ทันทีที่ได้ยินหลานสาวพูดถึงผู้เฒ่าหลี่ นางก็อยากปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว แต่เสียงของหลี่เป่าจูดังขึ้นกระทบหู
“หลี่ชิงหลิง อย่าเอาท่านปู่มาขู่ท่านย่า ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าฟ้องท่านปู่บ่อยๆ ท่านปู่ก็คงไม่ปฏิบัติกับย่าแย่ๆ แต่ก่อนท่านปู่เชื่อฟังท่านย่ามากเลยเถอะ”
หลี่เป่าจูพูดอย่างมีชั้นเชิง กระตุ้นความโกรธของนางหลิวได้สำเร็จ
ถูกต้อง แต่ก่อนชายชราเคยฟังนางเป็อย่างดี แต่ตอนนี้กลับขู่ว่าจะหย่ากับนางเป็พักๆ
ทั้งหมดนี้เป็ความผิดของหลี่ชิงหลิง ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ตาเฒ่าจะเป็แบบนี้ได้อย่างไร?
"แกต้องให้ลูกไก่กับข้า ถ้าไม่ให้ ข้าจะให้ทุกคนได้เห็นว่าแกไม่เคารพคนแก่” นางหลิวมองหลี่ชิงหลิงด้วยความโกรธ น้ำเสียงแสดงชัดถึงการคุกคาม
แววตาหลี่ชิงหลิงมืดลงชั่วขณะ เหลือบมองหลี่เป่าจูที่ดูพออกพอใจ ไม่ได้เจอกันพักหนึ่ง เหมือนหลี่เป่าจูจะมีสมองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถึงขั้นสร้างความขัดแย้งได้
มุมปากนางยกขึ้นยิ้มเ็า ก่อนจะหันกลับไปมองนางหลิว "ท่านย่า แน่ใจหรือว่าอยากทะเลาะกับข้าตรงนี้จริงๆ? หืม?” ถ้านางกลัวนางหลิว นางก็คงไม่ใช่หลี่ชิงหลิง "ถ้าข้าเผลอพูดเื่ในอดีตก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน เพราะข้าก็ไม่ได้ตั้งใจ"
"แก..." นางหลิวกัดฟันจ้องหลี่ชิงหลิง มาถึงจุดที่หลี่ชิงหลิงกล้าที่จะคุกคามนางแล้ว "แกยังเป็หลานสาวของข้าหรือไม่ หา? หลานสาวบ้านไหนขู่ย่าตัวเองแบบนี้?” หลี่ชิงหลิงกล้ามากขึ้น ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาหนักขึ้นเรื่อยๆ
เอะอะก็ขู่เข็ญนาง ทำให้นางโมโหมาก
คำพูดแบบนี้อีกแล้ว นางหลิวไม่มีคำพูดอื่นแล้วหรือ?
