“แค่กๆๆๆ”
อิ๋งเฟิงสำลักเสียจนหน้าแดงก่ำ เขารีบซดน้ำแกงสองอึกใหญ่ อาการจึงบรรเทาลง
จิ้งจอกน้อยชะเง้อมอง และเห็นว่าน้ำแกงเหลือเพียงก้นชามแล้ว
โหยวพิงถิงคงคิดไม่ถึงว่าน้ำแกงที่นางลงมือทำด้วยตนเองจะเข้าไปอยู่ในท้องของอิ๋งเฟิงเสียอย่างนั้น
นับว่าเป็ลาภปากแล้ว
แววตาที่มีชีวิตชีวาของจิ้งจอกน้อยแฝงไว้ด้วยความหยอกเย้าราวกับเป็มนุษย์ก็ไม่ปาน
“ท่านอ๋องบอกให้ข้ากินน้ำแกงนี้”
อิ๋งเฟิงเช็ดปากอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบแก้ตัว
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็เพียงสัตว์ตัวหนึ่ง ทว่าเหตุใดสายตาคู่นั้นถึงทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนและอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีกันเล่า?
พิลึกนัก!
“ข้าบอกว่าให้เ้าหาทางจัดการเอาเอง”
กว่าจะตั้งเวทีแสดงได้ช่างยากลำบาก ทว่ากลับถูกเ้านายของเขาทำลายมันลงอย่างไร้ความปรานี
เขาไม่หลงเหลือภาพลักษณ์ใดๆ แล้ว!
เมื่อได้ยินว่าฮั่วเยี่ยนไหวยังสามารถหยอกเย้าผู้อื่นได้อยู่ ไป๋เซี่ยเหอก็วางใจ นางเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเหตุใดตนเองถึงต้องยอมเสียเืมากมายปานนี้เพื่อจำแลงเป็จิ้งจอกมาที่จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง
นางอาจกลัวว่าฮั่วเยี่ยนไหวจะจมอยู่กับความเ็ปจนถอนตัวไม่ขึ้นกระมัง
แม้ว่าท่าทีของเขาในตอนนี้จะดูโดดเดี่ยวเสียจนปิดไม่มิด ทว่าก็ไม่ได้ย่ำแย่เท่าที่นางคิด
ฮั่วเยียนไหวอุ้มจิ้งจอกน้อยไว้ในมือ ความรู้สึกอันว่างเปล่าราวกับถูกเติมเต็มก็ไม่ปาน
“เหตุใดจู่ๆ ถึงได้กลับมา?”
ควรตอบอย่างไรดีเล่า?
เนื่องจากจังหวะเวลาในการกลับมาประจวบเหมาะเกินไป
จิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องเบาๆ สองที ก่อนจะเอาหัวถูไถฝ่ามือของเขาแล้วนอนซุกในท่าที่สบาย
แววตาเฉลียวฉลาดของมันฉายแววปลอบโยน
เป็สหายที่น่าคบหาจริงๆ
“นางบอกเ้าหรือ?”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาหมายถึงผู้ใด
จิ้งจอกน้อยพยักหน้า ก่อนจะเอาหัวถูไถกับฝ่ามือของบุรุษอีกครา
“หงิงๆ”
อย่าเสียใจไปเลย
เขายืนอยู่ตรงหน้าต่าง เงยหน้ามองแสงจันทร์
เขาเปรียบได้กับหมาป่าเดียวดาย ทั้งโดดเดี่ยวและเย่อหยิ่ง
หยดน้ำหยดหนึ่งร่วงหล่นลงมาบริเวณศีรษะของไป๋เซี่ยเหอ จากนั้นก็กลิ้งลงมาตามเส้นขนอันเรียบลื่นของนาง
นางลองเลียดู หยดน้ำนี้มีรสเค็ม
จิ้งจอกน้อยขยับตัว ทว่าถูกฝ่ามือที่กว้างและหนายับยั้งการกระทำเอาไว้
“เด็กดี อย่าขยับ”
น้ำเสียงของเขาแหบพร่าและทุ้มต่ำ ทว่าราวกับมีอาคมบางอย่างสะกดนางไว้
นางหยุดดิ้นและนอนอยู่บนฝ่ามือของเขาอย่างเชื่อฟัง อุ้งเท้าสั้นสองข้างโอบนิ้วหัวแม่มือของเขาเอาไว้ มอบการปลอบโยนอันไร้เสียงให้กับเขา
เมื่อได้ยินฮั่วเยี่ยนไหวเล่าเื่ราวในอดีตด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ นางก็เงียบทันที
คำว่าเป็ทั้งอาจารย์ทั้งสหายไม่อาจบรรยายความผูกพันของพวกเขาได้ ทั้งคู่ถือเป็สองผู้แข็งแกร่งที่มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
