บ้านที่หัวเมืองมอบหมายให้สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งดูแล ภรรยาทำอาหารทำความสะอาด สามีเฝ้าประตูและทำงานที่ต้องใช้แรง
ที่เหลือให้เจียงไฉพาไปที่ร้านขายผ้า ถือโอกาสนำของที่หลินหวั่นชิวนำมาไปด้วยกัน
บ้านและร้านขายผ้าอยู่ห่างกันไกล ที่หนึ่งอยู่เหนือ ที่หนึ่งอยู่ใต้ อยู่คนละฟากเมืองพอดี
บ้านทั้งสองแห่งมีหน้าร้าน ตอนนี้หลินหวั่นชิวขาดแคลนเงินมาก แต่นางลงนามในสัญญากับตู้ซิวจู๋ เปิดอันอี้จวีในหัวเมืองไม่ได้ หัวเมืองเปิดได้แค่ร้านชิงอี้จวีอันเป็ร้านในเครือ
หลินหวั่นชิววางแผนว่าจะเปิดร้านตำรา
ดูขนาดแล้ววาดผังร่างออกมา ไม่จำเป็ต้องวัดขนาดให้ถูกต้องเหมือนยุคปัจจุบัน
เพราะช่างฝีมือยุคนี้ฝีมือดีมาก
แค่ให้ดูผังร่างก็สามารถทำออกมาได้อย่างเยี่ยมยอด หากให้ค่าแรงมากหน่อย เช่นนั้นของที่ทำออกมาไม่เพียงแต่จะประณีต แต่ยังทนทาน
เพียงครู่เดียวก็วาดผังร่างเสร็จ หลินหวั่นชิวให้เจียงไฉช่วยหาช่างมาทำร้าน
ยายเฒ่าที่อยู่ที่นี่เป็คนทำมื้อเที่ยง รสชาติพอทานได้ หลินหวั่นชิวคิดว่าหากมีเวลาจะให้ยายสวีมาสอนอีกฝ่ายทำอาหาร เพราะตัวนางเองไม่มีเวลาเป็แน่
ทานมื้อเที่ยงเสร็จ หลินหวั่นชิวตามเจียงหงหย่วนไปหยาเหมินประจำจังหวัด
หวงจ้งซานรอพวกเขาอยู่
พบหน้าแล้วทักทายตามมารยาท หวงจ้งซานให้คนพาสตรีสาวเ่าั้ออกมา
ตอนนั้นหวงจ้งซานเป็คนช่วยพวกนางออกมา สตรีสาวเหล่านี้จึงคุ้นเคยกับเขา
“แม่นางทุกท่าน พวกเ้าคงรู้กฎของราชสำนัก บัดนี้ครบกำหนดระยะเวลาแล้ว สตรีอายุครบสิบห้าที่ไม่มีครอบครัวมารับตัวจะถูกจับคู่ให้ครัวเรือนทหาร ยังไม่สิบห้าจะถูกส่งไปโรงทาน รออายุครบแล้วจะจัดสรรให้ครัวเรือนทหารเช่นกัน…”
หวงจ้งซานพูดถึงตรงนี้ บรรดาสตรีสาวพากันมีสีหน้าโศกเศร้า พวกนางถูกลักพาตัว ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะได้รับการช่วยเหลือ นึกไม่ถึงว่า…สุดท้ายจะถูกทอดทิ้งอยู่ดี
ครอบครัวยากจนมารับตัวลูกสาวไปขาย สตรีสาวที่เหลือส่วนใหญ่มาจากครอบครัวฐานะดี
ชะตาชีวิตของพวกนางช่าง…
หลายคนตาแดง เริ่มเช็ดน้ำตา
“ทว่าตอนนี้มีทางเลือกอีกทาง เจียงไท่ไท่ท่านนี้จะเปิดร้านขายผ้า ้ากำลังคน หากพวกเ้าคนใดเย็บปักถักร้อยเป็ เย็บผ้าเป็ รู้หนังสือ ไท่ไท่ผู้นี้ยินดีว่าจ้าง ก่อนอายุครบสิบเจ็ด ผู้ที่ถูกว่าจ้างมีสิทธิ์เลือกคู่ครองได้เองโดยไม่ถูกทางการบังคับ”
สำหรับพวกนาง ขอแค่ไม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับครัวเรือนทหารก็ดีมากแล้ว
ครัวเรือนทหารมีฐานะทางสังคมไม่ต่างจากทาส สมาชิกบุรุษทุกผู้ทุกนามในบ้านต้องเป็ทหาร ไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดาที่จะส่งสมาชิกบุรุษมาร่วมกองทัพก็ตอนที่ราชสำนักเกณฑ์กำลังพลเท่านั้น
อีกอย่าง ชาวบ้านธรรมดาเป็ทหารแค่ไม่กี่ปีก็กลับบ้านไปทำการเกษตรได้ ไม่เหมือนครัวเรือนทหาร
ต่อให้ตายก็ต้องตายในกองทัพหรือสนามรบ
ยิ่งไปกว่านั้น ครัวเรือนที่ราชสำนักจับคู่ให้ส่วนใหญ่ก็าเ็พิการ ขนาดบุตรสาวของบ้านครัวเรือนทหารด้วยกันยังไม่มีผู้ใดอยากแต่งงานด้วย
บุรุษเช่นนี้…ต้องยอมรับว่าหากแต่งงานด้วยคงไม่ต่างกับะโเข้ากองไฟ
เมื่อหวงจ้งซานพูดจบ สีหน้าสตรีสาวเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนไป แววตาที่เศร้าโศกเริ่มมีความหวัง
มีสตรีสาวที่ใจกล้าเอ่ยถามหลินหวั่นชิวว่า “ไม่ทราบว่าเจียงไท่ไท่จะให้ค่าแรงพวกข้าเท่าไร รวมกินอยู่ด้วยหรือไม่?”
