ในระยะเวลาเดือนสองเดือนที่ชิงอีไม่อยู่นั้น ในวังหลวงสงบเป็อย่างมาก ทั้งวังทั้งสถานที่ต่างๆ ต่างอยู่ในความสงบ นางกำนัลของตำหนักเชียนชิวก็ยังคงถูกรังแกและไม่มีทางตอบโต้กลับไปได้
“แย่แล้ว! กลับมาแล้ว! กลับมาแล้ว” ใครสักคนที่จะโกนเสียงดังมาจากวังหลัง ดึงดูดความสนใจของคนในวัง
“ใครมาแล้วงั้นหรือ?”
“อะ...องค์หญิงใหญ่เสด็จกลับมาจากวัดตงหวาแล้ว!!!”
“นางตรงไปที่ตำหนักของไทเฮาแล้ว!”
ในวังหลวงเริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ตำหนักฉางเล่อ
ไทเฮาที่กำลังโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก “ช่างบังอาจนัก ฉู่ชิงอีกล้ากลับมาวังหลวงโดยไม่มีคำสั่งจากข้า! คงไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้วสินะ!”
“ไทเฮาทรงพระทัยเย็นๆ ก่อนนะเพคะ ทรงอย่ากริ้วไปเลย” แม่นมฉู่รีบพูด เมื่อพูดถึงชิงอีใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไม่รู้จริงๆ ว่าพระอาจารย์นั่นจัดการอย่างไร นางถึงมีชีวิตกลับมาได้เพคะ”
“หุบปาก! เ้าโง่ พูดอะไรไร้สาระ!” ไทเฮาตะคอกออกมา คำเหล่านี้พูดในวังได้หรือ?
แม่นมฉู่รีบปิดปากเงียบ
ขณะเดียวกัน คนในวังก็รีบมารายงาน “แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะไทเฮา องค์หญิงใหญ่เสด็จมาถึงหน้าประตูแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ะโอะไรนักหนา! ไม่มีตาหรือไร! ฉู่ชิงอี นางขัดคำสั่งของไทเฮา มีความผิดอยู่กับตัว นางจะเข้ามาก็มาสิ คิดว่าไทเฮาจะเกรงกลัวนางหรือไร!” แม่นมฉู่เดินเข้าไปตบหน้า
ข้าหลวงกุมหน้าและคุกเข่าลงกับพื้น “ไทเฮาโปรดทรงอภัยให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมมิได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ผู้ที่มาด้วยกันกับนาง...คือองค์รัชทายาทกับเซ่อเจิ้งอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”
สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหตุใดสองคนนั้นถึงมาด้วยกันได้ล่ะ!
“แล้วก็ยังมี...”
“มีใครอีก!” สีหน้าของไทเฮาที่ไม่พอใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นเช่นนี้แม่นมฉู่ก็เดินไปเตะเขาอีกครั้ง สมควรตายเสียจริง เวลาพูดก็ยังพูดติดขัดอีก!
“องค์หญิงใหญ่จุนหนิงก็เสด็จมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ!” ไทเฮาที่ตื่นตระหนกใจนถึงกับลุกขึ้นยืน และก้าวเดินออกไปในทันที
แม่นมฉู่รีบตามไปและะโว่า “ไทเฮาเสด็จแล้ว!”
หลังจากออกจากประตูวังไปได้ไม่นาน ทั้งสองฝ่ายพบกันครึ่งทาง
แม่นมฉู่ที่เห็นเซียวเจวี๋ยกับฉู่จื่ออวี้จากระยะไกล และยังมีเกี้ยวตามหลังพวกเขามา นางก็ะโขึ้นมาในทันที “ไทเฮา เสด็จแล้ว”
คนทั้งสองหยุดคำนับ และเกี้ยวก็ลดลงอย่างช้าๆ ทว่า คนที่อยู่บนเกี้ยวกลับไม่เคลื่อนไหวใดๆ
ไทเฮาเดินลงมาและมองไปรอบๆ ก็ไม่พบฉู่จุนหนิง แม้ว่านางจะวิตกกังวล ทว่า ก็ต้องสงบสติอารมณ์และคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของตน “คนบนเกี้ยวคือใครกัน เหตุใดจึงไม่กล้าลงมาพบข้า รีบไปจับนางมาโบยสามสิบครั้งเดี๋ยวนี้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” คนของวังฉางเล่อรีบทำตามคำสั่งทันที
สิ่งที่แปลกคือเซ่อเจิ้งอ๋องกับองค์รัชทายาทก็เฝ้าดูอยู่ข้างๆ และไม่ได้มีท่าทีที่จะหยุดพวกเขาด้วยซ้ำ
เมื่อม่านถูกเปิดออก เหล่าข้าหลวงก็อุทานออกมาทันที
“ทูลไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่อยู่ในเกี้ยวคือองค์หญิงใหญ่จุนหนิงพ่ะย่ะค่ะ!”
