เฉินอ้าวเทียน เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ ซ่างกวนหง และโจวมู่ไป๋ พวกเขาต่างมองเย่เฟิงเป็สายตาเดียวกัน ในที่สุดเย่เฟิงก็ปรากฏตัว เช่นนั้นพวกเขาจะทำให้เย่เฟิงไม่ได้กลับไปตลอดกาล!
“ชายผู้นี้เป็ใคร ทำไมข้าดูคุ้นหน้าคุ้นตาเขามาก?” มีคนเอ่ยถาม
“เขาคือเย่เฟิง เมื่อวานนี้ที่นอกหุบเขาเทียนเสวียนเขาสู้กับผู้ฝึกยุทธ์นับสิบ แต่เขาก็รอดมาได้ ตอนนี้อาการาเ็ของเขาหายไปหมดแล้ว ซ้ำยังมาเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ด้วย! ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจำเย่เฟิงได้จึงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ในขณะเดียวกันผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากก็มองไปที่เย่เฟิงและจำเย่เฟิงได้ทันที มีคนไม่น้อยในบรรดาฝูงชนได้เห็นศึกต่อสู้อันน่าทึ่งที่นอกหุบเขาเทียนเสวียนด้วยตาตัวเอง วันนั้นเย่เฟิงราวกับเทพาแห่งยุค หากเทพขวางก็สังหารเทพ เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน ทำให้หลาย ๆ คนต้องใเป็อย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วเย่เฟิงก็ฝ่าวงล้อมของผู้ฝึกยุทธ์นับสิบโดยมีฉินเยียนหรานช่วยเหลือ แม้เขารอดไปได้ แต่อาการก็แสนสาหัส
บัดนี้เย่เฟิงกลับปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนในสภาพร่างกายสมบูรณ์ไร้ร่องรอยขีดข่วนใด ๆ ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองกับสิ่งที่เห็น
“ข้าได้ยินมาว่าตอนที่อยู่ในแดนทดสอบแห่งหุบเขาเทียนเสวียนคนผู้นี้กำราบเฉินอ้าวเทียนและอัจฉริยะคนอื่น ๆ จนคว้าอันดับที่ 1 มาครองได้” มีชายอีกคนกล่าว นี่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาคนหนึ่งจะทัดเทียมกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่อย่างเฉินอ้าวเทียนได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการกำราบเฉินอ้าวเทียน ต่อให้คนอย่างเย่เฟิงจะมอบรองเท้าให้เฉินอ้าวเทียนก็เกรงว่าจะไม่มีสิทธิ์
การปรากฏตัวของเย่เฟิงทำให้เขากลายเป็จุดสนใจในชั่วพริบตา ถึงอย่างไรหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักยุทธ์่นี้ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเย่เฟิง จึงทำให้เขามีชื่อเสียงในระยะเวลาสั้น ๆ
ทว่าเย่เฟิงไม่สนใจคำพูดของผู้คน เขามองคางเจี้ยนตรงหน้าด้วยสายตาเยือกเย็น พร้อมกล่าวขึ้น “ข้าบอกให้เ้าปล่อยเขาไง หูหนวกเหรอ?”
คางเจี้ยนมองเย่เฟิงพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ผู้คนด้านล่างเวทีประลองก็ได้ยินเช่นกัน เย่เฟิงผู้นี้ดูเหมือนอยากมีชื่อเสียงโด่งดังมาก แต่มีหรือคางเจี้ยนจะสนใจ เย่เฟิงก็เป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาเท่านั้น ไม่มีค่าพอจะให้สนใจ
“เ้านับเป็สิ่งใด ถึงกล้าชี้นิ้วสั่งข้า?” คางเจี้ยนกล่าวด้วยสายตาดุดัน
“คนที่จะเอาชนะเ้าไง!” เย่เฟิงตอบกลับ จากนั้นก็พูดต่อ “ข้าคือศิษย์พรรคเทียนเสวียน ข้าจึงมีสิทธิ์ประลองในนามตัวแทนของพรรค เช่นนั้นเ้าก็ปล่อยเขาได้แล้ว!”