หลินหวั่นชิวตอบ “ค่าแรงต่ำสุดเดือนละห้าร้อยอีแปะ สูงสุดไม่จำกัด ขอแค่มีความสามารถที่จะทำได้เป็พอ ค่ากินอยู่ย่อมรวมด้วย อีกอย่าง ทุกเดือนมีวันหยุดสี่วัน ผู้ดูแลจะเป็คนจัดตารางวันหยุดให้ ข้าเปิดร้านทำธุรกิจ ขอแจ้งไว้เลยว่าหากเป็ผู้มีความสามารถก็ยินดีรับไว้ แต่หากเป็พวกี้เี ขี้โกงและชอบพูดยุยงให้แตกคอกัน…เช่นนั้นข้าไม่ขอรับไว้ ส่งกลับคืนให้หยาเหมินจัดสรร ข้าจะลงนามทำสัญญากับผู้ที่ยินดีไปร้านขายผ้า ระบุเงื่อนไขทั้งหมดในสัญญา ถือเป็หลักประกันให้พวกเราทั้งสองฝ่าย”
หลินหวั่นชิวพูดจบ แม่นางหลายคนพากันพูดว่าจะไปร้านขายผ้า ซาบซึ้งใจต่อหลินหวั่นชิวมาก
แต่ถึงกระนั้นก็มีบางส่วนที่พูดจาไม่ดี
“จะรู้ได้อย่างไรว่านางจะหลอกพวกเราไปขายหรือไม่!” หญิงสาวสวมชุดผ้าแพร หน้าตาพอใช้ได้นางหนึ่งกล่าวอย่างแฝงความหมาย
“จินหลิง เ้าอย่าพูดเหลวไหลเช่นนี้ เจียงไท่ไท่จะทำสัญญากับพวกเรานะ” มีแม่นางดึงแขนเสื้อเอ่ยเตือนนาง
แม่นางที่ถูกเรียกว่าจินหลิงทำสีหน้ารังเกียจ นางดึงแขนเสื้อตัวเองกลับอย่างไม่พอใจ พูดยิ้มเยาะว่า “หนังสือสัญญา? ขุนนางกับพ่อค้าสมคบคิดกัน ออกไปแล้วขายพวกเ้าเข้าหอโคมเขียว พวกเราล้วนเป็สตรี มิมีผู้ใดให้พึ่งพา แม้จะมีหนังสือสัญญาก็เปล่าประโยชน์! พวกเราแค่ถูกลักพาตัว ไม่ได้สูญเสียความบริสุทธิ์ แต่คนที่บ้านกลับไม่้าพวกเรา เห็นพวกเราเป็คนตาย เมื่อถูกสตรีคิดไม่ซื่อนางนี้ขายเข้าหอโคมเขียว…เหอะๆ…เมื่อนั้นคงยิ่งไม่มีผู้ใดสนใจแล้ว”
เมื่อนางพูดจบ แม่นางเหล่านี้ราวกับถูกราดน้ำเย็นใส่หัว ไม่ส่งเสียงใดอีก
“โอหังนัก…เ้า…” หวงจ้งซานโมโห แต่หลินหวั่นชิวห้ามเขาไว้
“หวงต้าเกอ ข้ามีความตั้งใจดี พวกนางยินดีเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อข้าก็ไม่บังคับ ทุกคนล้วนมีสมอง สามารถพิจารณาทั้งคำพูดของข้าและของแม่นางท่านนี้ ที่นี่คือหยาเหมิน ไม่มีผู้ใดบังคับพวกเ้าได้”
การทำความดี…จะหลับหูหลับตาทำไม่ได้
เพราะว่ากันตามตรง คนที่ติดค้างพวกนางไม่ใช่หลินหวั่นชิว ไม่ใช่เจียงหงหย่วนที่ฆ่านักบุญสวี่เช่นกัน
หากทำความดีแล้วกลายเป็บาป…เช่นนั้นนางยอมไม่ทำ
“ข้าให้เวลาพวกเ้าตัดสินใจหนึ่งถ้วยชา” หลินหวั่นชิวยกชาบนโต๊ะขึ้นจิบ “หลังครบเวลา…ข้าจะไป ร้านขายผ้า้ากำลังคน ที่ตลาดฝั่งตะวันตกมีช่างฝีมืออีกมาก ข้ามีเงิน ย่อมซื้อตัวพวกเขาได้ วันนี้มาถามพวกเ้าเพราะหวงต้าเกอรู้สึกสงสาร อยากช่วยเหลือพวกเ้า ไม่นึกว่า…เจตนาดีจะถูกคนบางคนมองว่าข้าราชการและพ่อค้าสมคบคิดกันเช่นนี้…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้