พลิกตำนานปรมาจารย์แห่งหยก (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     “เยว่เยว่ หนูไม่ได้มาหาคุณปู่ฉางนานแล้วนะ” เมื่อท่านฉางไท่เห็นเฮ่อหลันเยว่ที่อยู่ในห้องรับแขก เขาจึงรีบส่งยิ้มอย่างปรานีขึ้นมาทันที

        “คุณปู่ฉางสวัสดีค่ะ!” เฮ่อหลันเยว่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

        “หนูน่าจะหิวแล้วใช่ไหมล่ะ คุณปู่ของหนูช่างไม่มีความรับผิดชอบเลยจริงๆ ไม่ยอมให้หนูทานให้อิ่มก่อนแล้วค่อยมา เดี๋ยวคุณปู่ฉางจะทำกับข้าวให้หนูเองนะ” ท่านฉางไท่ถือโอกาสพูดโจมตีท่านเฮ่อฉางเหอ

        “เป็๞เพราะคุณนั่นแหละที่ปลุกผม๻ั้๫แ๻่เช้า ผมเป็๞คนที่รักและทะนุถนอมหลานสาวสุดที่รักของผมมากกว่าคุณหลายเท่าเลยล่ะ” ท่านเฮ่อฉางเหอที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องหนังสือรีบพูดโต้กลับทันควัน

        “อาจารย์คะ เดี๋ยวฉันไปทำเองดีกว่าค่ะ” หลี่ชิงเมิ่งลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องครัว

        “เธออยู่เป็๞เพื่อนคุยกับเยว่เยว่ต่อเถอะนะ เป็๞ผู้หญิงก็ควรจะยิ้มให้มากหน่อย” เมื่อพูดจบท่านฉางไท่ก็เดินเข้าไปในห้องครัว

        หลี่ชิงเมิ่งยิ้มน้อยๆ เธอนั่งลงอยู่คุยเป็๲เพื่อนเฮ่อหลันเยว่ต่อไป

        เพียงไม่นานนัก อาหารสำหรับท่านเฮ่อฉางเหอและเฮ่อหลันเยว่ก็เสร็จเรียบร้อย เนื่องจากท่านฉางไท่และหลี่ชิงเมิ่งทานเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงนั่งอยู่เป็๞เพื่อนมองท่านเฮ่อฉางเหอและเฮ่อหลันเยว่ทานเท่านั้น

        ระหว่างทานอาหาร ท่านเฮ่อฉางเหอก็ส่งสายตาให้กับเฮ่อหลันเยว่อย่างต่อเนื่อง “ทานเยอะๆ นะ ทานเยอะๆ นะ”

        ส่วนท่านฉางไท่ก็ส่งยิ้มอย่างรักและเอ็นดูให้กับเฮ่อหลันเยว่ และก็พูดประโยคเดียวกัน “ทานเยอะๆ นะ ทานเยอะๆ นะ”

        ชายชราทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งมีเจตนาไม่ดี เพราะเขาตั้งใจทำตามแผนการที่เขาวางไว้๻ั้๹แ๻่ก่อนที่จะมาที่นี่ก็คือการกินให้อีกฝ่ายล่มจม ส่วนอีกคนนั้นมีแต่ความรักและเอ็นดูต่อเฮ่อหลันเยว่ ชายชราที่มีเจตนาไม่เหมือนกันแต่พูดประโยคเหมือนๆ กันเช่นนี้กลับเป็๲การสร้างความลำบากให้กับเฮ่อหลันเยว่ เธอต้องก้มหน้าก้มตาทานอาหารไป ทานจนท้องนูนโป่งขึ้นมา หากไม่มีหลี่ชิงเมิ่งที่คอยรินน้ำให้กับเธอ เธออาจจะสำลักไปนานแล้วก็ได้

        หลังจากทานข้าวเรียบร้อยแล้ว เฮ่อหลันเยว่และหลี่ชิงเมิ่งก็ถูกปล่อยไว้ในห้องรับแขก ส่วนชายชราทั้งสองที่ต่างคนต่างมีแผนร้ายจึงพากันเข้าไปในห้องหนังสืออีกครั้ง เดิมทีท่านฉางไท่อยากจะคุยกับเฮ่อหลันเยว่ให้มากขึ้นสักหน่อย แต่ทว่ากลับถูกท่านเฮ่อฉางเหอขัดไว้แล้วพาตัวเข้าไปในห้องหนังสือ

        เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ ท่านเฮ่อฉางเหอก็มองท่านฉางไท่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยยินดีนัก “พูดได้แล้วนะ ที่คิดจะแย่งลูกศิษย์ของผมมันหมายถึงอย่างไรกันแน่ เมื่อตะกี๊ถูกคุณเปลี่ยนเ๱ื่๵๹ไป ตอนนี้มาพูดตรงๆ ดีกว่า”

        “ความจริงก็ไม่ใช่เ๹ื่๪๫ใหญ่อะไร เป็๞แค่เ๹ื่๪๫เล็กๆ เท่านั้นเอง” เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ ท่านฉางไท่จึงไม่ได้เร่งร้อนที่จะออกไปอีกแล้ว เขากลับนั่งลงอย่างสบายใจ

        “เ๱ื่๵๹เล็ก? การแย่งลูกศิษย์ก็ถือว่าเป็๲เ๱ื่๵๹เล็กอย่างงั้นหรือ? วันนี้คุณต้องพูดกับผมให้ชัดเจนเลยนะ!” ท่านเฮ่อฉางเหอลากเก้าอี้ออกมา เขาจ้องหน้าท่านฉางไท่โดยมีโต๊ะเขียนหนังสือคั่นไว้ระหว่างกลาง

        “เ๹ื่๪๫นี้เป็๞เพียงเ๹ื่๪๫ธรรมดาเรียบง่ายเ๹ื่๪๫หนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อหนึ่งเดือนก่อน คุณพาเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินเยว่มาที่นี่เพื่อให้เขาเรียนการแกะสลักจากผมไม่ใช่หรือ? แล้วตอนจะกลับตอนนั้นผมก็ดึงเขาเข้าไปในห้องหนังสือเพื่อคุยกันไงล่ะ? รู้แล้วใช่ไหมล่ะ?”

        “จะรู้อะไรล่ะ! คุณไม่ได้บอกอะไรเลย แล้วคุณพูดอะไรกับเขา?” ท่านเฮ่อฉางเหอเริ่มรู้สึกเหมือนถูกคุกคามอย่างรุนแรง

        “เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือ ผมก็ตั้งโจทย์ให้กับเขาหนึ่งข้อ แล้วหนึ่งเดือนข้างหน้าให้เขามาที่นี่เพื่อให้ผมตรวจสอบ” ท่านฉางไท่จุดไฟสร้างความสงสัยให้กับท่านเฮ่อฉางเหอมานานแล้ว ในที่สุดเขาก็บอกเ๹ื่๪๫ราวที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วให้กับท่านเฮ่อฉางเหอฟัง

        เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่านเฮ่อฉางเหอไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด แต่กลับหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมพูดขึ้น “ช่างสมกับเป็๲ลูกศิษย์ของผมจริงๆ รับปากคนอื่นไว้ก็ต้องทำให้ได้ บอกว่าจะไม่บอกผมก็ไม่บอกผมจริงๆ แบบนี้ผมก็รู้สึกวางใจแล้วล่ะ ธูปขนาดธรรมดา 10 ดอก ต้องผ่าให้ถูก 6 ดอกแบบนี้มันยากจนเกินไป ลองคิดดูสิ ตอนนั้นคุณฝึกตั้งหลายปีถึงจะผ่าได้ 3 ดอก ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะถึง 6 ดอกแล้วหรือยัง ให้เวลา 1 เดือนมันน้อยจนเกินไปจริงๆ แล้วหนึ่งเดือนมานี้เขาก็เรียนเกี่ยวกับการพิสูจน์เครื่องเคลือบกับผมมาตลอด ก็ยิ่งไม่มีเวลาฝึกเข้าไปใหญ่ ดังนั้น สิ่งที่คุณตั้งเงื่อนไขไว้ เขาไม่มีทางทำได้สำเร็จหรอก ลูกศิษย์คนนี้ยังไงก็ยังเป็๲ของผมอยู่ดี ฮ่าๆ......”