ไทเฮารีบเดินเข้าไปทันที เห็นฉู่จุนหนิงที่นอนอยู่บนนั้นโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในทันตา “หมอหลวง! รีบไปตามหมอหลวงมาที่นี่!”
“เซ่อเจิ้งอ๋อง องค์รัชทายาท! เหตุใดจุนหนิงถึงกลายเป็เช่นนี้ได้?! พวกท่านทำอะไรนาง?!”
“ไทเฮา ท่านควรรอให้หมอหลวงตรวจให้เสร็จเสียก่อน แล้วค่อยมาถามจะดีกว่า” ฉู่จื่ออวี้พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
ั์ตาของไทเฮาที่แสดงความเศร้าสร้อยออกมา “องค์รัชทายาท ท่านยังมีข้าอยู่ในสายตาอยู่อีกหรือไม่!”
“ไม่มี...” ฉู่จื่ออวี้ตอบกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไร เมื่อเห็นสีหน้าของไทเฮาที่ดูแย่กว่าเดิมเป็อย่างมาก เขาจึงพูดเพิ่มเติมไปว่า “ไม่ได้อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หน้าตาเ้าเล่ห์เช่นนั้น ยิ่งทำให้ไทเฮาโกรธเกรี้ยวจนมือไม้สั่นสะท้าน “ดูท่าทางเ้าเล่ห์นั่นของท่านสิ สมกับการเป็องค์รัชทายาทเสียจริง ทว่า ก็ยังไม่ดีเท่าหลิงเอ๋อร์ ไม่รู้จริงๆ ว่าฝ่าาให้ท่านขึ้นเป็องค์รัชทายาทได้อย่างไร!”
ดวงตาของฉู่จื่ออวี้เ็าลง “ไทเฮาตรัสได้น่าสนใจจริงๆ หากกระหม่อมไม่คู่ควรกับตำแหน่ง เช่นนั้นเขาคู่ควรงั้นหรือ?”
“ั้แ่สมัยก่อน องค์รัชทายาทเป็เชื้อสายพระวงศ์โดยตรง ทั้งยังเป็พระโอรสคนโต ถึงแม้ว่าไทเฮามิใช่พระมารดาผู้ให้กำเนิดของฝ่าา ทว่า ท่านก็รู้ดีอยู่แล้วว่าวังหลังไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเื่ราชสำนักได้” เซียวเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ คำพูดทุกคำของเขาแทงใจดำไทเฮา
สีหน้าของนางดูไม่ดีเป็อย่างมาก ทว่า คราวนี้ก็เป็เพราะคำพูดที่ไม่เหมาะสมของตนเอง นางชะงักไปจนไม่สามารถตอบโต้ ประจวบเหมาะกับเหล่าหมอหลวงที่มาถึงพอดี จากนั้นฉู่จุนหนิงก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา หลังจากที่หมองหลวงได้ทำการรักษา
“เสด็จแม่~”
“หนิงเอ๋อร์!”
ทันทีที่ฉู่จุนหนิงเห็นมารดาก็รีบเข้าไปในอ้อมแขนของนางด้วยความเสียใจ ร่างขนาดใหญ่ที่กระแทกเข้าไป เกือบจะทำให้ไทเฮาล้มเซไปอีกทาง โชคดีที่มีข้าหลวงอยู่ข้างหลังคอยช่วยไว้ มิฉะนั้นผลที่ตามมาจากการกระแทกนี้จะเป็เื่ที่ไม่สามารถจินตนาการได้
สุดท้ายไทเฮาก็ถอนหายใจออกมาสองครั้ง เห็นฉู่จุนหนิงที่ร้องไห้น้ำตาไหลราวกับสายฝน ไม่รู้ว่านางต้องเสียใจมากขนาดไหน ในใจของไทเฮาจึงโกรธเป็ฟืนเป็ไฟขึ้นมาทันที “บอกแม่มาว่าใครรังแกเ้า แม่จะไม่มีวันยกโทษให้มันแน่!!”
“เสด็จแม่ ฉู่ชิงอีเพคะ! นางรังแกลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดการเดินทาง ทั้งยังวางยาพิษลูกอีกด้วย!! ทำอย่างไรดีเพคะ เสด็จแม่ ลูกกำลังจะตายแล้ว...เสด็จแม่ทรงช่วยลูกด้วยนะเพคะ!”
“อะไรนะ!” สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปทันควัน “ยามนี้ ฉู่ชิงอีอยู่ที่ไหน!!”
“หม่อมฉันก็อยู่ข้างๆ ตลอด ไทเฮาทรงไม่เห็นเลยหรือเพคะ?”
เสียงที่เย่อหยิ่งและเกียจคร้านของหญิงสาวดังขึ้นมาจากด้านข้าง ไทเฮาถึงกับตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นใครบางคนค่อยๆ เดินออกมาจากเกี้ยวทางด้านหลัง
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ทว่า ไม่มีใครเห็นนางจริงๆ!
