“อาหญิง! ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเื?”
เย่ชิงหานรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาในทันที คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเฮยและท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะเช่นนี้ แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ในเมื่อท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเืกับเสี่ยวเฮยแล้วทำไมจะต้องนำเสี่ยวเฮยมายังทวีปัเพลิงแห่งนี้ด้วย? พ่อแม่ของเสี่ยวเฮยอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมนางต้องเลือกทวีปัเพลิงแห่งนี้เป็ที่อยู่อาศัย? นางและเสี่ยวเฮยเดิมทีนั้นมาจากที่ใด?
เพียงแต่เย่ชิงหานทำการสอบถามเสี่ยวเฮยดูอยู่อีกหลายประโยคกลับไม่ได้คำตอบใดๆ ที่พอเป็ประโยชน์ เื่ราวต่างๆ คงต้องรอให้เสี่ยวเฮยก้าวเข้าสู่่ระยะเติบโตเต็มวัยเท่านั้นถึงจะรู้ได้
เดิมทีเย่ชิงหานยังคิดที่จะพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้ให้ภารกิจที่แทบจะไม่สามารถทำให้สำเร็จได้เลยแก่ตนเอง และเพื่อคิดหาทางที่จะผ่อนปรนลงบ้างหากเป็ไปได้ แต่ฟังดูจากการพูดคุยกันระหว่างเสี่ยวเฮยกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่แล้วคิดว่าคงไม่มีทางที่จะทำอะไรไปได้มากกว่านี้แล้ว ดังนั้นภายในใจจึงอดไม่ได้ที่จะกลัดกลุ้มขึ้นมา
“ลูกพี่ อย่าคิดมากไปเลยทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้เถอะ ถ้าหากไม่ได้จริงๆ ละก็ถึงเวลานั้นข้าจะขอร้องท่านอาให้เอง! ข้าจะไม่ยอมให้นางทำร้ายท่านเด็ดขาด และจะไม่ยอมแยกจากท่านด้วย! ท่านคือลูกพี่ของข้าตลอดไป...” เสี่ยวเฮยััได้ถึงความรู้สึกของเย่ชิงหาน จึงร้อนใจขึ้นมารีบส่งกระแสเสียงมาปลอบใจเย่ชิงหาน
“อืม...ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอเมื่อเวลามาถึงสินะ!”
เย่ชิงหานยิ้มเจื่อนๆ ออกมาแต่อารมณ์ความรู้สึกก็ยังกลัดกลุ้มอยู่เช่นเดิม เดิมทีคิดว่ามาป่าดำมืดรอบนี้เพื่อมาพบญาติและได้รับสมบัติของล้ำค่าต่างๆ กลับไปอะไรทำนองนั้น เช่นนี้ต่อไปมีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปัเพลิงคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ตนเองสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายโดยไม่จำเป็ต้องกลัวอะไรอีก แต่ไม่คาดคิดว่าการมาในครั้งนี้กลับกลายเป็ว่าถูกคนติดตั้งะเิเวลาเอาไว้บนตัว ถ้าหากไม่สามารถปลดชนวนออกได้ทันละก็ เมื่อถึงเวลาตนเองคงต้องร่างกายแหลกเละไม่มีชิ้นดีเป็แน่
“ลูกพี่ อย่าเพิ่งเศร้าเสียใจถึงเพียงนั้น อย่างน้อยก็ยังมีเวลาอีกตั้งห้าสิบปีมิใช่รึ? ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน!”
จิตใจของเสี่ยวเฮยเองก็ซับซ้อนวุ่นวายอยู่ไม่ต่างกัน บนถนนก่อนที่จะมาถึงป่าดำมืดหวังไว้เป็อย่างมากว่าจะได้พบกับผู้ที่เป็ญาติและจะได้รับรู้ชาติกำเนิดภูมิหลังของตนเอง ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายเื่ราวจะกลับกลายมาเป็เช่นนี้ แม้อาหญิงในนามจะปฏิบัติต่อตนเองด้วยความสนิทสนมเป็อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยวเฮยเองก็สามารถััได้ว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่รักและเอ็นดูต่อตนเองออกมาจากใจจริง แต่เมื่อสักครู่ตนเองได้ลองขอร้องนางไปแล้วและถามว่าทำไมต้องปฏิบัติต่อเย่ชิงหานเช่นนี้ด้วย ซึ่งไม่คิดว่าท่าทีของนางต่อเื่นี้จะแข็งกร้าวเป็อย่างมากและไม่ยอมพูดอะไรมากไปกว่านี้ ทำให้เสี่ยวเฮยเองก็หมดหนทางจะทำอะไรได้ในตอนนี้...