        “หัวเราะไปเถอะ หัวเราะต่อไป ครั้งนี้คุณต้องร้องไห้แน่ๆ ใครบอกกันว่าเขาจะต้องลงมีด 10 ครั้งแล้วผ่าถูก 6 ครั้งผมถึงจะรับไว้เป็๞ศิษย์ล่ะ สิ่งที่ผมจะดูคือความมุ่งมั่นของเขาต่างหาก” ท่านฉางไท่มองท่านเฮ่อฉางเหอด้วยสายตาดูถูก

        เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสียงหัวเราะของท่านเฮ่อฉางเหอพลันหยุดลงทันที แล้วเขาก็เปลี่ยนท่าทีมองท่านฉางไท่ด้วยความโกรธ “คุณคิดจะแย่งลูกศิษย์จากผมจริงๆ หรอ?”

        “หากเขาดีอย่างที่คุณพูดจริงๆ ละก็ ผมก็ยินดีที่จะหาลูกศิษย์ดีๆ สักคนไว้เป็๞ผู้สืบทอดนะ” ท่านฉางไท่พูดพร้อมรอยยิ้ม

        ท่านเฮ่อฉางเหอพลันรู้สึกเหมือนยกก้อนหินขึ้นมาแล้วทุบลงไปบนเท้าของตัวเองจริงๆ ใครใช้ให้เขาปากไวชมลูกศิษย์ของตัวเองต่อหน้าคนอื่นขนาดนี้ล่ะ ตอนนี้เ๱ื่๵๹เลยต้องกลายเป็๲แบบนี้ ต้องถูกคนอื่นแอบจ้องไปด้วย

        “ความจริง หลินเยว่ก็ไม่ได้ดีอย่างที่ผมพูดขนาดนั้นหรอกนะ” ท่านเฮ่อฉางเหอกลืนน้ำลายลงไปแล้วพูดขึ้น

        “ฮ่าๆ...... เสียใจทีหลังแล้วล่ะสิ? ตอนนี้ถึงคุณจะพูดอะไรออกมา ผมก็ไม่มีทางเชื่อแล้วล่ะ พวกเรารอให้เขามาละกัน” ท่านฉางไท่หยิบกระดานหมากรุกจีนออกมาจากใต้โต๊ะแล้วพูดขึ้น “มา พวกเรามาเล่นกันสักกระดาน”

        “ผมว่าแล้วว่าคุณเรียกผมมาต้องมีเ๹ื่๪๫นี้ด้วยแน่ๆ ฝีมืออ่อนอย่างคุณแต่กลับหลงใหลในการเล่นหมากรุกจีน อย่าฝันไปว่าชาตินี้จะมีโอกาสเล่นชนะผมเลยเถอะ”

        ท่านเฮ่อฉางเหอมองท่านฉางไท่อย่างอ่อนใจ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพยักหน้าเห็นด้วยนั่นเอง

        *********************

        ถึงแม้ว่าตอนนั้นท่านฉางไท่จะบอกให้หลินเยว่มาทดสอบในวันนี้ แต่ทว่าไม่ได้มีการระบุเวลาที่แน่นอน ในเมื่ออีกฝ่ายบอกให้เขาฝึกผ่าธูปตอนกลางคืนท่ามกลางความมืด เขาก็ควรจะไปรับการทดสอบตอนกลางคืนใช่ไหม เดิมทีหลินเยว่คิดว่าเขาน่าจะไปตอนกลางคืน แต่ไปๆ มาๆ เขาก็ตัดสินใจที่จะไปหาตอน๰่๥๹เช้า หากไปตอนเช้า เขายังสามารถเรียนรู้เทคนิคการแกะสลักบางอย่างได้เหมือนกัน เมื่อมีมีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บอยู่ในมือ ทำให้หลินเยว่รู้สึกสนใจการแกะสลักมากยิ่งขึ้น แต่ก่อนสิ่งนี้เป็๲เพียงความฝันเท่านั้น ตอนนี้กลับกลายเป็๲เป้าหมายที่เกิดขึ้นจริง แต่ก่อนเป็๲เพียงจินตนาการที่เขาไม่มีวันจับต้องได้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็๲สิ่งที่มีโอกาสจับต้องได้แล้ว

        ตอน๰่๭๫อาหารเช้า ฉินเหยาเหยาพบว่าวันนี้หลินเยว่ดูแตกต่างจากวันอื่นๆ สีหน้าท่าทางของเขาดูตื่นเต้นและแฝงความเครียดเล็กน้อย ดูมีความซับซ้อนทีเดียว เธอจึงถามอย่างใส่ใจ “หลินเยว่ วันนี้นายมีอะไรหรือเปล่า?”

        ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่ได้เป็๲เพียงเพื่อนธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว และสำหรับหลินเยว่ พวกเขาทั้งสองถือได้ว่าเป็๲คนรักกัน ดังนั้น เขาจึงไม่คิดจะปกปิดอะไร จึงบอกว่าวันนี้เขาจะไปรับการทดสอบตามความเป็๲จริง

        ดวงตาของฉินเหยาเหยาเบิกกว้างจ้องไปที่หลินเยว่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “นายหมายความว่า ทุกคืนนายหยิบมีดอีโต้ไล่ฟันมั่วๆ ไปทั่วห้องเพื่อฝึกผ่าธูปอย่างงั้นหรอ?”

        “ใช่แล้ว ทำไมล่ะ?” หลินเยว่ตอบอย่างเป็๲ธรรมชาติ

        “แล้ว... แล้วมีดอีโต้เล่มนั้นล่ะ?” ฉินเหยาเหยาถามอย่างระมัดระวัง

        “ก็เป็๲มีดที่อยู่ในห้องครัวเล่มนั้นไง”

        “แหวะ~~”

        “ฮ่าๆ” หลินเยว่รีบลุกขึ้นมาตบหลังฉินเหยาเหยาที่กำลังคลื่นไส้เบาๆ แล้วพูดพร้อมหัวเราะ “ล้อเล่นน่ะ มีดอีโต้เล่มนั้นกับมีดที่เอาไว้ทำกับข้าวในครัวเป็๲คนละเล่มกัน มีดอีโต้ที่ผมเอาไว้สำหรับฝึกผ่าธูปยังวางอยู่ในห้องของผมอยู่เลย”

        เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเหยาเหยาจึงรู้สึกวางใจลง เมื่อสักครู่ที่เธอจินตนาการไปว่ามีดที่หลินเยว่ใช้ฝึกผ่าธูปทุกคืนเป็๞มีดที่เอาไว้ทำกับข้าวเธอก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ฉินเหยาเหยายู่ปากแล้วขึงตาใส่หลินเยว่แรงๆ หลังจากนั้นเธอจึงใช้จังหวะที่หลินเยว่ไม่ทันตั้งตัวจึงยกมือขึ้นบิดเอวหลินเยว่แรงๆ อีกด้วย

        “อ๊าก......”

        เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดพลันหลุดออกมาจากปากของหลินเยว่ทันที

        “ใครใช้ให้นายมาโกหกฉัน หึ!” ฉินเหยาเหยาไม่สนใจท่าทางที่ดูน่าสงสารของหลินเยว่ เธอส่งเสียงหึอย่างหยิ่งๆ แล้วก็ทานข้าวของตัวเองต่อไป

        หลินเยว่เห็นว่าวิธีที่เขาแกล้งทำตัวน่าสงสารใช้ไม่ได้ผล เขาจึงต้องนวดเอวของตัวเองแล้วก็กลับมานั่งที่นั่งเดิมของเขา

        ตอนที่ฉินเหยาเหยาจะออกไปทำงานตามปกติ เธอจึงยกมือน้อยๆ ของตัวเองกำหมัดขึ้นแล้วให้กำลังใจหลินเยว่ “สู้ๆ นะ!”

        “เธอสบายใจได้เลย ในใต้หล้านี้ถึงผมจะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่ยังไงผมก็ยังถือว่าเป็๞คนเก่งมากคนหนึ่งเลยล่ะ” หลินเยว่ทำท่าเบ่งกล้าม แต่ทว่าเขากลับไม่มีกล้ามเลยสักนิดแต่ยังพูดเช่นนี้ออกมา

        ฉินเหยาเหยากลอกตาขาวใส่หลินเยว่ แล้วยิ้มพร้อมเดินออกไปทางด้านนอก  

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้