หลี่ชิงหลิงเบะริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ "แล้วคุณย่าปฏิบัติกับข้าเหมือนหลานสาวหรือเ้าคะ" ผู้คนต่างมีกันและกัน ในฐานะย่าที่ทำไม่ดีกับหลานสาว แล้วจะให้นางทำดีกับย่าได้อย่างไร นางไม่ใช่แม่พระที่รักทุกสรรพสิ่ง
“ท่านย่า ข้าว่าปล่อยเถอะ หลายคนเริ่มมองแล้ว ถ้าคนอื่นรู้ว่าท่านขโมยลูกไก่หลานสาว คนที่เสียหน้าจะเป็ท่าน ถ้าท่านปู่รู้ว่าเสียหน้าถึงในเมือง ท่านว่าท่านปู่จะโมโหเป็พิเศษไหม? ไม่ได้ขู่จริงๆ นะเ้าคะ แค่แนะนำเฉยๆ จะฟังไม่ฟังก็แล้วแต่เ้าค่ะ”
หันกลับไปมองหลี่เป่าจูที่กำลังจะพูดอีกครั้งแล้วกล่าว "พี่เป่าจู ข้าแนะนำว่าอย่าสร้างความแตกแยกอีก คิดให้ดีๆ ถ้าไม่ใช่เพราะแต่ก่อนแม่พี่เอาแต่หาเื่พูดไม่หยุด ท่านย่าคงไม่ทำเื่โง่ๆ แล้วโดนท่านปู่ด่า”
แค่สร้างความแตกแยก หลี่เป่าจูทำเป็ แต่นางเก่งยิ่งกว่า
"หลี่ชิงหลิง อย่ามาใส่ร้ายท่านแม่ของข้า" หลี่เป่าจูหน้าแดงเมื่อนึกถึงมารดาที่หย่าร้างไป ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ชิงหลิง ท่านแม่ของนางก็คงไม่โดนหย่า ทั้งหมดก็เพราะยัยหลี่ชิงหลิง
หลี่ชิงหลิงยักไหล่ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา "ท่านย่ารู้ดีที่สุดว่าข้าใส่ร้ายแม่พี่หรือไม่" นางกล่าวถึงนางหลิน ทำให้หน้าของนางหลิวกระตุก นางใช้โอกาสนี้ดึงเล้าไก่กลับมา
บังเอิญหลิวจือโม่กลับมาพอดี เขานั่งอยู่บนเกวียนวัว เมื่อเขาเห็นนางหลิวและหลี่เป่าจูก็รีบเรียกหลี่ชิงหลิง
หลังจากะโลงจากเกวียน เขารีบเดินไปข้างกายหลี่ชิงหลิง มองนางด้วยสายตาพินิจ แล้วถามนางว่ามีเื่อะไรหรือไม่?
ทุกครั้งที่เจอนางหลิวไม่เคยมีเื่ดี
เมื่อเห็นเขามา หลี่ชิงหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางยื่นเล้าไก่ทั้งสองให้หลิวจือโม่ ดูซิว่าไก่อยู่ในมือของหลิวจือโม่แล้วนางหลิวจะกล้าเข้ามาแย่งไหม?
หลิวจือโม่มองนางหลิวอย่างเ็า ทั้งสองคนสะดุ้งเล็กน้อย แต่พวกเขาไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นเขาจึงถอนสายตาออกด้วยความพอใจ ก้มมองหลี่ชิงหลิงและพูดเสียงอ่อนโยน "ไปกันเถอะ กลับบ้านกัน” พูดจบก็เดินกลับไปที่เกวียนวัว
หลี่ชิงหลิงหันหลังเดินตามหลิวจือโม่ไป จับมือที่ยื่นออกมาและขึ้นบนเกวียนวัว
เมื่อเห็นว่านางนั่งมั่นคงแล้ว หลิวจือโม่จึงขอให้คนขับเริ่มออกตัว