“คนที่จะเอาชนะข้างั้นหรือ?” แววตาของคางเจี้ยนชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเผยสีหน้าสนใจขึ้นมา พร้อมกล่าวขึ้น “เ้าจะประลองในนามตัวแทนของพรรคเทียนเสวียนจริง ๆ งั้นหรือ? ข้าขอแนะนำเ้าว่าอย่าทำอะไรโง่ ๆ ด้วยระดับการบ่มเพาะของเ้า แค่การโจมตีเดียวของข้าก็ยังไม่รู้ว่าจะรับได้หรือไม่?”
ต่อหน้าคางเจี้ยน แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ก็ยังเปราะบาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 หากประลองกันจริง ๆ คางเจี้ยนก็สามารถบดขยี้เขาให้แหลกคามือได้อย่างง่ายดาย
“ข้ากำลังถามเ้า จะสู้หรือไม่?” แววตาของเย่เฟิงเผยประกายเยือกเย็นไม่้าให้คางเจี้ยนพล่ามไร้สาระ
“สวะ ในเมื่อเ้าอยากตายมาก งั้นข้าจะสงเคราะห์เ้าให้!” คางเจี้ยนกล่าว จากนั้นเตะร่างชายหนุ่มพรรคเทียนเสวียนคนนั้นออกไป
“คางเจี้ยนแข็งแกร่งมาก เย่เฟิงผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะค่อนข้างต่ำ เขาจะเก่งอย่างในข่าวลือที่ว่านั่นหรือ?” ผู้คนเห็นฉากนี้ก็ต่างใ มีคนไม่น้อยเริ่มสงสัยในพลังของเย่เฟิง และคิดว่าเย่เฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคางเจี้ยน
แววตาของเย่เฟิงส่องประกายเยือกเย็น เมื่อเห็นศิษย์พรรคเทียนเสวียนคนนั้นถูกปล่อยตัวแล้ว เขาก็เดินไปหาคางเจี้ยน
“สวะ ข้าจะทำให้เ้าเห็นพลังที่แท้จริงของผู้อยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา!” คางเจี้ยนกล่าว จากนั้นพลังปราณปะทุออกจากร่างเขา เขาก้าวเดินพร้อมปล่อยรังสีหมัดออกไป ทว่าเย่เฟิงยังคงนิ่งเฉยแม้เผชิญหน้ากับรังสีหมัดที่น่ากลัวของคางเจี้ยน เย่เฟิงเพียงเดินไปข้างหน้าด้วยย่างก้าวมั่นคงดุจภูผา
“พลังหมัดของคางเจี้ยนทรงอานุภาพมาก แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ของพรรคเทียนอวิ๋นกับพรรคเทียนเซียวก็ยังรับไม่ได้ หมอนี่กำลังรนหาที่ตายหรือ?” ผู้คนต่างประหลาดใจ พวกเขาคิดว่าการกระทำของเย่เฟิงในตอนนี้เป็การรนหาที่ตายและต้องถูกรังสีหมัดของคางเจี้ยนทำลายจนไม่เหลือซากแน่นอน
“สวะ เ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก ไปให้พ้นจากหน้าข้าซะ!” คางเจี้ยนเห็นเย่เฟิงไม่หลบก็เผยสีหน้าดูแคลน
“ปัง!” รังสีหมัดทะลวงห้วงอากาศเข้าโจมตีร่างเย่เฟิง พลันพลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วร่าง แต่กลับทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
คางเจี้ยนรู้สึกว่าหมัดของตัวเองไม่ได้โจมตีมนุษย์ แต่โจมตีก้อนหินขนาดใหญ่ที่มิอาจสั่นคลอนได้ และพลังที่สะท้อนกลับมาก็ยังทำให้เขารู้สึกชาที่แขน
“เป็ไปได้ยังไง? เ้าสวมเกราะป้องกันงั้นเหรอ?” คางเจี้ยนตกตะลึง รังสีหมัดของเขาไร้เทียมทาน ทว่ากลับทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้ ผลลัพธ์เช่นนี้เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
