ฉีลั่วอิ่งได้รับข้อความน่าหนักใจแบบนี้ทุกวัน
สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย พร้อมพ่นลมหายใจออกมาอย่างเ็า ถึงเขาจะชินแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีความสุขเท่าไรนัก
เขาไม่เคยตอบโต้กลับเลยสักครั้ง แต่แอนตี้พวกนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ต่อให้เขาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ทว่าผ่านไปไม่นานก็จะได้รับข้อความจากแอนตี้อีก นานวันเข้าเขาจึงตัดสินใจไม่อ่านข้อความอีกเลย
การคุกคามของแอนตี้แฟนเริ่มขึ้นเมื่อแปดปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาเพิ่งแสดงเป็อู๋เชวียน้อยที่สลักลึกในใจของผู้ชมจบไป และผลงานที่สองของเขา เื่《เกล็ดหิมะที่งดงาม》ก็กำลังจะออกอากาศ โดยผลงานเื่นี้เป็ละครย้อนยุคที่ดัดแปลงมาจากนิยาย นักแสดงนำทั้งสองฝ่ายเป็นักแสดงไอดอลที่กำลังโด่งดัง ซึ่งเขาและ “ซ่งปิ่งเอิน” นักแสดงดาวรุ่งหน้าใหม่ที่อายุไล่เลี่ยกันต่างก็รับบทเป็ตัวประกอบคนสำคัญของเื่ เวลาให้สัมภาษณ์กับสื่อจึงมักถูกพูดถึงพร้อมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ด้วยความขาดประสบการณ์ของฉีลั่วอิ่ง เขาจึงตกหลุมพรางของนักข่าวบันเทิงและกระโจนลงไปในกับดักคำถามโดยง่าย
“คุณคิดว่าการแสดงของซ่งปิ่งเอินเป็อย่างไร?”
“ไม่เลวนะครับ”
“เมื่อกี้นี้ตอนที่สัมภาษณ์ซ่งปิ่งเอิน เขาบอกว่าอยากจะเรียนรู้จากคุณให้มากเพราะคุณเดบิวต์ก่อนเขาหนึ่งปี คุณมีความคิดเห็นกับเื่นี้ยังไง?”
“ผมคิดว่าเขาแสดงได้ดีมากแล้ว แต่บางครั้งก็แสดงอารมณ์ออกมามากเกินไป สามารถเก็บเข้าไปได้สักหน่อย แล้วก็อาจจะใช้รายละเอียดของสายตาหรือไม่ก็ท่าทางได้มากกว่านี้” ฉีลั่วอิ่งที่เพิ่งอายุสิบเจ็ดปีคิดแค่ว่าในเมื่อซ่งปิ่งเอินออกปากแล้ว เขาก็จะตอบอย่างจริงจัง
จากนั้นพาดหัวข่าวของวันถัดมาก็เขียนว่า : ฉีลั่วอิ่งกล่าวว่าทักษะการแสดงของซ่งปิ่งเอินใช้ไม่ได้
ทันทีที่รายงานข่าวนั้นเผยแพร่ แฟนคลับของซ่งปิ่งเอินก็โกรธเป็อย่างมาก แม้กระทั่งคนที่บังเอิญผ่านมาอ่านก็ยังพุ่งตัวมาแสดงความคิดเห็น
“ฉีลั่วอิ่งคิดว่าตัวเองเป็ใคร? แค่แสดงเื่เดียวแล้วดังขึ้นมาก็เรียกตัวเองว่าเป็ผู้าุโแล้วหรือ?”
“ฉีลั่วอิ่งพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง? คิดจะเหยียบปิ่งเอินแล้วปีนขึ้นไปหรือไง? ปวดใจแทนปิ่งเอิน”
“ก่อนหน้านี้ฉันค่อนข้างชอบฉีลั่วอิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะนิสัยแย่แบบนี้ ฉันจะเปลี่ยนเป็แอนตี้! ตราบใดที่เขายังอยู่ในวงการบันเทิงฉันจะจับตาดูเขาเอง!”
แม้วันนั้นผู้จัดการจะช่วยฉีลั่วอิ่งชี้แจงว่าทั้งหมดเป็เื่เข้าใจผิด พร้อมทั้งออกมาขอโทษซ่งปิ่งเอินและแฟนคลับไปแล้ว แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้กับผลลัพธ์ที่อยู่นอกขอบเขตของการชี้แจง
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ฉีลั่วอิ่งก็เริ่มได้รับข้อความแปลกๆ
ฉีลั่วอิ่งไม่รู้ว่าเบอร์โทรศัพท์รั่วไหลออกไปได้อย่างไร คงเป็พนักงานในบริษัทต้นสังกัด หรืออาจจะเป็ญาติ เพื่อน หรือคนที่เคยติดต่อเื่งานสักคน
ตอนแรกฉีลั่วอิ่งเอาข้อความจากแอนตี้ให้ผู้จัดการดู แต่เซวียข่ายซินก็แนะนำว่าอย่าใส่ใจ ทางที่ดีที่สุดคือไม่ต้องไปอ่าน ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเซวียข่ายซินถึงไม่จัดการเื่นี้ แล้วก็ไม่เข้าใจการกระทำของแอนตี้พวกนั้น ถ้าไม่ชอบเขาก็ไม่ต้องดูละครของเขาก็พอแล้ว ทำไมต้องคุกคามจนถึงขั้นข่มขู่เขาด้วย?