เมื่อเห็นว่าทั้งหลิวจือโม่และหลี่ชิงหลิงจากไปแล้ว หลี่เป่าจูก็พูดอย่างไม่พอใจ "ท่านย่าเห็นหรือไม่ บนนั้นมีของเต็มเลย ชิงหลิงเป็คนใจร้าย ซื้อของเยอะขนาดนั้นแต่ไม่รู้จักกตัญญูต่อท่านกับท่านปู่” หากแววตาของหลิวจือโม่ไม่น่ากลัวเกินไป นางคงขึ้นไปดูว่าหลี่ชิงหลิงซื้ออะไรเต็มเกวียน
ดูท่าข่าวตั้งร้านในเมืองทำเงินได้เยอะจะเป็เื่จริง "ท่านย่า ชิงหลิงซื้อของเยอะขนาดนั้นคงได้เงินไม่น้อยจริงๆ"
เห็นได้ชัดว่านางหลิวก็คิดถึงเื่นี้เช่นกัน วันนี้นางเข้าเมืองก็เพราะได้ยินข่าวลือในหมู่บ้านว่า หลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่ตั้งแผงขายในเมือง ธุรกิจไม่เลวเลย นางอยากมาดูว่าจริงไหม หากจริง นางจะหาทางยึดแผงนั้นมาขายเอง
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าถึงประตูเมืองแล้วจะเจอหลี่ชิงหลิง ดูสภาพแล้วเหมือนไม่ได้ตั้งแผงอะไร เหมือนจะเสียเที่ยวเสียแล้ว
"ไปกันเถอะ กลับกัน" นางหลิวหันหลังกลับและจากไปด้วยใบหน้าที่มืดมน ไม่เพียงแต่ไม่เห็นหลี่ชิงหลิงตั้งแผงขาย แต่ยังโดนทำให้โมโหอีก ขาดทุนจริงๆ
หลี่เป่าจูหันมองเมืองตรงหน้า “ท่านย่า มาถึงนี่แล้ว ไม่เข้าไปเดินหรือ?” นางเดินตามย่ามาอย่างลำบากลำบนเพราะอยากซื้อดอกไม้ปักผมดอกเล็กๆ แต่ตอนนี้ต้องกลับั้แ่ยังไม่ได้เข้าเมืองด้วยซ้ำ นางย่อมไม่พอใจ
นางหลิวตำหนิหลี่เป่าจู "เดินอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าชักช้า ข้าคงไม่เสียเที่ยวแบบนี้” นางทิ้งงานที่บ้านเพื่อเข้าเมืองโดยเฉพาะ ใช่เื่เล็กๆ หรือ? “เร็วเข้า รีบกลับไปทำงาน คิดว่าไม่ทำงานแล้วจะมีข้าวกินรึ?” พลางดุพลางเร่งฝีเท้า
ถ้ารู้คงไม่มากับย่าแล้ว คราวหน้าจะมาตลาดกับชาวบ้านจะได้เดินไม่เหนื่อยมาก แถมยังไม่ได้เข้าเมืองด้วยซ้ำนี่สิ นางเสียใจจริงๆ
แต่เด็กสาวไม่กล้าบ่น ตอนนี้นางหลิวอารมณ์ไม่ดี ถ้านางบ่น นางจะถูกนางหลิวดุจนตาย
ในขณะที่หลี่ชิงหลิงแตกต่างโดยสิ้นเชิง นางกับหลิวจือโม่กลับบ้านด้วยเกวียนวัว จ่ายค่าโดยสาร ขนของลงจากเกวียน
เด็กๆ ในครอบครัวหลายคนเห็นไก่ในเล้าไก่แล้วนั่งยองๆ ยื่นมือไปหยอกไก่อย่างมีความสุข
แม้แต่เสือน้อยก็เข้ามาร่วมสนุก เบิกตาดูลูกไก่เ่าั้
เสือน้อยถูกเลี้ยงมาหนึ่งเดือน เริ่มโตพอสมควรแล้ว อาจเป็เพราะมันดื่มนมแพะผสมกับน้ำจิติญญา ขนจึงนุ่มลื่นและเติบโตอย่างรวดเร็ว
หลิวจือโหรวลูบหัวเสือน้อยอย่างรักใคร่ "อาหวง อย่าทำให้ลูกเจี๊ยบกลัวสิ”
อาหวงใช้หัวดุนหลิวจือโหรว ทำให้เด็กหญิงหัวเราะคิกคัก จากนั้นจึงหันหลังและจากไป วิ่งไปหาหลี่ชิงหลิงและเริ่มออดอ้อน
อาจเป็เพราะน้ำจิติญญา อาหวงใกล้ชิดหลี่ชิงหลิงที่สุดในครอบครัวนี้ ตอนกลางคืนก็ตามไปนอนข้างกายนาง