เมื่อเป็เื่ของการโทษตัวเองและความรู้สึกผิดของเขา นางไม่ค่อยเข้าใจนัก ทว่านางรับรู้ได้ถึงความหดหู่ที่กดทับอยู่กลางอก
แม่ทัพโหยวกับแม่ทัพไป๋เป็สองแม่ทัพใหญ่ซ้ายขวาของราชวงศ์ปัจจุบัน ความดีความชอบทางการทหารเรียกได้ว่าทัดเทียมกัน
ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความทะเยอทะยานของไป๋เสียนอันแล้ว แม่ทัพโหยวมีความสุขุมและเด็ดเดี่ยวกว่า ทั้งยังรับใช้บ้านเมืองด้วยความภักดี
นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดผู้ที่ฮั่วเยี่ยนไหวติดตามคือแม่ทัพโหยว ไม่ใช่ไป๋เสียนอัน
ตลอดชีวิตของแม่ทัพโหยวมีภรรยาเพียงคนเดียว ยามที่ให้กำเนิดโหยวพิงถิงนั้น ภรรยาของเขาเผชิญกับภาวะคลอดบุตรยากและต้องจบชีวิตลง จึงเหลือบุตรีวัยแบเบาะเพียงคนเดียว
แม่ทัพโหยวจำต้องหยิบดาบสู้รบกับศัตรู เพื่อดูแลบุตรีอันนุ่มนิ่มและบอบบางของตนเอง
แม้ในยามที่ต้องไปรักษาการณ์ที่ชายแดน เขาก็พาบุตรีไปด้วย
ไม่แปลกใจว่าเหตุใดฮั่วเยี่ยนไหวถึงได้ยอมให้อันหนิงจวิ้นจู่เข้าพักในจวนเซ่อเจิ้งอ๋องที่ไม่มีสตรีสักนาง
สำหรับสหายเก่าแล้ว บุตรีเพียงคนเดียวที่เขาเลี้ยงมากับมือ คือความเสียดายและสิ่งติดค้างอย่างสุดท้ายก่อนที่เขาจะตาย
“ท่านอ๋องทรงพักผ่อนเถิด ท่านไม่ได้บรรทมมาหลายวันแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงเป็กังวลของอิ๋งเฟิงดังแว่วมาจากนอกเรือน
จิ้งจอกน้อยลอบช้อนตามอง รอยคล้ำใต้ตาของฮั่วเยี่ยนไหวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าที่เคยเกลี้ยงเกลากลับมีหนวดเคราขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเป็จริงอย่างที่อิ๋งเฟิงกล่าว
เขาควรพักผ่อนได้แล้ว ไม่อย่างนั้นร่างกายจะรับไม่ไหว
“กรร!”
ไป๋เซี่ยเหอใช้ปากคาบชายเสื้อของเขาไว้ จากนั้นก็ยกอุ้งเท้าน้อยชี้ไปยังห้องพักที่อยู่ด้านหลังห้องหนังสือ
“หงิง!”
“ข้าไม่ง่วง...”
“กรร...”
อุ้งเท้าเล็กชูขึ้นกลางอากาศ นางแยกเขี้ยวยิงฟันด้วยเจตนาข่มขู่อย่างยิ่ง
ราวกับว่าจะโจมตีหากไม่เชื่อฟัง
“กรร”
ก้อนสีขาวขนาดเล็กพยายามทำท่าทางที่ ‘ดุร้าย’ มาก
ทว่ากลับดูน่ารักเป็อย่างยิ่งแทน
“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อยแล้ว”
ฮั่วเยี่ยนไหวจนปัญญาเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะเลี้ยง ‘สัตว์ดุร้าย’ ตัวหนึ่งเสียแล้วสิ
อุ้งเท้าเล็กๆ เช่นนั้นจะข่มขู่เขาได้หรือ?
เพียงกลัวว่าจิ้งจอกน้อยจะเอะอะเท่านั้นเอง
อืม
กลัวเอะอะ
หลังจากล้มตัวนอนลงบนเตียงได้ครู่เดียว ก้อนสีขาวขนาดเล็กที่ขดตัวอยู่ข้างกายก็หายใจอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังส่งเสียงกรนอย่างแ่เบา
ฮั่วเยี่ยนไหวลูบจมูกของจิ้งจอกน้อย หลับเร็วกว่าเขาเสียอีก
เช้าวันต่อมา
ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง ฮั่วเยี่ยนไหวก็ตื่นแล้ว การเคลื่อนไหวของเขาแ่เบา ทว่าจิ้งจอกน้อยที่มีประสาทััดีกลับรู้สึกตัว ก่อนจะะโเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยไม่ลืมตา
นอนคนเดียว...