จนกระทั่งวันหนึ่งผู้จัดการก็ห้ามเขาไว้ไม่ได้ เขาเลือกข้อความที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยส่วนบุคคลออกมาหลายอันและไปแจ้งตำรวจ ทางตำรวจก็ได้ติดตามตัวคนส่งข้อความพวกนั้นแล้วนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ฉีลั่วอิ่งรีบเคลียร์งานแล้วไปสถานีตำรวจทันที เขาอยากรู้เหลือเกินว่าคนทำเื่พวกนั้นเป็คนแบบไหน แต่เมื่อเขาเข้าไปในสถานีตำรวจ ก็เห็นกลุ่มคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นและพูดว่าไม่ได้ตั้งใจ ดังมาจากที่ไกลๆ ทันใดนั้นเขาก็ไม่รู้สึกโกรธแล้ว
สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะยอมความ โดยให้คนเ่าั้เขียนจดหมายขอโทษ แล้วก็จบเื่
หลังจากรู้เื่นี้ ผู้จัดการก็หัวเราะเยาะที่เขาทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ ปากกรรไกรใจเต้าหู้เสียจริง
ฉีลั่วอิ่งไม่ได้ตอบโต้กลับไปและยอมรับชื่อเรียกทุกคำ ั้แ่นั้นเป็ต้นมาเขาก็เลือกที่จะไม่ดูข้อความเ่าั้อีก ทั้งยังระมัดระวังคำพูดและการกระทำยิ่งกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม การได้รับข้อความด้านลบมากเกินไปในตอนเช้า ทำให้เขาอยากหาอะไรที่ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นมาสักหน่อย พอนึกถึงเื่ที่แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มแฟนคลับเมื่อคืน เขาก็ใช้บัญชีสุ่ยเก้ออี้ฟางเปิดกลุ่มขึ้นทันที แล้วอ่านข้อความของเมิ่งไป๋ไป๋อีกครั้ง
เขาคลี่ยิ้มออกมาด้วยจิตใจปลอดโปร่งแจ่มใส และไม่ลืมที่จะกดไลก์ให้ด้วย
ไม่รู้ตอนนี้เมิ่งไป๋ไป๋กำลังทำอะไรอยู่?
สำหรับแฟนคลับตัวยงแล้ว ฉีลั่วอิ่งยินดีที่จะคุยด้วยมากหน่อยและยอมเปิดเผยข่าวสุดพิเศษเพื่อตอบแทนที่คอยสนับสนุนเขา
เขากดเปิดคอลัมน์เพื่อนในบัญชีสุ่ยเก้ออี้ฟางขึ้นมา ซึ่งมีแค่เมิ่งไป๋ไป๋เพียงคนเดียว จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาอย่างคล่องมือ
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “มีข่าวเกี่ยวข้องกับฉีลั่วอิ่งโดยตรง อยากรู้ไหม?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ว่ามา”
เหนือความคาดหมาย เมิ่งไป๋ไป๋ตอบกลับมาแทบจะทันที
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ตื่นเช้าขนาดนี้เชียว? เป็นักเรียนเหรอ?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “มาวิ่งตอนเช้ามืด เรียนจบแล้ว ว่าแต่มีข่าวอะไร?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “วิ่งตอนเช้ามืด? ไม่มีธุระอะไรทำไมไม่นอนให้มากหน่อยล่ะ?”
ฉีลั่วอิ่งที่อยากจะเรื่อยเปื่อยอยู่ในบ้านทั้งวันก็รู้สึกเหมือนได้รับแรงกระตุ้น เขาเตือนตัวเองว่าหลังกินข้าวเช้าเสร็จแล้วควรไปใช้งานห้องออกกำลังกายสักหน่อย
เมิ่งไป๋ไป๋ : “นอนพอแล้ว การออกกำลังกายสามารถรักษาสมรรถภาพทางกายได้ แล้วตกลงคุณ้าจะบอกข่าวเื่อะไร?”