“ฉู่ชิงอี! เ้าช่างบังอาจนัก คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะกล้าลอบสังหารองค์หญิงใหญ่! พานางไปที่ห้องทรมานของข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะจัดการนางด้วยตัวเอง!”
ก่อนที่เหล่าข้าหลวงจะเข้ามา ก็มีร่างสูงโปร่งมายืนขวางอยู่ตรงหน้านาง
ชิงอีมองไปที่แผ่นหลังของเซียวเจวี๋ย ด้วยแววตาที่สั่นไหวเล็กน้อย
ฉู่จื่ออวี้รีบตามขึ้นมาทันทีและพูดด้วยใบหน้าที่เ็าว่า “ไทเฮาทรงจะลงโทษนางด้วยฐานความผิดอันใด? องค์หญิงใหญ่ทำอันใดผิดงั้นหรือ เหตุใดท่านถึงต้องพานางเข้าไปห้องทรมาน?”
“นางบังอาจมาวางยาพิษองค์หญิงใหญ่จุนหนิงไงเล่า!!”
ชิงอีมองไปที่ชายร่างใหญ่กับชายร่างเล็กอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า และขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ทำอะไรกันเนี่ย! เื่แม่มดเฒ่าผู้นี้ต้องให้นางจับเองอีกแล้วใช่ไหม?
นางยื่นมือและผลักชายทั้งสองให้แยกออกจากกัน จากนั้นก็เดินตรงเข้าไป พระโอษฐ์ของไทเฮาสั่นเทาด้วยความเย่อหยิ่ง
“หมอหลวงอยู่ที่ไหน?” นางพูดขึ้นมา
หมอที่เพิ่งรักษาอาการของฉู่จุนหนิงเรียงแถวทันที
ชิงอีอ้าปากหาวและถามว่า “องค์หญิงใหญ่ถูกวางยาพิษหรือไม่?”
“เอ่อ...” เหล่าหมอหลวงมองหน้ากัน หมอหลวงท่านหนึ่งเดินขึ้นมาแล้วพูดว่า “ทูลไทเฮา ทูลองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงฉู่จุนหนิง นอกจากอารมณ์หงุดหงิดแล้ว สุขภาพก็แข็งแรงดี ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพิษอยู่ในร่างกายของนางเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็ไปได้ยังไง!” ฉู่จุนหนิงอุทานออกมา “พวกเ้าเป็หมอต้มตุ๋นหรือไร! เห็นๆ กันอยู่ว่าข้าถูกวางยาพิษ นางวางยาพิษข้าต่อหน้าต่อตาทุกคน!!”
เมื่อถูกดุด่าว่าเป็หมอต้มตุ๋น ในใจของเหล่าหมอหลวงก็โกรธขึ้นมา พวกเขาไม่เคยเห็นพิษทางจิตใจเช่นนี้มาก่อน
“องค์หญิงใหญ่จุนหนิง กระหม่อมฝึกฝนศาสตร์นี้มาหลายทศวรรษแล้ว มาสามชั่วอายุคน ไม่ว่าถูกจะวางยาพิษหรือไม่ก็ตามมันก็สามารถวินิจฉัยได้”
“แต่...”
“หนิงเอ๋อร์” ไทเฮาขมวดคิ้ว “ไม่โดนวางยาพิษก็ดีแล้ว เ้า...”
“ไม่จริง! เสด็จแม่ทรงฟัง ลูกพูดก่อนนะเพคะ ฉู่ชิงอีวางยาพิษลูกจริงๆ ตอนนั้นมีหลายคนที่เห็นมัน หากท่านทรงไม่เชื่อลองถามเซ่อเจิ้งอ๋องดูสิเพคะ เขาก็อยู่ที่นั่นด้วย!”
เซียวเจวี๋ยพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “กระหม่อมไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ”
เซ่อเจิ้งอ๋องพูดมาขนาดนี้แล้ว คนอื่นจะกล้าให้คำตอบตรงกันข้ามได้อย่างไรกัน?
“กระหม่อมเองก็ไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกท่าน...พวกท่านกำลังปกป้องนาง!” ฉู่จุนหนิงเบิกตากว้าง ความโกรธแผดเผาในหัวใจ จู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาเป็ประกายขึ้นทันที พร้อมกับพูดว่า “ยังมีหวังฮู่ด้วย! หวังฮู่กับคนอื่นๆ เป็พยานให้ลูกได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของชิงอีก็ค่อยๆ ยกขึ้น
ไม่เคยเห็นคนโง่เง่าที่ชอบขุดหลุม แล้วะโลงไปเองเช่นนี้เลย...
“ตอนนี้หวังฮู่และคนอื่นๆ อยู่ที่ไหน รีบเรียกพวกเขาเข้ามา!”