“อืม...ห้าสิบปี ใช่! ยังมีเวลาอีกนาน หกปีก่อนข้ายังเป็เพียงแค่ไอ้ขยะไร้ค่าที่มีพลังฝีมือแค่ระดับขั้นแรกขอบเขตขั้นสูง แต่ตอนนี้กลายมาเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ ยังมีเวลาอีกห้าสิบปี ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์ได้?”
จากนั้นเย่ชิงหานนิ่งเงียบไปสักพักจึงไม่อยากที่จะคิดอะไรมาก ตอนนี้เขามีอายุเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดปี ยังมีเวลาอีกห้าสิบปี ห้าสิบปีสำหรับเขาถือว่ายังอีกยาวนาน ถึงตอนนั้นอายุก็ปาเข้าไปเจ็ดสิบกว่าแล้ว แม้จะตายก็ไม่ถือว่าเป็การตายั้แ่เยาว์วัยแล้ว ขอเพียงตนเองพยายามทำอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็เช่นไรก็ไม่ต้องไปกังวลแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยตายมาก่อน...
คิดไปคิดมาจิตใจของเขาพลันเริ่มปลอดโปร่งแจ่มใสขึ้น เกิดมาเป็คนมีอายุยืนยาวหน่อยถือว่าเป็กำไร มีอายุสั้นหน่อยก็ไม่เป็ไร
“คุยกันเสร็จแล้วรึ?” ในเวลานี้เองเย่รั่วสุ่ยพลันส่งกระแสเสียงมา เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสนใจเย่ชิงหานอยู่ตลอดเวลา
“อืม! ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษ!” เย่ชิงหานหันหน้าไปเห็นเย่รั่วสุ่ยส่งกระแสเสียงมาหาตนเองเช่นนี้ คาดว่าคงอยากจะรู้เกี่ยวกับเื่ที่ตนเองพูดคุยกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ แต่อีกทางหนึ่งก็ไม่อยากให้เย่ชิงอวี่รู้ดังนั้นจึงใช้การส่งกระแสเสียงมาหาตนเองแทน
“สิ่งที่ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่พูดคุยกับเ้าและเสี่ยวเฮยทั้งหมดเล่าออกมาให้ข้าฟังอย่างละเอียด!” เป็ดังที่คาด เย่รั่วสุ่ยถามขึ้นถึงเื่นี้จริงๆ
เย่ชิงหานครุ่นคิดอยู่สักพักคิดว่าเื่นี้ไม่มีสิ่งใดให้ต้องปิดบัง ครั้นแล้วจึงส่งกระแสเสียงบอกเล่าเื่ราวทุกอย่างออกไปทั้งหมดตามความเป็จริง เย่รั่วสุ่ยหลังจากที่ฟังจบคิ้วพลันขมวดขึ้นในทันที นิ่งเงียบอยู่เนิ่นนานถึงค่อยส่งกระแสเสียงกลับมา
“เื่นี้จะมองว่าเป็เื่ดีก็ได้ หรือจะมองว่าเป็หายนะก็ได้ ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่คาดหวังในตัวเ้าเอาไว้สูงมาก ถ้าหากภายในระยะเวลาห้าสิบปีเ้าสามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตเทพ์ได้คาดว่าอนาคตในภายภาคหน้าของเ้าจะต้องรุ่งโรจน์สว่างไสวขึ้นมาแน่ หรือไม่แน่เ้าอาจจะจัดการกับ...อืม ไม่แน่ว่าภายใต้การสนับสนุนของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เ้าอาจจะสามารถออกไปจากบ่อน้ำที่ถูกปิดตายแห่งนี้ได้ ไปสู่โลกที่กว้างใหญ่มากยิ่งขึ้นกว่านี้...”
“นางอยากให้เ้ากลายเป็เทพให้ได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ห้าสิบปีโดยที่ไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ แก่เ้าเลย ที่นางทำเช่นนี้คิดว่าคง้าทดสอบเ้า แน่นอนว่าถ้าหากเ้าทำไม่ได้ ข้าคิดว่านางคงไม่ฆ่าเ้า แต่คงจะต้องชิงเอาเสี่ยวเฮยกลับคืนไปอย่างแน่นอน ดังนั้น เฮ้อ...ตั้งใจพยายามทำให้ได้ก็แล้วกัน!”