“มีพลังแค่นี้แต่กล้าดียังไงมาทำตัวโอหังที่นี่ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน? หรือว่าพรรคเทียนจีไร้ยางอายเหมือนเ้ากันหมด?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม ก่อนจะปล่อยพลังฝ่ามือเข้าโจมตีคางเจี้ยน ตามมาด้วยเสียงคร่ำครวญ คางเจี้ยนต้องล้มลงไปกองกับพื้นและกระอักเืออกมา คางเจี้ยนพยายามลุกขึ้นยืน แต่กลับรู้สึกว่ามีฝ่าเท้าหนึ่งมาเหยียบศีรษะเขา จู่ ๆ เขาก็ถึงกับหน้ามืด
“หมอนี่แข็งแกร่งมาก การป้องกันทางกายภาพเทียบเท่ากับการป้องกันของชุดเกราะ แค่การโจมตีเดียวของคางเจี้ยนก็ยังทำอะไรไม่ได้ พลังโจมตีของเขาเรียกได้ว่าน่ากลัว คนเก่ง ๆ อย่างคางเจี้ยนก็ยังเปลี่ยนไปจนอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าคนผู้นี้!” ผู้คนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ก่อนหน้านี้คางเจี้ยนท้าดวลสามครั้งติด ทั้งยังพูดจาอวดดี แต่บัดนี้กลับรับการโจมตีของเย่เฟิงไม่ได้ ช่างน่าขันยิ่งนัก
เย่เฟิงเหยียบศีรษะของคางเจี้ยนอย่างแรง ซึ่งฉากนี้คล้ายคลึงกับฉากก่อนหน้านี้ที่คางเจี้ยนทำกับชายหนุ่มพรรคเทียนเสวียนคนนั้น
บนอัฒจันทร์ เฉินอ้าวเทียน หนางกงหลิงซวง และเฉินเซี่ยงเทียนต่างหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดว่าคนของพรรคเทียนจีจะถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเช่นนี้ แล้วจะให้พวกเขาอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร
เหตุการณ์นี้ทำให้คนของพรรคเทียนเสวียนมีจิตใจฮึกเหิม ในที่สุดพรรคเทียนเสวียนก็ปรากฏผู้ที่สามารถชำระแค้นได้แล้ว พวกเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพรรคเทียนจีไม่ปล่อยเ้าไว้แน่!” คางเจี้ยนเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบากในขณะที่เท้าของเย่เฟิงเหยียบศีรษะเขา
“พรรคเทียนจี ช่างน่าขัน!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม หากเขาสนใจพรรคเทียนจี เขาก็ไม่มีทางปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้
“แม้ในเวลานี้เ้าก็ยังไม่เจียมตัว สงสัยจะยังไม่ได้สติดีสินะ งั้นข้าจะช่วยเ้าเอง!” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นผู้คนเห็นเย่เฟิงยกฝ่าเท้าขึ้นและเหยียบลงไปที่ร่างคางเจี้ยนเต็มแรง ทำให้คางเจี้ยนส่งเสียงร้องอย่างเ็ป
“หมอนี่ใจกล้ามาก ขนาดอยู่ในถิ่นของพรรคเทียนจีก็ยังกล้าทำร้ายศิษย์พรรคเทียนจี เขาจะประกาศตั้งตัวเป็ศัตรูกับพรรคเทียนจีงั้นหรือ? จุดจบของเขาต้องน่าเศร้าเป็แน่” ผู้คนคิดในใจ นี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาเจอคนใจกล้ามากเช่นนี้ ส่วนเฉินอ้าวเทียนและเฉินเซี่ยงเทียนก็มีแววตาเยือกเย็นขึ้นเรื่อย ๆ หากลงมือได้ แน่นอนว่าเขาสองคนต้องทำให้เย่เฟิงตายอย่างน่าอนาถแน่นอน
“เ้ากล้าทำร้ายข้าเยี่ยงนี้ เตรียมรับเพลิงพิโรธของพรรคเทียนจีซะเถอะ!” คางเจี้ยนแผดเสียงะโอย่างโกรธเกรี้ยว เขาเองก็เป็อัจฉริยะมากฝีมือคนหนึ่งที่หาได้ยาก ทว่าบัดนี้เขากลับถูกคนเหยียบย่ำ ซึ่งมันแย่กว่าการฆ่าเขาให้ตายเสียอีก
