวายหนิง เขาจึงเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทว่าจวินจิ่วเฉินกลับทุบโต๊ะด้วยเพลิงโทสะ “ทหาร เรียกตัวองค์หญิงหวายหนิงมา! ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้องค์ชายใหญ่ที่ปลอมแปลงตัวหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางผู้คนเกือบจะเกิดอาการเข่าอ่อน!
ต้องรู้ไว้ว่าเขาคือผู้ที่เขียนจดหมายลาตายของอาจารย์แพทย์เจี่ยน เขาคือผู้ที่สังหารอาจารย์แพทย์เจี่ยนด้วยตนเอง!
ในวันนั้นหลังจากที่เขาทราบว่าลิ่วตันซางลู่เป็ของที่อันตรายถึงชีวิต เขาก็คาดเดาได้ทันทีว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนหลอกลวงหวายหนิง เขาไปไต่สวนอาจารย์แพทย์เจี่ยน ทว่านางปิดปากเงียบ สุดท้ายจึงทำได้เพียงสังหารนางและปลอมแปลงหลักฐานโยนทุกอย่างไปให้ตระกูลฉี
เดิมทีเขาคิดว่าการที่มีเฉินซานหยวนและหลี่เก๋อฉุนเป็พยานบุคคล จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยคงจะปิดคดีนี้แล้ว แต่ใครจะไปทราบว่าจะมีอู๋กงกงจะโผล่ออกมา แต่ถึงจะมีอู๋กงกงเขาก็ยังไม่ร้อนใจอะไรและคิดว่าอาจจะตามหาคนร้ายตัวจริงได้
เขาจะไปทราบได้อย่างไรว่าขุนนางผู้ชันสูตรศพจะตรวจพบความจริงใน่เวลานี้! ในคืนวันนั้นที่ได้เข้าเฝ้าฟู่หวงจวินจิ่วเฉินไม่ได้เอ่ยถึงเื่นี้เลย!
ทำอย่างไรดี?
หากหวายหนิงได้รับโทษ เขาจักต้องได้รับผลกระทบด้วยอย่างแน่นอน!
นอกจากนี้คือหากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยสอบสวนต่อไปแล้วพบว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนถูกเขาสังหาร ต่อให้เขามีสิบปากก็ไม่อาจอธิบายได้อย่างชัดเจน เมื่อถึงเวลานั้นจะไม่มีผู้ใดเชื่อว่าเขากระทำไปเพราะปกป้ององค์หญิงหวายหนิงอย่างแน่นอน ทุกคนจะเชื่อว่าองค์หญิงหวายหนิงถูกเขายุยงส่งเสริม!
บัดนี้องค์ชายใหญ่โกรธจนอยากจะสังหารองค์หญิงหวายหนิง
ภายในศาลพิจารณาคดีเกิดความเงียบ ไม่มีใผู้ใดกล้าพูดอะไรออกมา แม้กระทั่งพ่อลูกตระกูลฉีล้วนไม่กล้าเอ่ยปาก เนื่องจากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทุบลงไปบนโต๊ะ
จวินเย่าเฉิงชำเลืองมองแล้วบอกตนเองให้ใจเย็นลง ตอนนี้องค์หญิงหวายหนิงเป็เพียงบุคคลที่น่าสงสัยมากที่สุดเท่านั้น นางยังไม่ถูกตัดสินโทษ อาจารย์แพทย์เจี่ยนเสียชีวิตไปแล้ว ขอเพียงแค่เขาไม่ถูกตรวจสอบ พวกเขาก็จะไม่มีทางพบหลักฐานเป็แน่!
เขากำลังจะกลับเข้าไปในพระราชวัง แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ยินน้ำเสียงชัดเจนไพเราะของกูเฟยเยี่ยนที่ได้ทำลายความเงียบในศาลพิจารณาคดี
นางเอ่ยว่า “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย นู๋ปี้มีเื่จะเพิ่มเติมหนึ่งเื่เพคะ”
จวินจิ่วเฉินเอ่ยน้ำเสียงเ็า “พูดออกมา! ”
กูเฟยเยี่ยนเดินไปที่โต๊ะวางสมุนไพรของคดีพร้อมกับเอ่ยว่า “ในขณะที่ศาสตราจารย์แพทย์ได้ตรวจสอบยา เขาได้ตกหล่นไม่ได้เอ่ยชื่อของสมุนไพรหนึ่งชนิด”
ในยามนี้ความสนใจของทุกคนยังคงอยู่ในความน่าสงสัยขององค์หญิงหวายหนิง มีคนไม่มากนักที่ให้ความสนใจคำพูดของนาง
จวินจิ่วเฉินถามด้วยความเ็า “ชนิดใด? ”
กูเฟยเยี่ยนหยิบห่อผงยาห่อนั้นขึ้นมาพลางเอ่ยด้วยความจริงจัง “ลิ่วตันซางลู่เพคะ นู๋ปี้สามารถพิสูจน์ในที่นี้ได้ว่าห่อผงยานี้มีลิ่วตันซางลู่ซ่อนไว้อยู่! ”
ในคราวนี้ผู้คนแทบจะทุกคนล้วนหันมามองกูเฟยเยี่ยนด้วยความใอีกครั้ง
สุดยอดเลยนะ!
หากว่าลิ่วตันซางลู่อยู่ในเงื้อมมือของอู๋กงกงจริงๆ เช่นนั้นอู๋กงกงก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์แพทย์เจี่ยน เป็ไปได้ไหมว่าอู๋กงกงจะเป็คนขององค์หญิงหวายหนิง?
ถ้าอย่างนั้น!
การที่นักฆ่าสองคนนี้ชี้ตัวว่าถูกอู๋กงกงติดสินบนให้จี้ชิงยาช่วยชีวิตท่านแม่ทัพเฉิงก็เป็เพราะองค์หญิงหวายหนิงหรือ?
องค์หญิงหวายหนิงที่เป็เพียงสตรีจะไปเอาความกล้าเช่นนี้มาจากที่ใดกัน!
ผู้คนต่างก็นึกถึงพี่ชายแท้ๆ ขององค์หญิงหวายหนิง องค์ชายใหญ่ จวินเย่าเฉิง
จวินเย่าเฉิงที่อยู่นอกประตูถึงกับมีสีหน้าขาวซีด ขาทั้งสองข้างราวกับถูกตรึงเอาไว้จนไม่อาจขยับเขยื้อนได้…