เย่รั่วสุ่ยหันหน้ามองไปยังเย่ชิงหาน เมื่อสักครู่เขาเกือบจะพูดความลับของทวีปัเพลิงออกไปแล้ว แต่เมื่อคิดได้ว่าเย่ชิงหานยังเป็เด็กหนุ่มอยู่และตอนนี้มีภาระที่หนักอึ้งแบกไว้บนบ่ามากพอแล้ว ถ้าหากใส่โซ่ตรวนล่ามใส่เขาเข้าไปอีกละก็ เช่นนั้นคงหนักหนาสาหัสเกินไปสำหรับเขา ดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยในทันที
“ขอรับท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษ! ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ!” แม้เย่ชิงหานจะรู้สึกได้ว่าคำพูดของเย่รั่วสุ่ยฟังดูแปลกๆ พิกลอยู่ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเงียบเสียงไปไม่พูดอะไรอีก
.................................
หลายวันต่อมาทั้งสามคนเหาะลอยมาถึงูเาด้านหลังตระกูลเย่ เย่รั่วสุ่ยเลื่อนตัวลดต่ำลงไปยังข้างทะเลสาบโดยทันที
“เ้าหนูหาน พักผ่อนให้ดีๆ ตั้งใจฝึกฝนให้ดีๆ เื่ราวอื่นๆ ที่เหลือไม่ต้องสนใจ! ข้าจะหาทางจัดการเอง” เย่รั่วสุ่ยตบไปที่ไหล่ของเย่ชิงหานเบาๆ แสดงการปลอบใจแก่เขา จากนั้นหันไปทางเย่ชิงอวี่แล้วพูดปลุกเร้าให้กำลังใจขึ้น
“หนูอวี่ ตั้งใจฝึกฝนให้ดีๆ รีบบรรลุให้ถึงระดับเทพในเร็ววัน ต่อไปถึงจะสามารถช่วยเหลือพี่ชายของเ้าได้มากขึ้น”
พูดจบเขาล้วงมือเข้าไปภายในอกหยิบหยกสื่อสารออกมาสองอันยื่นส่งให้พวกเขาทั้งสองคนละอันแล้วพูดขึ้นอีก “ถ้าหากพวกเ้ามีเื่อยากพบข้า ใช้พลังปราณรบอัดเข้าไปภายในหยกสื่อสารข้าก็จะรับรู้ได้เองในทันที พวกเ้าสามารถเที่ยวเล่นอยู่ภายในเขตปกครองเทพาได้ตามใจ แต่อย่าออกไปจากเขตปกครองเทพาก็พอ! ข้าต้องไปแล้ว...”
พูดจบเย่รั่วสุ่ยใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตากลับไปยังสถานที่ที่เขาใช้เก็บตัวฝึกฝนในทันที มีเื่ราวมากมายที่เขาจะต้องทำการครุ่นคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน มีเื่ราวมากมายที่เขาให้ความสนใจ ดังเช่นเื่กระบี่เทพ
ฟิ้ว!
เย่รั่วสุ่ยเพิ่งจะเลือนหายไป หอที่อยู่ห่างไกลออกไปพลันปรากฏเงาร่างสองสายพุ่งตรงเข้ามา เป็เย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวที่มาพร้อมกัน คาดว่าคงเห็นการมาของพวกเขาทั้งสามก่อนหน้านี้
“ท่านปู่ ผู้าุโสูงสุด!”
“ท่านปู่ใหญ่ ท่านปู่รอง!”
เย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่ทำการคารวะลงพร้อมกันพร้อมกับร้องเรียกขึ้น
“เหอะๆ ทำไมถึงได้กลับมาเร็วเช่นนี้! อืม...กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะมีเื่อะไรเดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง เ้าหนูหาน เ้าจะพักอยู่ทีู่เาด้านหลังต่อหรือจะไปพักภายในตระกูล? ข้าได้สั่งให้คนสร้างสวนที่พักใหม่ขึ้นมาตรงบริเวณตำแหน่งลานที่พักแห่งเดิมของเ้า ดูไม่เลวเลยทีเดียว!” เย่เทียนหลงโบกมือขึ้นอย่างสบายอารมณ์สีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับพูดขึ้น
“หืม? สร้างสวนที่พักใหม่ขึ้นมาให้ข้า? บริเวณตำแหน่งลานที่พักเดิม?”
เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังพลันรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที วิวทิวทัศน์ของูเาด้านหลังแม้จะสวยงามแต่ต้องอยู่กับพวกเย่เทียนหลงทำให้รู้สึกไม่เคยชินและไม่อิสระเป็ตัวของตัวเอง ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าตระกูลเย่สร้างสวนที่พักใหม่ขึ้นมาให้เขาเป็พิเศษแถมยังเป็ตำแหน่งลานที่พักที่เดิมที่ถูกเขาเผาทิ้งไปนั้นอีกด้วย เขาตัดสินใจเลือกอย่างหลังอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“อืม...ถ้าอย่างนั้นข้ากับเย่ชิงอวี่กลับไปพักภายในตระกูลก็แล้วกัน และถ้าไม่มีอะไรทำก็อาจจะมาพักทีู่เาด้านหลังบ้างสักหลายวัน!”
“เหอะๆ เย่ชิงหนิวพูดถูกจริงๆ ว่าเ้าคงไม่เคยชินกับการอยู่พักทีู่เาด้านหลัง เอาละ ชิงหนิวพาพวกเขาลงไป เ้าหนูหานพักผ่อนให้ดีๆ อีกไม่กี่วันเดี๋ยวข้าค่อยไปหาเ้า!” เย่เทียนหลงหัวเราะฮ่าๆ ออกมา หมุนตัวกลายเป็เงาเลือนรางพุ่งหายเข้าไปยังหอที่อยู่ห่างไกลออกไป
เย่ชิงหนิวี้เีเดินจึงพาทั้งสองคนเหาะลอยลงจากเขาไปยังลานที่พักฝั่งตะวันออกโดยตรง เย่ชิงหานนึกขอบคุณเย่ชิงหนิวอยู่ภายในใจ เย่ชิงหนิวอาจจะดูว่าเป็คนประเภทโผงผางขวานผ่าซากอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง แต่กลับมีความอารมณ์ความคิดที่ละเอียดถี่ถ้วนไม่มองข้ามรายละเอียดปลีกย่อยจุดเล็กๆ รู้ว่าเย่ชิงหานมีความความรู้สึกที่ไม่ดีต่อลานที่พักฝั่งตะวันตก ดังนั้นจึงได้สั่งให้คนสร้างสวนที่พักหลังใหม่ขึ้นมาให้แก่เขาเป็พิเศษ โดยยังคงสร้างไว้ยังบริเวณตำแหน่งเดิมที่เขาเคยอยู่
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็มาถึงสวนที่พักฝั่งตะวันออก เย่ชิงหานมองดูวิวทิวทัศน์ที่คุ้นเคยโดยรอบ รวมไปถึงบริเวณพื้นที่ลานที่พักเล็กๆ ที่ตนเองเคยอยู่มาสิบกว่าปีซึ่งในตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยสวนที่พักขนาดใหญ่โตสวยงามที่ตั้งสง่าอยู่อย่างโดดเด่น ภายในใจบังเกิดอารมณ์ความรู้สึกมากมายประดังขึ้นมาอย่างอดเสียมิได้
ลานที่พักเล็กๆ ที่ตนเองอยู่อาศัยมากว่าสิบปีในตอนนี้ไม่หลงเหลือให้เห็นอยู่แล้ว บ้านร้างซอมซ่อทั้งหลายที่อยู่โดยรอบล้วนถูกรื้อถอนออกไปจนหมดและถูกปลูกแทนที่ด้วยต้นไม้ประดับมากมายขึ้นมาแทน ใจกลางต้นไม้ที่เขียวขจีเ่าั้มีสวนที่พักขนาดกว้างใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง และที่ประตูใหญ่ของสวนที่พักแห่งนี้มีตัวอักษรสีทองสามตัวที่ส่องประกายแสงเจิดจ้าลานตาออกมาให้เห็น - หอหานซิน
“ยินดีต้อนรับนายน้อยใหญ่กลับหอ!”
ในเวลานี้เองภายในสวนมีเงาร่างแปดสายที่คุ้นเคยเดินออกมาจนถึงด้านนอกของประตูใหญ่พร้อมกับทำการคารวะคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดขึ้นพร้อมๆ กัน รูปร่างของทั้งแปดดูราวกับเสาประตูใหญ่ที่มั่นคงแข็งแรงพร้อมด้วยใบหน้ารอยยิ้มประจบสอพลอ ทั้งแปดคนก็คือยามเฝ้าประตูหน้าจวนทั้งแปดที่เย่ชิงหานคุ้นเคยเมื่อก่อน
“เหอะๆ ทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืนแน่นอน เื่ราวต่างๆ และผู้คนก็เช่นกัน เปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน ไปกันเถอะชิงอวี่ ไปดูบ้านใหม่ของเรากัน!” เย่ชิงหานหัวเราะเหอะๆ ออกมาจูงมือเย่ชิงอวี่เดินเข้าไปภายใน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้