ไม่สิ นอนตัวเดียวบนเตียงที่ใหญ่ปานนี้ทำให้ร่างกายหนาวเหน็บเกินไป
นอนในอ้อมแขนสบายยิ่งกว่า
ทั้งอบอุ่น ทั้งอ่อนนุ่ม และยังมีกลิ่นสะระแหน่เจือจางทำให้หลับสนิทอีกด้วย
ฮั่วเยี่ยนไหวมองเ้าก้อนขนปุยน้อยๆ ในอ้อมแขนอย่างร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก
“ท่านอ๋องตื่นแล้วหรือยังเ้าคะ?”
ไป๋เซี่ยเหอลืมตาขึ้นเล็กน้อย
“เข้ามา”
เสียงของฮั่วเยี่ยนไหวดังขึ้นจากเหนือศีรษะของนาง น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าต่อต้าน ทว่าก็ไม่ได้กระตือรือร้นเช่นกัน มีเพียงความเฉยเมยเท่านั้น
โหยวพิงถิงในชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อนค่อยๆ ก้าวเข้ามา ในมือถือกล่องอาหารมาด้วย
“ข้าต้มข้าวโพดแต่เช้า ท่านอ๋องทานรองท้องหน่อยเถิดเ้าค่ะ”
นางก้มศีรษะด้วยความขลาดกลัวเล็กน้อย
ไม่ได้พบกันหลายปี ตอนนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครา ในใจจึงรู้สึกกดดันและตื่นกระหนกอย่างอธิบายไม่ได้
“ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นนะเ้าคะ เพียงหากอาศัยอยู่ที่นี่แล้วไม่ทำอะไรบ้าง ก็ย่อมรู้สึกไม่สบายใจเ้าค่ะ”
“เ้าไม่ต้องคิดมาก”
ฮั่วเยี่ยนไหวปลอบคนไม่เป็ ดังนั้น ถ้อยคำปลอบใจจึงฟังดูแข็งกระด้างอย่างยิ่ง
“เ้าค่ะ” โหยวพิงถิงวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าจากไป พลันถูกก้อนสีขาวดึงดูดสายตา
“ว้าว จิ้งจอกน้อยน่ารักจัง ท่านอ๋อง มันกัดคนหรือไม่เ้าคะ?”
ขณะที่นางยื่นมือไปหาจิ้งจอกน้อยได้ครึ่งทาง จู่ๆ นางก็หยุดชะงัก คิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย ทำให้ยิ่งดูบอบบาง
“อาจจะกัดกระมัง”
ยามที่จิ้งจอกน้อยกัดหลอดเืแดงที่ลำคอของฉินจิ่นยวนจนขาด ก็กัดเบาๆ เท่านั้น
โหยวพิงถิงลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานเ้าก้อนสีขาวขนปุกปุยตัวนี้ได้
ราวกับว่าสตรีไม่มีพลังต้านทานต่อสัตว์ขนปุกปุยสีขาวเช่นนี้อย่างไรอย่างนั้น
“ท่านอ๋อง ให้ข้าพามันกลับไปเล่นได้หรือไม่เ้าคะ? ข้ารับรองว่าจะดูแลมันเป็อย่างดีเ้าค่ะ”
แววตาของนางเต็มไปด้วยความอ้อนวอน ไฝที่หางตาเพิ่มความงดงามให้กับใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของนาง
ฮั่วเยี่ยนไหวไม่ได้ตอบรับทันที ทว่าก้มหน้ามองเ้าก้อนสีขาวบนฝ่ามือ “เ้าเต็มใจหรือไม่?”
โหยวพิงถิงประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดเขาถึงได้สนทนากับสัตว์ มันฟังรู้เื่หรือ?
ระหว่างที่นางกำลังสงสัย ก็เห็นเพียงว่าเ้าก้อนสีขาวผงกศีรษะ
ร่างกายนางแข็งทื่อกลายเป็หินทันที!
โหยวพิงถิงรับจิ้งจอกน้อยมาด้วยความปีติยินดี นางชมชอบเ้าก้อนสีขาวตัวนี้จริงๆ
ในวันเกิดอายุแปดปีของนาง ท่านพ่อมอบแมวสีขาวตัวหนึ่งให้ และมันก็เป็เพื่อนเล่นเพียงหนึ่งเดียวของนาง
น่าเสียดายที่ในภายหลังนางตกอยู่ในความเศร้าโศกที่บิดาจากไป นางจึงลืมที่จะดูแลแมวสีขาวตัวน้อย เมื่อนางตามหามันอีกครา แมวตัวนั้นก็ออกไปหากินข้างนอกด้วยตนเองแล้ว
เรือนที่โหยวพิงถิงอาศัยอยู่ชั่วคราวอยู่ไกลจากห้องหนังสือของฮั่วเยี่ยนไหว น้ำค้างยามเช้าเกาะอยู่บนยอดหญ้าอ่อน
เมื่อเดินมาถึงเรือน กระโปรงก็เปียกชื้นไปกว่าครึ่ง
“จวิ้นจู่ คุณหนูรองไป๋หว่านหนิงจากจวนสกุลไป๋ขอเข้าเฝ้าเพคะ”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้