ฉีลั่วอิ่งคิดในใจว่าเมิ่งไป๋ไป๋ช่างใส่ใจข่าวของเขาเหลือเกิน สมกับเป็แฟนคลับตัวยงเสียจริง เขาจึงไม่อ้อมค้อมและเปิดเผยข่าวที่รู้มาเมื่อเช้าทันที เพราะถ้าผู้จัดการได้รับแจ้งเื่การเปลี่ยนตัวแล้ว แสดงว่าผู้กำกับและทางฝั่งฝ่ายผลิตก็น่าจะรู้แล้วเช่นกัน คาดว่า่เย็นๆ ของวันนี้ข่าวบันเทิงก็คงจะอัปเดต
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “เื่《บันทึกการเดินทางยามราตรีสู่ตะวันออก》ที่ฉีลั่วอิ่งจะต้องถ่ายทำถูกเปลี่ยนตัวนักแสดงแล้ว คิดไม่ถึงล่ะสิ?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ทำไม?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “คงจะเลือกคนที่ดีกว่าล่ะมั้ง?”
แน่นอนว่าฉีลั่วอิ่งไม่สามารถบอกเหตุผลจริงๆ ที่เขาถูกเปลี่ยนตัวให้เมิ่งไป๋ไป๋รู้ได้ เขาเข้าวงการมาสิบปีแล้วจึงรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ได้ยินว่าเื่นี้สร้างมาเพื่อฉีฉีโดยเฉพาะ ฉันเคยอ่านในข้อมูลแนะนำตัวละครและภูมิหลังของเื่ ไม่มีใครเหมาะกับบทนั้นไปมากกว่าเขา แล้วก็ไม่มีใครที่จะแสดงได้ดีไปกว่าเขา”
เมื่อได้อ่านข้อความของเมิ่งไป๋ไป๋ ฉีลั่วอิ่งก็เผยรอยยิ้มชอบใจออกมาบนใบหน้า สมแล้วที่เป็แฟนพันธุ์แท้
เขาออกมาจากห้องนอนแล้วเดินไปห้องครัวอย่างเชื่องช้า เขาชงกาแฟดำแล้วหยิบอกไก่สำเร็จรูปกับไข่ต้มจากตู้เย็นมาใส่จาน เตรียมกินมื้อเช้า
ฉีลั่วอิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยคำพูดที่มองโลกในแง่ดีแต่ก็มีความผิดหวังปนอยู่ ไม่รู้ว่าแฟนตัวยงของเขาจะเข้าใจหรือเปล่า?
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “สร้างเพื่อฉีลั่วอิ่งได้ ก็สามารถสร้างเพื่อนักแสดงคนต่อไปได้เหมือนกัน ในวงการบันเทิงไม่มีสิ่งที่เรียกว่านักแสดงที่ไม่สามารถเปลี่ยนตัวได้”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “คุณไม่ใช่แอนตี้จริงๆ เหรอ?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ไม่ใช่!”
คำถามของเมิ่งไป๋ไป๋ทำให้ฉีลั่วอิ่งตะลึงจนเกือบสำลักอาหาร เขาอ่านบทสนทนาเมื่อครู่นี้อีกรอบก็ยังมองไม่เห็นจุดน่าสงสัยของตัวเอง จึงตัดสินใจถามเมิ่งไป๋ไป๋ตรงๆ จะได้ไม่ต้องคาดเดามั่วๆ
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ทำไมถึงคิดว่าฉันเป็แอนตี้?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “สัญชาตญาณ แฟนคลับไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “จะเหมารวมเพราะเื่เมื่อวานไม่ได้นะ ฉันไม่ใช่แอนตี้จริงๆ!”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ฉันจะไปทำงานแล้ว มีอะไรก็พิมพ์ทิ้งไว้”
เฮ้! นี่มันไม่ใช่แล้วมั้ง?
ไอดอลคุยกับแฟนคลับ แต่แฟนคลับกลับทิ้งเขาไว้กลางทางเนี่ยนะ?
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “จะไปทำงานอะไรเหรอ?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ไม่ใช่ว่าคุณกำลังวิ่งตอนเช้ามืดเหรอ?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “คุณจะเลี่ยงหัวข้อเื่แอนตี้ไม่ได้นะ!”
ไม่ว่าฉีลั่วอิ่งจะส่งอะไรไป ข้อความก็ปรากฏชัดเจนว่ายังไม่ได้เปิดอ่าน ดูแล้วเมิ่งไป๋ไป๋คงไปทำงานแล้วจริงๆ
ฉีลั่วอิ่งเบิกตากว้าง ทั้งโกรธทั้งจนใจ เขาไม่เคยถูกแฟนคลับเมินมาก่อนเลย!
“ถ้ารู้ว่าฉันเป็ใครคงจะเสียใจไปจนตายเลยมั้ง?”
----------
เมิ่งไป๋ไป๋ : “คดีคราวก่อนสามารถบังคับใช้ได้ตั้งนานแล้ว” (โหมดทำงาน)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้