“ทำไม? แค่นี้ก็รับไม่ได้เหรอ? เมื่อครู่เ้าใช้วิธีนี้ทำร้ายคนของพรรคเทียนเสวียนข้า แล้วเ้าเคยคิดบ้างไหมว่าตัวเองจะต้องเจอเหตุการณ์เดียวกัน?” เย่เฟิงเย้ยหยันคางเจี้ยน จากนั้นเขาใช้เท้าขยี้อีกครั้ง ทำให้คางเจี้ยนส่งเสียงร้องดังและเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
คางเจี้ยนตระหนักได้ว่าเย่เฟิงไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ทำอะไรบ้าระห่ำ แต่การทำร้ายเขาเช่นนี้ เย่เฟิงจะต้องเจอกับเพลิงพิโรธของพรรคเทียนจี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนตกตะลึง คิดว่าเย่เฟิงบ้าไปแล้ว ทำอะไรไม่มีความเกรงกลัว คิดอยากทำอะไรก็ทำ
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!” บนอัฒจันทร์หลัก เฉินเซี่ยงเทียนลุกขึ้นยืนมองเย่เฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น เอ่ยวาจาด้วยความเกรงขามราวกับว่าแค่เขาเอ่ยปาก เย่เฟิงก็ต้องยอมศิโรราบ
“ทำไมข้าต้องปล่อยด้วย?” เย่เฟิงเอ่ยถามขณะมองเฉินเซี่ยงเทียนด้วยท่าทีไร้ความเกรงกลัวใด ๆ
“เ้าก็รู้ว่านี่เป็การฝ่าฝืนกฎของเวทีประลอง” เฉินเซี่ยงเทียนกล่าวคล้ายข่มขู่เย่เฟิง
“กฎ? เวทีประลองนี้มีกฎด้วยหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะซักถามเฉินเซี่ยงเทียน
“แน่นอน ตอนนี้เ้ากำลังฝ่าฝืนกฎของเวทีประลอง ต้องถูกลงโทษ เ้าจะยอมรับได้หรือ?” เฉินเซี่ยงเทียนกล่าว
“ถ้าเวทีประลองนี้มีกฎจริง คางเจี้ยนก็ทำร้ายคนของพรรคเทียนเสวียนข้าด้วยไม่ใช่หรือ? ทั้งยังใช้วิธีต่ำทรามดูถูกคนของพรรคข้า ถ้าเวทีประลองนี้มีกฎจริง ทำไมเ้าเฉินเซี่ยงเทียนถึงนิ่งดูดายตอนคางเจี้ยนทำร้ายคนของพรรคข้า มองดูโดยไม่ทำอะไรเลยเล่า?” เย่เฟิงถามขณะมองเฉินเซี่ยงเทียนบนอัฒจันทร์ นี่ทำให้แววตาของเฉินเซี่ยงเทียนวาบประกายคมกริบ แต่ไม่รู้ว่าจะโต้เย่เฟิงกลับอย่างไรดี
“กฎมีไว้สำหรับผู้อ่อนแอ หากเ้าแข็งแกร่งก็ย่อมมีฐานะพิเศษและสามารถเมินกฎได้ เช่นเดียวกับเ้าเฉินเซี่ยงเทียน ในฐานะผู้าุโพรรคเทียนจี ก่อนหน้านี้เห็นชัดว่าเพิกเฉยต่อกฎหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับมาบอกว่าข้าฝ่าฝืนกฎ เ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ?” เสียงของเย่เฟิงดังกังวานทั่วบริเวณ ผู้คนต่างได้ยินชัดเจน ทำให้พวกเขาใจเต้นโครมครามและหายใจถี่เร็ว
“หมอนี่บ้าไปแล้วจริง ๆ ต่อหน้าผู้าุโระดับสูงของพรรคเทียนจี ไม่เพียงแต่ไม่เคารพยำเกรง แต่ยังกังขาเฉินเซี่ยงเทียน ซักถามอย่างไม่เกรงกลัว พูดอย่างเปิดเผยว่าเฉินเซี่ยงเทียนเพิกเฉยต่อกฎ ทั้งยังต่อว่าเฉินเซี่ยงเทียนว่าไม่ละอายใจต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เขาช่างใจกล้ายิ่งนัก!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน เหล่าผู้คนต่างต้องใจสั่นระรัว การกระทำของเย่เฟิงมันช่างบ้าบิ่นจริง ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้