หลี่ชิงหลิงคิดว่าบ้านหลังนี้ค่อนข้างจะแย่และไม่ปลอดภัยในตอนกลางคืน เมื่อมีมันน่าจะปลอดภัยกว่ามาก ดังนั้นนางจึงยอมปล่อยให้มันตามกลับบ้านไปนอน
หลี่ชิงหลิงคุกเข่าลงกอดอาหวงอย่างรักใคร่ "อาหวง วันนี้เชื่อฟังหรือเปล่า ไม่ได้ทำให้พวกแม่แพะใใช่ไหม ข้าบอกเลยนะ ถ้าแกอยากกินนมต่อก็อย่าไปทำให้แม่แพะใจนนมหายหมดล่ะ เข้าใจไหม?” ่แรกลูกเสือชอบไปวิ่งวนรอบแม่แพะ ทำให้มันใร้องและผลิตน้ำนมน้อยลง
หลังจากที่เด็กสาวรู้ก็เตือนเสือน้อยว่าอย่าทำให้แม่แพะในสวนหลังบ้านแตกตื่น
วันที่โดนเตือน ลูกเสือก็จะไม่ไป แต่วันต่อมาก็จะเริ่มทำแบบเดิม ทำให้นางต้องเตือนมันทุกวัน
นางรู้สึกว่าถ้าพูดเยอะๆ มันจะต้องจำได้
ไม่รู้ว่าเสือน้อยเข้าใจหรือไม่ มันเอาหัวโตๆ มุดเข้ามาในอ้อมแขนและถูไปมา
หลี่ชิงหลิงเห็นแบบนี้จึงเล่นกับมันสักพัก เมื่อนางกำลังจะยืนขึ้น หูของเสือน้อยก็ขยับ ก่อนที่หลี่ชิงหลิงจะทันได้ตอบสนอง มันก็หันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในบ้าน
ทันใดนั้น เสียงร้องไห้ของหลี่ชิงหนิงก็ดังขึ้น
เมื่อหลิวจือโม่ได้ยินก็หัวเราะ "อาหวงไม่เพียงแต่ดูแลบ้าน แถมยังเป็พี่เลี้ยงเด็ก ดูแลเด็กๆ ด้วย" เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าอาหวงจะเข้ากับครอบครัวของพวกเขา และเป็เหมือนสมาชิกในครอบครัวได้เป็อย่างดีแบบนี้
แต่พวกเขาก็ยัง้าเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับจากชาวบ้าน แม้ว่าอาหวงจะไม่ได้ทำร้ายชาวบ้าน แต่ทุกคนเห็นมันแล้วจะเกิดความกลัวและคิดหาวิธีขับไล่
ดังนั้นเขาและหลี่ชิงหลิงจึงย้ำเด็กๆ ซ้ำๆ ว่าอย่าปล่อยให้อาหวงออกไป หากวิ่งออกไปแล้ว มันอาจจะไม่ได้กลับมาอีก
เด็กๆ ในครอบครัวรับรู้ถึงความร้ายแรง ต่างพากันพยักหน้า เฝ้าดูอาหวงไม่ให้มันออกไป
หลี่ชิงหลิงหัวเราะ ขอให้หลี่ชิงเฟิงเข้าไปอุ้มน้องสาวออกมาโดยเร็ว ถ้าเขาช้ากว่านี้ อาหวงจะคาบน้องออกมาแน่
คราวก่อนก็แบบนี้ น้องร้องไห้ พวกเขาไม่ทันได้ยิน อาหวงจึงคาบนางออกมาจากห้อง
พวกเขาเห็นแล้วใพอตัว แต่น้องสาวกลับมีความสุข ยิ้มและหัวเราะคิกคัก
พวกเขาทั้งขำและทำตัวไม่ถูก...
หลี่ชิงเฟิงวิ่งไปที่ห้อง เขาเข้าไปและเห็นอาหวงกำลังจะขึ้นไปบนเตียง เขาจึงเรียกอาหวง วิ่งเข้าไปอุ้มน้อง เตือนอาหวงอีกครั้งว่าอย่าคาบอีก ถ้าล้มขึ้นมาจะแย่
ไม่ว่าอาหวงจะเข้าใจหรือไม่ เขาก็เดินออกมาพร้อมน้องสาวแล้ว
อาหวงเกาขอบเตียงอย่างไร้เดียงสา ลดอุ้งเท้าลงแล้วรีบตามออกไป
